ตอนที่ 2655 การเกิดของมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย

เมื่อได้ยินคำพูดของชิลวอริเออร์ขั้นสาม โซลิดวินด์ก็หันไปหาซือเฟิงด้วยสีหน้าลำบากใจ ก่อนหน้านี้เธอมุ่งเน้นไปที่การต่อสู้ ดังนั้นเธอจึงลืมที่จะขอชื่อของซือเฟิง ในความเป็นจริงเธอลืมที่จะขอบคุณซือเฟิงสำหรับความช่วยเหลือของเขา แต่โชคดีที่ชิลวอริเออร์อย่าง เครซบลูนั้นได้ริเริ่มที่จะถาม ไม่งั้นทีมนักผจญภัยของพวกเขาคงจะดูเหมือนพวกเนรคุณอย่างมาก

“แบล๊คเฟรม” ซือเฟิงตอบอย่างใจเย็น

“แบล๊คเฟรม ?” เครซบลูหัวเราะโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อได้ยินชื่อของซือเฟิง “เพื่อน ชื่อของคุณมันน่าทึ่งเกินไป เป็นไปได้มากเลยนะว่าไม่มีใครในอาณาจักรสตาร์มูนที่กล้าแสดงความไม่เคารพต่อชื่อนี้”

สมาชิกในทีมที่เหลือพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเครซบลู

ในช่วงนี้เวลานี้ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีก

ไม่ต้องพูดถึงพันธมิตรดวงดาวที่เป็นกิลชั้นสูงแห่งอาณาจักรสตาร์มูนเลย แม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังต้องแสดงความเคารพต่อสภาสิบแปดปีกในตอนนี้ ผู้เล่นทุกคนในอาณาจักรสตาร์มูนล้วนรู้ถึงตัวตนของแบล๊คเฟรม

อย่างไรก็ตามไม่ว่าพวกเขาจะมองอย่างไร ร่างของซือเฟิงที่กำลังสวมเสื้อคลุมอยู่ตอนนี้ก็ไม่ได้ดูเหมือนแบล๊คเฟรมที่เป็นตัวตนระดับตำนานของอาณาจักรสตาร์มูนเลย และพวกเขาก็ไม่คิดเช่นกันว่าหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกจะมาที่สถานที่ที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์ Faux Saint แบบนี้

“เอาล่ะในเมื่อเขาไม่ต้องการจะเปิดเผยชื่อของเขา ดังนั้นเราจึงไม่จำเป็นจะต้องสอดรู้สอดเห็นในเรื่องนี้” โซลิดวินด์กระซิบผ่านแชททีม ขณะที่สมาชิกในทีมของเธอกำลังเริ่มจะล้อเลียนซือเฟิง

เมื่อได้รับคำเตือนของโซลิดวินด์ทุกคนก็พยักหน้าทันที และตกลงกันที่จะทำแบบนั้น เพราะท้ายที่สุดมันต้องขอบคุณซือเฟิงเลยที่ทำให้พวกเขารอดชีวิตมาได้ และเนื่องจากซือเฟิงต้องการจะปกปิดตัวตนของตัวเอง ดังนั้นพวกเขาจึงควรทำตามมารยาทและไม่ควรเจาะลึกเรื่องนี้
“เรายังไม่ได้ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณเลยพี่แบล๊คเฟรม ในอนาคตหากคุณพบปัญหาใดๆในจักรวรรดิออร์คหรืออาณาจักรสตาร์มูน โปรดอย่าลังเลที่จะติดต่อเรามา ทีมนักผจญภัยบลัดแพ็คของเราอาจเทียบไม่ได้กับกิลใหญ่ๆ แต่เราก็มีความสามารถมากพอที่จะจัดการปัญหาเล็กๆน้อยๆได้แน่นอน” โซลิดวินด์กล่าวด้วยความขอบคุณ ขณะที่เธอเดินเข้าหาซือเฟิง

“ถูกต้อง เราอาจจะไม่ใช่ทีมนักผจญภัยชั้นยอดที่มีชื่อเสียง แต่เราก็ยังคงเป็นหนึ่งในทีมนักผจญภัยที่แข็งแกร่งที่สุดยี่สิบอันดับแรกที่ปฎิบัติการในจักรวรรดิออรฺค หากคุณไปเจอผู้เล่นสายความมืดที่ไม่รู้อะไรเลยบางกลุ่ม แค่คุณเอ่ยชื่อ”บลัดแพ็ค” นั้น ผู้เล่นพวกนั้นก็จะยอมแสดงความเคารพและถอยไปแน่นอน” เครซบลูกล่าวอย่างมั่นใจ

“ได้เลย” ซือเฟิงพยักหน้า ในขณะเดียวกันรอยยิ้มที่ขมขื่นก็เกิดขึ้นภายใต้เสื้อคลุมสีดำ เมื่อเขาเห็นว่าโซลิดวินด์และทีมของเธอไม่เชื่อเขา

“รีบกลับไปที่รถม้าแล้วเดินทางกันต่อดีกว่า เมื่อกลางคืนมาถึง ไม่เพียงแต่มอนสเตอร์ Faux Saint พวกนั้นจะมีการเคลื่อนไหวมากขึ้น แต่สมาชิกของมือแห่งนักบุญยังจะซุ่มโจมตีผู้เล่นที่ปฎิบัติการรอบเมืองปีกสีเงินด้วย ซึ่งด้วยกำลังคนเพียงเล็กน้อยที่เรามีตอนนี้ เราจะไม่สามารถปกป้องสินค้าทั้งหมดของเราได้แน่นอน” โซลิดวินด์กล่าวขณะที่เธอชี้ไปที่ขบวนสินค้า

เมื่อได้ยินคำเตือนของโซลิดวินด์ ทุกคนก็ไม่กล้าจะลังเลใดๆ พวกเขารีบจัดแจงทุกอย่างและเดินทางต่ออย่างรวดเร็วทันที

“รองผู้บัญชาการวินด์ เนื่องจากมอนสเตอร์ Faux Saint เหล่านี้จะเคลื่อนไหวกันมากขึ้นในเวลากลางคืน แล้วสมาชิกของมือแห่งนักบุญไม่กลัวจะถูกพวกโจมตีหรอถึงกล้าซุ่มโจมตีผู้เล่นที่ปฎิบัติการรอบเมืองปีกสีเงินในเวลากลางคืน ?” ซือเฟิงถามอย่างสงสัย หลังจากเขาขึ้นมาบนรถม้า

เนื่องจากมือแห่งนักบุญพยายามจะขยายอิทธิพลของตัวเองในอาณาจักรสตาร์มูน ดังนั้นการต้องปะทะกับสภาสิบแปดปีกจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจเลยที่ได้ยินว่ามือแห่งนักบุญกำหนดเป้าหมายมาที่ผู้เล่นที่ปฎิบัติการรอบเมืองปีกสีเงินในดินแดนของสภาสิบแปดปีก อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของพวกมอนสเตอร์ Faux Saint ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กเช่นกัน การที่มือแห่งนักบุญเข้ามาปฎิบัติการซุ่มโจมตีผู้เล่นรอบเมืองปีกสีเงินในเวลาที่มอนสเตอร์ Faux Saint เคลื่อนไหวมากขึ้น มันก็ดูจะเป็นเรื่องที่โง่เขลามากๆ
“เราเองก็คิดว่าสถานการณ์นี้มันน่าแปลกเช่นกัน อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่ามือแห่งนักบุญจะพัฒนาเครื่องมือพิเศษขึ้นมาได้ ซึ่งเมื่อผู้เล่นสวมใส่เครื่องมือพิเศษนี้ ตราบใดที่พวกเขาไม่โจมตีมอสเตอร์ Faux Saint มอนสเตอร์ Faux Saint เหล่านั้นก็จะไม่โจมตีพวกเขาเช่นกัน ซึ่งด้วยเครื่องมือนี้ สมาชิกของมือแห่งนักบุญจึงสามารถจะประสานการเคลื่อนไหวของพวกเขากับมอนสเตอร์ Faux Saint เพื่อกำหนดเป้าหมายมาที่เมืองปีกสีเงินได้ และเมื่อเร็วๆนี้การโจมตีของพวกเขาก็แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งดูจากรูปลักษณ์แล้ว มือแห่งนักบุญน่าจะต้องการเข้ายึดเมืองปีกสีเงินให้ได้เร็วที่สุด” โซลิดวินด์กล่าว “อย่างไรก็ตามสำหรับผู้เล่นอิสระแบบตัวเราเอง ไม่อยากเห็นเมืองปีกสีเงินล่มสลายลง”

“ขณะเดียวกันไม่ไกลจากตรงนี้ มันก็มีเมืองกิลที่ถูกยึดไปโดยมือแห่งนักบุญ ซึ่งมันจะเปิดให้แค่สมาชิกของมือแห่งนักบุญเข้าไปเท่านั้น ในขณะเดียวกันเมืองปีกสีเงินก็จัดเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจของจักรวรรดิออร์คในปัจจุบัน ซึ่งถ้ามือแห่งนักบุญยึดมันไปได้ พวกเราก็จะไม่มีที่ไปเลย ด้วยเหตุนี้ทีมนักผจญภัยจำนวนมาก และแม้แต่กิลของอาณาจักรสตาร์มูนบางส่วนก็กำลังทำงานร่วมกันเพื่อช่วยเหลือสภาสิบแปดปีกในการป้องกันการโจมตีของมือแห่งนักบุญ และปกป้องเส้นทางการค้าที่จะมุ่งหน้าไปยังเมืองปีกสีเงิน แต่เนื่องจากมอนสเตอร์ Faux Saint นั้นมีความแข็งแกร่งมากขึ้น เมื่อไม่นานมานี้ ฝ่ายของเราจึงเริ่มเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และฉันก็ไม่รู้ว่าเราจะอดทนแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน ….”

นอกเหนือจากโซลิดวินด์แล้ว ผู้เล่นคนอื่นๆอีกหลายคนก็เกลียดมือแห่งนักบุญมาก และพวกเขาต้องการแก้แค้น

ขณะนี้มหาอำนาจต่างๆในอาณาจักรสตาร์มูนกำลังดิ้นรนเพื่อจัดการกับมอนสเตอร์ Faux Saint แต่มือแห่งนักบุญกับเลือกจะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ ซึ่งมันทำให้ผู้เล่นอิสระเช่นตัวพวกเขาเองนั้นเอาตัวรอดยากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกเขาจะเกลียดชังมือแห่งนักบุญมากๆ แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีพลังมากพอจะทำอะไรกับกิลได้เลย ในความเป็นจริงแม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังไม่กล้าที่จะต่อต้านมือแห่งนักบุญ และทำเพียงแค่เฝ้าดูจากข้างสนามเท่านั้น

จากการสนทนากับโซลิดวินด์และคนอื่นๆ มันทำให้ซือเฟิงค่อยๆเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของอาณาจักรสตาร์มูน

แม้ว่าอาณาจักรสตาร์มูนจะสูญเสียดินแดนไปเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว แต่เมืองหลักของ NPC ส่วนใหญ่ก็ยังไม่ได้ล่มสลายไป แต่ถึงกระนั้นสถานการณ์ก็ไม่ได้ดูดีเลยสำหรับอาณาจักรสตาร์มูน

นี่เป็นเพราะมอนสเตอร์ Faux Saint นั้นมีความแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ในทางกลับกัน มันกับมีผู้เล่นจำนวนมากอพยพออกจากอาณาจักรไป ณ จุดนี้ เมืองไวท์ริเวอร์ซึ่งเดิมมีผู้เล่นมากกว่าสิบล้านคน ตอนนี้มีประชากรผู้เล่นน้อยกว่าสี่ล้านคนแล้ว ขณะเดียวกันเมือง NPC อื่นๆที่ยังเหลือรอดในอาณาจักรก็มีสภาพที่ย่ำแย่กว่านี้มาก

ในขณะเดียวกันเนื่องด้วยจำนวนผู้เล่นที่ลดลงอย่างมากนี้ มันก็ทำให้เศรษฐกิจของอาณาจักรสตาร์มูนหดตัวตามไปด้วย ซึ่งมันก็ทำให้มหาอำนาจหลายกลุ่มที่เข้ามาทำการค้าต้องออกจากอาณาจักรสตาร์มูนไปเพื่อหาที่ที่ดีกว่า

ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากการจากไปของผู้เล่นจำนวนมากแบบนี้ รวมไปถึงมหาอำนาจบางกลุ่มของอาณาจักรสตาร์มูน มันทำให้กองกำลังสายความมืดต่างๆเริ่มลุกขึ้นมา ซึ่งพลังของกองกำลังสายความมืดได้พัฒนาไปถึงจุดที่ว่า ถ้าผู้เล่นทั่วไปออกจากการคุ้มครองของเมืองกิลหรือ NPC พวกเขาอาจจะตายได้ทันที

โดยรวมแล้วสถานการณ์ในอาณาจักรสตาร์มูนสามารถสรุปได้ด้วยคำเดียวว่า โกลาหล !!!

ที่สำคัญที่สุดคือเมื่อมอนสเตอร์ Faux Saint แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนก็เริ่มจะมองเห็นวันที่เมืองหลักของ NPC ในอาณาจักรสตาร์มูนจะล่มสลายลงได้แล้ว และเมื่อเวลานั้นมาถึง อาณาจักรก็จะล่มสลายแน่นอน โดยมันก็จะมีเพียงแค่ผู้ที่เข้าร่วมกับมือแห่งนักบุญเท่านั้นที่จะสามารถหลีกเลี่ยงการถูกมอนสเตอร์ Faux Saint พวกนี้กลืนกินได้

ในขณะที่ขบวนสินค้ากำลังเดินทางไปอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ก่อนที่ซือเฟิงจะทันได้รู้ตัวนั้น พวกเขาก็มาถึงป่าทะเลทรายใกล้กับเมืองปีกสีเงินแล้ว

ปัจจุบันมันมีขบวนสินค้าอย่างน้อยยี่สิบขบวนที่กำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองปีกสีเงินภายใต้การคุ้มกันของผู้เล่น ซึ่งจากภาพที่เห็นในปัจจุบันนั้น แม้แต่ผู้เล่นทั่วไปก็สามารถจะรู้ได้เลยว่าเมืองปีกสีเงินรุ่งเรืองมากแค่ไหน

ยิ่งไปกว่านั้นนอกเหนือจากทีมนักผจญภัยที่คอยคุ้มกันแล้ว มันยังมีกองทัพผสมหนึ่งหมื่นคนซึ่งเป็นของกิลขนาดใหญ่ต่างๆคอยตรวจตราในบริเวณใกล้กับเมืองปีกสีเงินด้วย

“ในที่สุดเราก็ปลอดภัยแล้ว” โซลิดวินด์ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อได้เห็นกองทัพผสมของกิล

ท้องฟ้านั้นมืดลงแล้ว และมอนสเตอร์ Faux Saint ที่พวกเขาจะต้องเผชิญในเวลานี้นั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าหัวเราะเลย นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องการคุกคามจากผู้เชี่ยวชาญของมือแห่งนักบุญอีก ขบวนสินค้าของพวกเขาจะต้องถูกทำลายล้างแน่นอน หากเผชิญกับการซุ่มโจมตี

“กองทัพลาดตระเวนในวันนี้ค่อนข้างจะน่าทึ่งจริงๆ รองหัวหน้ากิลพันธมิตรดวงดาวอย่างเพอเพิ้ลอายมาเป็นผู้นำมันด้วยตัวเองเลย ด้วยเหตุนี้แม้ว่าสมาชิกของมือแห่งนักบุญจะโจมตีพร้อมกับมอนสเตอร์ Faux Saint เราก็ไม่มีอะไรต้องกลัว” เครซบลู
กล่าวด้วยดวงตาที่เปล่งประกายไปด้วยความตื่นเต้น ขณะที่เขาจ้องมองไปยังหญิงสาวในชุดเสื้อคลุมสีแดงที่นำกองทัพลาดตระเวนอยู่

ขณะเดียวกันสมาชิกของบลัดแพ็คตนอื่นๆก็พยักหน้าเห็นด้วยกับเครซบลู เมื่อพวกเขามองเห็นเพอเพิ้ลอาย

ทุกวันนี้แม้ว่าอาณาจักรสตาร์มูนจะให้กำเนิดผู้เชี่ยวชาญใหม่ๆขึ้นมามากมาย แต่ผู้ที่มีความสามารถในการจะเข้าสู่รายชื่อจัดอันดับผู้เชี่ยวชาญระดับพระเจ้าของ God domain ก็ยังมีจำนวนน้อยมาก เพราะท้ายที่สุดมันแล้วมันมีผู้เล่นทั่ว God domain ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นความยากในการจะเข้าสู่รายชื่อจัดอันดับผู้เชี่ยวชาญระดับพระเจ้าจึงยากกว่าเมื่อก่อนมาก ในขณะเดียวกันในบรรดาผู้เชี่ยวชาญของอาณาจักรสตาร์มูน เพอเพิ้ลอายเป็นคนที่ติดหนึ่งในสามร้อยอันดับแรกมานานแล้ว และตามข่าวลือ เธอก็พึ่งจะได้รับสายเลือดที่ทรงพลังมา ซึ่งมันทำให้พลังการต่อสู้ของเธอนั้นเทียบได้กับผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดทั่วไปแล้ว

เหนือสิ่งอื่นใดเมื่อไม่นานมานี้ เพอเพิ้ลอายก็พึ่งจะประสบความสำเร็จในการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเธอได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ และ ณ จุดนี้ทุกคนในอาณาจักรสตาร์มูนต่างก็คาดเดากันไปแล้วว่าเธอนั้นเหนือกว่าอควาโรสของสภาสิบแปดปีกแล้ว และอาจจะเกือบเทียบได้กับแบล๊คเฟรมเลย

ด้วยมีผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งขนาดนี้คอยปกป้อง มันจะไม่ให้พวกเขามั่นใจได้อย่างไร ?

ในขณะที่สมาชิกของบลัดแพ็คกำลังพูดคุยกันถึงเรื่องเพอเพิ้ลอายเบาๆ ความวุ่นวายก็ปะทุขึ้นในระยะไกล หลังจากนั้นไม่นานเสียงคำรามที่อึกทึกก็ดังขึ้นมาจากทิศทางเดียวกัน

“วิ่ง !! วิ่งเร็ว !! พวกมอนสเตอร์ Faux Saint มาแล้ว !!”

เมื่อได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนบอกขึ้น ทุกคนในบริเวณใกล้เคียงนั้นก็ล้วนหันไปมองที่ต้นตอของเสียงคำราม ซึ่งสิ่งที่เข้ามาอยู่ในระยะสายตาของพวกเขาคือกลุ่มเมฆฝุ่นขนาดใหญ่ ในขณะเดียวกันภายในเมฆฝุ่น พวกเขาก็สามารถที่จะมองเห็นร่างของมอนสเตอร์ Faux Saint ที่มีความสูงหกเมตรได้อย่างง่ายดาย ซึ่งหากนับรวมๆแล้วมันก็มีจำนวนหลายพันตัวเลย

“ทุกคนรีบหนีเข้าไปที่เมืองปีกสีเงิน !!! กองทัพลาดตระเวนของเราจะรั้งท้ายให้ !!!” เพอเพิ้ลอายตะโกน เมื่อเธอเห็นกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint กำลังใกล้เข้ามา

กองทัพลาดตระเวนนั้นได้เปลี่ยนรูปแบบของตัวเองไปเป็นรูปแบบตั้งรับทันที และดูจากปฎิกิริยาที่ใจเย็นของผู้เล่นในกองทัพนี้ แม้ว่าจะเห็นกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ใกล้เข้ามา มันก็เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาทุกคนล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์

อย่างไรก็ตามเมื่อกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint เข้ามาในระยะห้าร้อยหลา สีหน้าของสมาชิกทุกคนในกองทัพลาดตระเวนก็เปลี่ยนไป

“ไม่ดีแล้ว !!! ในกองทัพนี้มันมีมอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายมาด้วย !!!”

ในบรรดามอนสเตอร์ Faux Saint ทั้งหมดที่พวกเขารู้จักนั้น แม้แต่ Faux Saint Destroyers ก็มีความสูงเพียงเจ็ดเมตรเท่านั้น อย่างไรก็ตามตอนนี้ทุกคนก็ต้องเต็มไปด้วยความตกตะลึง เมื่อเห็นร่างที่สูงสิบสองเมตรวิ่งอยู่ท่ามกลางกองทัพมอนสเตอร์ และแรงกดดันที่รุนแรงที่แผ่ออกมาจาก มอนสเตอร์ Faux Saint ที่มีความสูงสิบสองเมตรนั้นมันก็ทรงพลังมากจนทำให้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสอง เลเวลหนึ่งร้อยสิบสองก็ยังตัวสั่น

แค่ Faux Saint Destroyers ที่เป็นมอนสเตอร์ระดับแกรนลอร์ดนั้น มันก็ยากจะรับมือมากแล้วสำหรับผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม ในความเป็นจริง แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดบางส่วนก็ยังตายลง เมื่อต้องต่อสู้กับ Faux Saint Destroyers ดังนั้นมันจึงแทบไม่มีใครจินตนาการออกเลยว่า มอนสเตอร์ Faux Saint พวกนี้จะน่ากลัวแค่ไหน หากมันขึ้นไปสู่ระดับเทพนิยาย

นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่า นอกเหนือจาก Faux Saint ระดับเทพนิยายแล้ว กองทัพนี้ยังประกอบไปด้วย Faux Saint Destroyers หลายร้อยตัว และ Faux Saint Saboteurs หลายพันตัว

“เป็นไปได้ยังไง ?! มอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายปรากฎตัวขึ้นอย่างรวดเร็วขนาดนี้ได้ยังไง ?!” โซลิดวินด์ตกตะลึง เมื่อเธอได้เห็นมอนสเตอร์ Faux Saint ขนาดมหึมา

“พวกเราจบสิ้นแล้ว !!! คราวนี้พวกเราจบสิ้นแล้วจริงๆแน่นอน !!!” เครซบลูเองก็ตกอยู่ในความสิ้นหวังเช่นกัน เมื่อได้เห็นสถานการณ์เช่นนี้

แค่เผชิญหน้ากับกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ที่ประกอบไปด้วยแกรนลอร์ดมากมาย มันก็ยังจัดว่าตึงมือมากแล้ว สำหรับผู้เล่นอย่างพวกเขาในตอนนี้ แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้มันกลับมีมอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายปรากฎตัวขึ้นแล้ว ดังนั้นมันจะเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่เมืองปีกสีเงินจะถูกทำลาย ….

เพราะท้ายที่สุดในตอนนี้มันยังไม่มีใครสามารถจะฆ่า Faux Saint Destroyer ได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยว่าการจะฆ่า Faux Saint Devourer ซึ่งเป็นมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายเป็นไปไม่ได้แน่นอนในตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้น มอนสเตอร์ Faux Saint เหล่านี้ก็จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป และต่อหน้ามอนสเตอร์ตัวนี้ ผู้เล่นในปัจจุบันก็หมดหนทางที่จะหยุดมันได้

อย่างไรก็ตามก่อนที่ใครจะทันได้ตอบสนองกับเรื่องนี้ได้ กองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ภายใต้การนำของ Faux Saint Devourer ก็เข้าปะทะกับกองทัพลาดตระเวนแล้ว

เมื่อต้องเจอกับ Faux Saint Devourer ที่เป็นมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย แม้แต่พลังป้องกันของแท๊งเกอร์ขั้นสามก็ดูไม่ต่างจากเศษกระดาษเลย และด้วยการแทงหอกโจมตีไปในแนวนอน Faux Saint Devourer ก็สามารถจะทำให้แท๊งเกอร์ขั้นสามจำนวนมากปลิวกระเด็นไปได้ รวมทั้งทำให้ HP ของพวกเขาลดลงอย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกัน แม้ว่า เพอเพิ้ลอายซึ่งเป็น Elementalist ขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยสิบสี่ จะเปิดใช้งานคำสาปขั้นสามโจมตีเข้าใส่ Faux Saint Devourer แต่มันก็สามารถจะรับมือได้อย่างไม่ยากเย็นนักเลย แถมตอนนี้เนื่องด้วยการโจมตีนี้ของเพอเพิ้ลอาย มันจึงทำให้ Faux Saint Devourer พุ่งเข้ามาหาโจมตีโต้ตอบเธออย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ใช่เพราะปฎิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วของเธอที่ทำให้เธอเปิดใช้งานสกิลช่วยชีวิตได้ทัน เธอน่าจะถูกฆ่าในทันที

“พี่แบล๊คเฟรม รีบไปกันเถอะ !!! กองทัพลาดตระเวนจะหยุดพวกมันไว้ได้ไม่นานนักแน่นอน !!!” เครซบลูกล่าวอย่างกระวนกระวาย เมื่อเห็นว่าซือเฟิงลงจากรถม้าไป

หากแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถสูงอย่างเพอเพิ้ลอายยังเสียเปรียบ Faux Saint Devourer กองทัพ Faux Saint ก็จะใช้เวลาไม่นานแน่นอนในการฝ่าแนวป้องกันของกองทัพลาดตระเวนเข้ามา