ได้ยินคำถามของสกาเล็ต เซียวอวี๋ก็เข้าใจแล้วว่าสาวงามนางนี้เป็นกุหลาบที่มีหนาม

มองจากภายนอกอาจจะเห็นดอกไม้อันงามงด ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบ นางเห็นทุกสิ่งที่เกิด แต่ไม่ได้เข้ามาห้ามปรามลูกน้องตนเองแต่อย่างใด เมื่อได้เห็นความแข็งแกร่งของอิลิดันและคาเอล นางก็พลันเปลี่ยนวิธีการและเริ่มโปรยเสน่ห์ต่อเซียวอวี๋เพื่อหวังใช้ขุมกำลังของเซียวอวี๋ในการบรรลุเป้าหมาย สตรีนางนี้ไม่เรียบง่ายเลยจริงๆ “หืม? แลกเปลี่ยนงั้นหรือ? ไม่ทราบว่าท่านจะตอบแทนข้าด้วยสิ่งใด? ข้าขอบอกไว้ก่อนว่าในโลกนี้ยากจะมีสิ่งใดพึงตาต้องใจข้าได้” ที่เซียวอวี๋กล่าวนั้นไม่ได้เกินจริงแม้แต่น้อย ภายในวิหารดำนั้น เขาเคยเห็นสมบัติผ่านตามานับไม่ถ้วน หากอีกฝ่ายเพียงต้องการแลกเปลี่ยนด้วยเงิน เช่นนั้นก็คงต้องยุติแต่เพียงนี้ “นายน้อยยังไม่ได้บอกนามของท่านเลย” สกาเล็ตกลับถามกลับมาแทน เซียวอวี๋กล่าวตอบ “ข้าชื่อเซียวอวี๋ ไม่ใช่คนที่นี่” สกาเล็ตพยักหน้าและกล่าวว่า “เรื่องนั้นข้าทราบแล้ว เสื้อผ้าของนายน้อยท่านไม่ได้เหมือนกับที่พวกเราสวมใส่ สำเนียงการพูดเองก็แตกต่างอย่างมาก ให้ข้าเดา….ท่านคงเป็นชนชั้นสูงจากอาณาจักรพยัคฆ์เมฆา?” เซียวอวี๋ไม่ประหลาดใจที่นางสามารถคาดเดาออก เขากล่าวรับเสียงเรียบ “ถูกแล้ว ข้ามาจากพยัคฆ์เมฆา ข้ามาที่นี่ด้วยเรื่องบางอย่าง แต่ข้าหลงทางจนมาถึงที่นี่” “ข้าเดาถูกจริงๆด้วย นายน้อยต้องการกลับไปยังอาณาจักรพยัคฆ์เมฆาหรือ?” สกาเล็ตชายตามอง เซียวอวี๋เอนหลังพิงเก้าอี้พล่างกล่าวว่า “นั่นก็ใช่ ที่นี่ไม่เห็นสนุกแม้แต่น้อย หากที่นี่มีสิ่งใดสามารถดึดดูดข้าได้ ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะอยู่ต่ออีกช่วงหนึ่ง” ได้ยินดังนั้น สกาเล็ตก็แย้มยิ้มแะลกล่าวว่า “พวกเราไปพูดคุยกันในห้องส่วนตัวดีกว่า บางที…ข้าอาจจะมีบางสิ่งที่ทำให้ท่านรู้สึกสนใจ” เซียวอวี๋ยิ้ม “หากมีบางสิ่งที่ทำให้ข้าสนใจได้ ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะแลกเปลี่ยนกับท่าน ข้าคงต้องขอพิจาณาดูก่อน” เห็นเซียวอวี๋มีทีท่าจะตกลง นางก็สั่งให้บริกรของร้านให้จัดเตรียมห้องส่วนตัวที่ดีที่สุด เซียวอวี๋และสกาเล็ตเดินเข้าไปก่อน จากนั้นจึงเป็นอิลิดันและคาเอลที่ตามเข้าไป ขณะที่ผู้ติดตามคนอื่นๆของสกาเล้ตถูกสั่งให้รอข้างนอก สกาเล็ตชายตามองเซียวอวี๋ “นายน้อย ท่านกลัวว่าอิสตรีอ่อนแอเช่นข้าจะทำร้ายท่านหรือ?” เซียวอวี๋ส่ายศีรษะและตอบกลับอย่างจริงจัง “แน่นอนว่าไม่ใช่ ต่อให้ไม่มีพวกเขา ข้าก็มั่นใจว่ามีคนไม่มากภายในทวีปแห่งนี้ที่สามารถทำร้ายข้าได้ แต่พวกเขาเป็นพี่น้องของข้า ข้าไม่จำเป็นต้องปกปิดต่อพวกเขา” สกาเล็ตมองอิลิดันและคาเอลด้วยความประหลาดใจ แต่นางก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใด ในบางตระกูลนั้น พวกเขาจะชุบเลี้ยงนักรบเดนตายเอาไว้ คนเหล่านี้เป็นนักรบที่ถูกชุบเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กเพื่อให้ภักดีต่อตระกูล สามารถไว้ใจได้ สกาเล็ตก็คิดว่าอิลิดันและคาเอลเป็นคนประเภทนั้น ส่วนเซียวอวี๋นั้น แน่นอนว่าเขาจะต้องเป็นชนชั้นสูงจากอาณาจักรพยัคฆ์เมฆาอย่างไม่ต้องสงสัย “การแลกเปลี่ยนที่ท่านกล่าวถึงเป็นแบบใดหรือ คุณหนูสกาเล็ต?” ภายในห้องส่วนตัว เซียวอวี๋นั่งอยู่หัวโต๊ะขณะใช้สายตาสำรวจเรือนร่างของสกาเล็ต ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าร่างของสกาเลตนั้นร้อนแรงมาก มากซะจนมีคนไม่มากที่สามารถต้านทานได้ สกาเล็ตมองดูเซียวอวี๋ที่จ้องมองตัวเองพลางแย้มยิ้ม “ไม่ทราบว่าท่านเคยได้ยินเกี่ยวกับหอการค้าฝูลู่แห่งจักรวรรดิแลนซ์หรือไม่?” “หอการค้าฝูลู่?” เซียวอวี๋ขมวดคิ้ว หรือตอนนี้พวกเขาอยู่ในจักรวรรดิแลนซ์? น่าเสียดายที่สิ่งที่เซียวอวี๋คาดนั้นไม่เป็นจริง แม้ว่าเขาจะได้ถูกส่งไปที่อีกด้านของบึงตะวันลับ แต่นั่นก็ยังอยู่ห่างไกลจากอาณาจักรพยัคฆ์เมฆาอย่างมาก จักรวรรดิแลนซ์นั้นตั้งอยู่ทางตะวันออกของบึงตะวันลับ และมีเขตแดนติดกับอาณาจักรพยัคฆ์เมฆา ทั้งสองอาณาจักรเคยมีข้อพิพาททางทหารนับครั้งไม่ถ้วน “ดูเหมือนนายน้อยจะทราบข้อมูลเกี่ยวกับจักรวรรดิแลนซ์ไม่น้อย” สกาเล็ตคิดว่าเซียวอวี๋จะประหลาดใจเมื่อได้ยินเกี่ยวกับหอการค้าฝูลู่ แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าเซียวอวี๋จะมีท่าทีเช่นนี้ “แน่นอนว่าข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับหอการค้าฝูลู่นี้มาบ้าง ข้าเพียงไม่ทราบว่าหอการค้าแห่งนี้ทำสิ่งใดให้แก่ท่าน?” ตอนนี้เซียวอวี๋เริ่มสนใจสกาเล็ตขึ้นมาแล้ว แม้เขาจะไม่ทราบเกี่ยวกับจักรวรรดิแลนซ์มากนัก แต่เขาก็ยังเคยได้ยินชื่อเสียงของหอการค้าฝูลู่ ดูเหมือนหอการค้าฝูลู่จะเป็นหอการค้าใหญ่โตหอหนึ่ง ภายในอาณาจักรพยัคฆ์เมฆาเองก็มีสาขาอยู่มากมาย บนแผ่นดินใหญ่ อิทธิพลของตระกูล สมาคมการค้าและหอการค้าขนาดใหญ่นั้นไม่อาจมองข้ามได้ พวกเขาเหล่านี้ส่งต่อความมั่งคั่งมานานนับพันปีจนถึงหลายพันปี พวกเขาจึงมีขุมกำลังแข็งแกร่งมาก เคยมีหลายครั้งที่ตระกูลผู้ปกครองของอาณาจักรนั้นมาจากขุมอำนาจเหล่านี้ จักรวรรดิแทบทั้งหมดล้วนรังเกียจเดียดฉันท์พวกหอการค้า กระทั่งเคยคิดกำจัดให้หมดสิ้นไป หากแต่ในความจริงมันกลับยากเย็นกว่าที่คิดไว้มาก ได้ยินคำกล่าวของเซียวอวี๋ สกาเล็ตก็ถอนหายใจก่อนจะกล่าวว่า “ข้าคือผู้สืบทอดของหอการค้าฝูลู่” “ในเมื่อนายน้อยรู้จักจักรวรรดิแลนซ์ เช่นนั้นท่านคงทราบว่าหอการค้าฝูลู่ของเรานั้นมีอิทธิพลมาก….หากว่าข้าขอส่งมอบมันต่อท่าน ไม่ทราบว่าท่านสนใจจะรับไว้หรือไม่?” กล่าวจบก็มองเซียวอวี๋ด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ เซียวอวี่เลิกคิ้ว หลังจากนั้นครู่หนึ่งจึงตอบว่า “หมายความว่าอย่างไร? จู่ๆท่านก็จะยกหอการค้าฝูลู่ให้ข้า? เพราะความหล่อเหลาของข้า?” ประโยคสุดท้าย เซียวอวี๋ดันเผลอปล่อยนิสัยเก่าโดยไม่ได้ตั้งใจ “ข้ากล่าวว่าจะยกหอการค้าให้ท่าน แน่นอนว่าข้าไม่ได้ยกทรัพย์สินทั้งหมดให้ แต่ข้าตั้งใจจะนำหอการค้าฝูลู่ของข้าทำงานให้กับตระกูลของนายน้อย” “พวกเราสามารถพึ่งพิงอำนาจของท่านคุ้มครองหอการค้าเรา ในขณะเดียวกัน ความมั่งคั่งที่พวกเรานำออกจากจักรวรรดิแลนซ์สามารถสร้างผลกำไรมหาศาล พวกเราตั้งใจจะส่งมอบผลประโยชน์ครึ่งหนึ่งให้กับท่านทุกปี ท่านว่าอย่างไร?” สกาเล็ตนิ่งรอคำตอบจากเซียวอวี๋ เซียวอวี๋ไม่ได้ตอบรับในทันที หากแต่ถามต่อ “ท่านตั้งใจจะย้ายไปอาณาจักรพยัคฆ์เมฆาหรือ? เพราะอะไร? หรือท่านไปสร้างความไม่พอใจให้กับจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิแลนซ์?” หากไม่ใช่เช่นนั้น เซียวอวี๋ก็คิดไม่ออกว่าเหตุใดนางจึงยอมจ่ายหนักเช่นนี้ สกาเล็ตถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะตอบด้วยท่าทางน่าสงสาร “เหตุผลหนึ่งเป็นเพราะการช่วงชิงภายในตระกูล อีกเหตุผลก็เป็นดังเช่นที่ท่านกล่าว เดิมทีข้าควรจะได้รับมรดกทั้งหมดของหอการค้าฝูลู่ ทว่าพวกผู้อาวุโสกลับคัดค้าน ทั้งยังต้องการให้ข้าตกตายและฮุบเอากิจการไป” เซียวอวี๋ฟังพลางพยักหน้าเล็กน้อย เขาพอคาดการณ์ได้ การแก่งแย่งชิงดีภายในตระกูลนั้นถือเป็นเรื่องปกติภายในทวีปแห่งนี้ “หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็จะลองใคร่ครวญดู แต่ตอนนี้ข้าต้องการทราบว่าทรัพย์เท่าใดที่ท่านนำมาด้วย? และท่านสามารถสร้างกำไรให้ข้าต่อปีได้เท่าไร?” เซียวอวี๋กล่าวพลางยักไหล่ สกาเล็ตยิ้มบาง “ตราบเท่าที่ท่านสามารถช่วยให้พวกเราตั้งตัวอยู่ในอาณาจักรพยัคฆ์เมฆาได้ สกาเล้ตผู้นี้จะไม่ทำให้นายน้อยต้องผิดหวัง”