ตอนที่ 1014 - ไม่อยากแต่งงาน

The Divine Nine Dragon Cauldron

นางน่ะเรอะ?ทุกคนกำลังเกิดความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป
  เด็กสาวหน้าตาน่ารักจะเป็นดอกไม้อายุเกินกว่าหมื่นปีนั้นยังพอรับได้แต่สตรีวัยกลางคนกลับกลายเป็นหลานสาวที่พวกเขาตั้งใจจะจับตัว! ความตรงกันข้ามนี้ทำให้ยากจะยอมรับ
  คนสำนักช่างสวรรค์ไม่ยอมเสียเวลาตกใจพวกเขารู้ดีว่าแผนพังไม่เป็นท่า
  และที่แน่นอนกว่านั้นพวกเขายังล่วงเกินอสูรเนรมิตรผู้เป็นจ้าวสวนบุพผาไปแล้ว!
  “ท่านจ้าวสวนข้าเพียงแค่เสนอหลายเขยให้ท่านเพราะข้าถูกบอกเรื่องตำนานอันงดงามจากคนตระกูลบูรพา ข้าเพียงหวังว่าจะทำให้เกิดงานวิวาห์ใหญ่ระหว่างเผ่าบุพผากับมนุษย์ ข้าทำด้วยความจริงใจนะ ข้าไม่ได้ตั้งใจทำร้ายท่าน”   ศิษย์พี่ใหญ่ประสานหมัดอธิบาย
  สาวน้อยลูบคาง
  “จริงเรอะ?”
  นางถามราวกับไม่เชื่อ
  ศิษย์พี่ใหญ่ยิ้ม
  “แน่นอน!เขาเป็นศิษย์จากสำนักอสูรสวรรค์แห่งจิวโจว เป็นบุคคลอันยิ่งใหญ่ เขาแข็งแกร่งมาก จ้าวเทวะระดับแปดมิอาจต่อกรกับเขาได้ และด้วยอายุเพียงเท่านี้ เขาเหมาะเป็นอย่างยิ่งที่จะเป็นหลานเขยของท่าน”
  เด็กสาวตาเป็นประกายนางหันไปมองซือหยู จากนั้นจึงหันไปมองสตรีวัยกลางคนด้านหลัง
  “จิวเอ๋อเจ้าคิดว่าอย่างไร?”
  สตรีวัยกลางคนมองซือหยูและพยักหน้าเบาๆ
  “เขาดูใช้ได้เขาอายุน้อยและก็ยังแข็งแกร่ง”   คนสำนักช่างสวรรค์ถอนหายใจด้วยความโล่งอกพวกเขาแก้วิกฤติได้แล้ว
  นางจะมาเป็นภรรยาข้าเรอะ?ซือหยูตัวสั่นอยู่ข้างในแต่สุขุมเยือกเย็นบนภายนอก เขายิ้มแหย
  “ข้ายอมรับในพลังของข้าส่วนเรื่องอายุ พวกท่านยังไม่เห็นใบหน้าข้าเลย เหตุใดถึงคิดว่าข้าอายุน้อยเล่า?”
  ศิษย์พี่ใหญ่หัวเราะ
  “ศิษย์น้องซือเจ้าจะบอกว่าการจำกัดอายุในแดนมณีเป็นเรื่องล้อเล่นรึ?”
  ทุกคนที่จะได้เข้ามาในแดนมณีล้วนเป็นหนุ่มสาวแห่งยุคทั้งนั้น
  ซือหยูลูบหน้ากากด้วยมือและยิ้ม
  “สิ่งนั้นเป็นเรื่องจริงแต่เรื่องที่ข้าไม่ใช่คนหนุ่มก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน!”
  เขาถอดหน้ากากสีเงินเปิดเผยใบหน้าเหี่ยวชราด้วยผมสีขาวราวหิมะ เขาดูเหมือนกับชายชราที่กำลังจะร่วงโรย เขาไม่ใช่คนหนุ่มแน่นอน
  “อ๊าาา!นี่เจ้า…เป็นไปไม่ได้! เจ้าเข้ามาได้ยังไง?”
  ชาหยินอุทานด้วยความตกใจ
  ตั้งแต่แรกนางคิดว่าซือหยูเป็นศิษย์ลำดับแรก ๆ ของสำนักอสูรสวรรค์ ความจริงนี้เป็นสิ่งที่นางไม่คิดมาก่อนเลย
  ศิษย์พี่ใหญ่คิดขึ้นได้
  “เกิดอะไรขึ้นกับอายุขัยเจ้า?”
  เขาถาม
  สตรีวัยกลางคนผิวสีเขียวตัวแข็งทื่อไปครู่หนึ่งนางดูแปลกใจและไม่พอใจ
  ซือหยูสวมหน้ากากอีกครั้งเขายิ้ม
  “จ้าวสวนบุพผาข้าคงจะไม่ตรงกับเงื่อนไขของท่าน แต่ท่านไม่เห็นหรือว่ามีอีกสองคนที่นี่ที่เหมาะจะเป็นหลานเขยท่าน?”
  ซือหยูมองไปยังศิษย์พี่ใหญ่และยู่เหลียง
  “หนึ่งในนั้นบ่มเพาะจนมีพลังจ้าวเทวะระดับเก้าขั้นสูงสุดอีกคนมีร่างกายแข็งแกร่งดั่งอสูรเนรมิตร ทั้งสองล้วนเหนือข้า ทั้งยังอายุน้อยและรูปหล่อ”
  “จ้าวสวนใยไม่ถามหลานสาวดูเล่าว่านางชอบใครมากกว่ากัน?”
  ซือหยูยิ้มเยาะ
  ดวงตาผิดหวังของจ้าวสวนเปล่งประกายอีกครั้งมีเจ้าบ่าวที่เหมาะมากกว่าซือหยูอยู่ถึงสองคน
  คนสำนักช่างสวรรค์เงียบกริบใบหน้าของศิษย์พี่ใหญ่และยู่เหลียงดำมืดราวถูกป้ายด้วยหมึกดำ
  ยู่เหลียงนั้นอารมณ์ร้อนได้ง่ายเขาขึ้นเสียงก่นด่า
  “ซือหยูเซี่ยนเจ้ามันน่ารังเกียจ! กล้าดียังไงถึงทำแบบนี้กับพวกข้า?”
  ซือหยูกอดอกพูดอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว novel-lucky
  “ใยศิษย์พี่ยู่กล่าวเช่นนั้นเล่า?ไม่เป็นเกียรติหรอกหรือที่จะได้เป็นหลานเขยของจ้าวสวนบุพผา? ข้าแนะนำพี่ยู่กับศิษย์พี่ใหญ่ก็เพราะว่าข้านับถือท่านทั้งสองมาก ถ้าไม่ใช่เพราะข้ามีคุณสมบัติไม่ตรงกับจ้าวสวนบุพผา ข้าก็คงไม่ทิ้งโอกาสทองนี้ไปแน่!”
  จ้าวสวนบุพผายิ้มอย่างพอใจเมื่อได้ฟังซือหยูกล่าวเช่นนี้สตรีวัยกลางคนเองก็ยิ้มอย่างนิ่มนวลให้ซือหยู นางชอบคำพูดของเขา
  “ไปลงนรกซะเถอะ!”
  ยู่เหลียงตื่นตระหนกถ้าหากเขาถูกเลือกให้เป็นหลานเขย เขาจะต้องอยู่ในแดนมณีไปตลอดชีวิต มันต่างอะไรกับคนตายเล่า?
  ซือหยูแววตาเย็นชา
  “ศิษย์พี่ยู่ข้าไม่เข้าใจศิษย์พี่เลย ตอนที่ข้าถูกเลือก ศิษย์พี่ยังอวยพรให้ข้า พอศิษย์พี่ถูกเลือกบ้างกลับหาแต่ข้ออ้าง หรือว่าเป็นเพราะศิษย์พี่รังเกียจร่างดอกไม้ของจ้าวสวนบุพผา?”
  บัดซบ!แน่นอนว่าเขาย่อมไม่เต็มใจ! แต่เขาจะพูดตอบตอนนี้ได้ยังไง?   จ้าวสวนบุพผากับหลานสาวจ้องมองยู่เหลียงด้วยแววตามุ่งร้าย
  ศิษย์พี่ใหญ่หน้าหมองเขารีบอธิบาย
  “โปรดอย่าเชื่อคำพูดเขาพวกเรานับถือพวกท่านอยู่แล้ว พวกเราจะรังเกียจได้อย่างไร? แต่เป็นเพราะ…”
  ซือหยูพูดแทรกมาก่อนที่เขาจะพูดจบ
  “หากศิษย์พี่ใหญ่ไม่รังเกียจพวกนางศิษย์พี่ใหญ่ก็ให้คำสัญญากับจ้าวสวนบุพผาได้เลยว่าจะเป็นหลานเขยของนาง ข้าขอแสดงความยินดีล่วงหน้า”
  “นี่เจ้า!”
  รอยยิ้มเป็นมิตรของศิษย์พี่ใหญ่หายไปแล้วมันแทนที่ด้วยความโกรธแค้น แน่นอนว่าเขาฝืนตัวเองให้ยิ้มไม่ได้ในตอนนี้
  “ท่านจ้าวสวนโปรดคิดให้ดีอีกทีเถิดอย่าเชื่อคำลวงของเขา พวกเรานับถือและมิได้รังเกียจชาวบุพผา แต่พวกเรากำลังจัดการเรื่องสำคัญ โปรดให้อภัยที่พวกเขาจะอยู่ในสวนบุพผาอีกไม่ได้”
  ศิษย์พี่ใหญ่กล่าว
  จ้าวสวนบุพผาลูบคางนางพูดด้วยดวงตากลมโตสดใส
  “เรื่องสำคัญของเจ้าเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ข้าจะเลือกหลานเขยหรือไม่?เจ้ามาถึงหน้าประตูเรือนข้า เจ้าย่อมเตรียมใจที่จะเป็นหลานเขยข้าแล้ว จิวเอ๋อ เจ้าจะเลือกคนไหนล่ะ?”
  สตรีวัยกลางคนมองศิษย์พี่ใหญ่กับยู่เหลียงนางพูดด้วยความดีใจ
  “ท่านยายข้าแต่งงานกับสามีสองคนพร้อมกันเลยได้ไหม? สองคนนั้นดูดีทั้งคู่เลย”
  แพล่บ!
  สตรีวัยกลางคนเลียริมฝีปากแม้แต่ลิ้นของนางก็มีสีเขียวของอัญมณี มันดูน่ากลัวมาก ใบหน้าของศิษย์พี่ใหญ่และยู่เหลียงแสดงความขยะแขยง
  จ้าวสวนกล่าว  “ไม่มีปัญหา!”
  นางเหลือบมองศิษย์พี่ใหญ่และยู่เหลียง
  “เจ้าสองคนจงถอดเสื้อผ้าทั้งหมดและตามจิวเอ๋อมาหรือจะให้ข้าช่วยเจ้า?”
  ในตอนนั้นเองอารมณ์ของทั้งสองกำลังปั่นป่วนด้วยทั้งความแค้นและโศกเศร้า ทั้งสองถูกบังคับให้ต้องแต่งงาน และพวกเขายังต้องถอดเสื้อผ้าทั้งหมดอีก ศิษย์พี่ใหญ่ใบหน้าเศร้าหมองเป็นรอย่างมาก พวกเขาทำพลาดอะไๅรกัน!
  แผนแรกของพวกเขาคือหลอกซือหยูและส่งตัวเขาให้กับจ้าวสวนจากนั้นซือหยูก็จะได้เป็นสามีของหลานสาวจ้าวสวน พวกเขาไม่คิดเลยว่าซือหยูจะเล่นไพ่ตายจนแผนของพวกเขาพังไม่เป็นท่า ในเวลานี้ นอกจากพวกเขาจะหลอกซือหยูไม่ได้ พวกเขายังทำให้ตัวเองพบปัญหาอันยากจะแก้ไขอีก
  “ศิษย์พี่เราจะทำยังไงกันดี?”
  ยู่เหลียงเกือบจะคลั่งแล้ว  “ข้าไม่อยากแต่งงาน!”
  ความรู้สึกที่มิอาจบรรยายแสดงผ่านแววตาศิษย์พี่ใหญ่เขากัดฟัน
  “เราไม่มีทางเลือกนอกจากต่อสู้แล้ว!โชคดีที่ข้ายังมีไม้ตายอยู่!”
  เขาจะไม่เตรียมการมาล่วงหน้ารึ?เขากำลังจะต่อกรกับอสูรเนรมิตร!
  “วันนี้ไม่มีใครจะหยุดค่ายกลได้ ไม่มีใครหยุดพวกเราที่จะหนีได้!”
  ศิษย์พี่ใหญ่เรียกหุ่นเชิดคางคกออกมาขว้างออกไป
  คางคกเรืองแสงตั้งแต่หัวจรดเท้ามันขยายขนาดด้วยความเร็วมหาศาล พริบตาเดียวมันก็มีขนาดพันศอก
  กลิ่นโลหิตโชยออกมาจากคางคกร่างยักษ์
  เมื่อคางคกปรากฎตัวอสูรบุพผาและนางไม้รอบ ๆ กระจายไปยังทุกทิศทางราวกับเจอศัตรูที่ทรงพลัง  ชาหยินดีใจ
  “ศิษย์พี่ยังมีหุ่นเชิดอสูรเนรมิตรอยู่!”
  นางทึ่งหุ่นเชิดตัวแรกถูกคนตระกูลบูรพาทำลายไป นางไม่คิดเลยว่าศิษย์พี่ใหญ่จะมีอีกตัว!