ตอนที่ 475 คุณรู้จักเหอปี้อวิ๋นไหม + ตอนที่ 476 จะต้องเป็นญาติสนิทสายเลือดเดียวกันแน่นอน โดย Ink Stone_Romance
ตอนที่ 475 คุณรู้จักเหอปี้อวิ๋นไหม
เหยียนหมิงซุ่นเห็นรอยยิ้มที่คล้ายคลึงกับอู่เหมยเป็นอย่างมาก อดไม่ได้ที่จะหยุดเดิน ถามหยั่งเชิงว่า “คุณน้า ที่เมืองจินคุณน้ายังมีญาติอยู่ไหม?”
เหยียนซินหย่าสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ในสายตามีเจ็บปวดปรากฏขึ้นแวบหนึ่ง เธอส่ายหัวช้าๆ “ไม่มีแล้ว ญาติพี่น้องของฉันเสียชีวิตกันหมดแล้ว แต่ว่าครอบครัวของน้องสาวของสามีฉันอยู่ที่เมืองจิน ครั้งนี้ก็คือจะไปบ้านของน้องสาวสามีนี่แหละ”
เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ถ้าหากผู้หญิงคนนี้คือเหยียนซินหย่า ในเมืองจินเธอคงจะไม่มีญาติพี่น้องแล้วถึงจะถูก คงจะไม่สาปแช่งคนเป็นๆ ให้ไปตายหรอก!
หรือว่าเธอไม่ใช่เหยียนซินหย่า?
แต่เขาแน่ว่าเมื่อกี้สามีของเธอก็เรียกเธอซินหย่าชัดๆ หรือว่าบนโลกนี้ยังมีผู้หญิงอีกคนชื่อซินหย่าแล้วก็หน้าเหมือนอู่เหมย?
เหยียนหมิงซุ่นรู้ว่าตัวเองเสียมารยาทแล้ว ก็รีบยิ้มขออภัยอย่างรู้สึกเสียใจ แต่ก็ยังไม่เลิกคิด ถามขึ้นมาว่า “คุณน้า คุณรู้จักผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อเหอปี้อวิ๋นไหม?”
เหยียนซินหย่าสีหน้าเปลี่ยนหนักมาก รอยยิ้มสุภาพอ่อนโยนหายไปทันที กล่าวปฏิเสธอย่างเด็ดขาดว่า “ไม่รู้จัก!”
ได้ยินชื่อที่ไม่ได้ยินมานาน เหยียนซินหย่ารู้สึกเหมือนได้กินแมลงวันที่น่าสะอิดสะเอียนก็ไม่ปาน ผู้หญิงที่น่ารังเกียจคนนั้น ยังมีพ่อแม่ที่ใจดำอำมหิตไร้น้ำใจของเธออีก ชีวิตนี้ของเธอไม่อยากจะเกี่ยวข้องกับพวกเขาอีก!
“อิงหัวประคองฉันไปเอนหลังที ฉันเหนื่อยแล้ว!”
อารมณ์จะดูทิวทัศน์ของเหยียนซินหย่าหายไปในชั่วพริบตาเดียว ความเจ็บปวดทรมานของเรื่องในอดีตทะลักขึ้นมาอย่างกับกระแสน้ำกลับไหลบ่ามากัดกินหัวใจของเธอ
คนพวกนั้นที่เรียกว่าญาติ ปีนั้นพ่อแม่ของเธอดีกับพวกเขามาก ช่วยให้ลุงได้โยกย้ายจากโรงเรียนบ้านเกิดในชนบทไปทำงานที่เมืองจิน ยังช่วยจัดการเรื่องงานให้กับลูกชายลุงอีกด้วย ครอบครัวลุงมีชีวิตที่ยากลำบาก พ่อให้แม่ช่วยเหลือเรื่องเงินทุกเดือนให้กับครอบครัวพี่ชายด้วยตัวเองสิบหยวน พูดได้ว่า ถ้าหากไม่ใช่เพราะพ่อแม่เธอ ครอบครัวนี้จะไม่มีทางมีชีวิตรอดได้ในเมืองจินโดยสิ้นเชิง
แต่เวลาพ่อแม่เกิดเรื่อง ครอบครัวลุงที่แสนดีของเธอกลับหลบเลี่ยงเหมือนคนใจดำอำมหิต แม้กระทั่งจะเก็บศพให้พ่อแม่เธอก็ยังไม่ยินยอมที่จะออกหน้า ยี่สิบปีก่อนเธอเข้าตาจนไม่มีทางไป คิดอยากจะให้พวกเขาช่วยเหลือสักหน่อย แต่พวกเขาก็ยังไร้น้ำใจไมตรีขนาดนั้น
ไล่แม่ลูกอ่อนอย่างเธอออกไป แม้แต่น้ำสักอึกก็ยังไม่ให้เธอดื่ม!
แต่คุณลุงก็ถือว่ายังมีคุณธรรมรู้คุณอยู่บ้างเล็กน้อย แอบยัดตั๋วข้าวและเงินให้เธอเล็กน้อย แต่ก็เพียงแค่นั้น
แต่คุณลุงกลับไม่กล้าที่จะเลี้ยงเธอไว้ ถ้าหากไม่ใช่เพื่อนที่เคยเดินทางไปชนบทด้วยกันช่วยเธอไว้ น่าเสียดายเหมยเหมยของเธอ…เธอโกรธแค้นมาก!
ถ้าหากว่าตอนนั้นพวกเขาช่วยเธอไว้ ให้เธอได้มีที่พักพิง สามารถได้กินซุปร้อนๆ ข้าวร้อนๆ บางทีเหมยเหมยของเธอก็อาจจะมีชีวิตรอดต่อไป
เธอเกลียดครอบครัวอกตัญญูที่เรียกว่าญาติพวกนี้ ชาตินี้เธอไม่มีทางไปมาหาสู่กับญาติประเภทนี้แน่ ไม่มีทางตลอดชาติ!
จ้าวอิงหัวมองเหยียนหมิงซุ่นอย่างไม่พอใจ เด็กหนุ่มลับๆ ล่อๆ คนนี้ ถามคำถามก็แปลกประหลาด สิ่งที่เหยียนซินหย่าไม่ชอบให้พูดถึงที่สุดก็คือพวกสารเลวใจดำอำมหิตพวกนั้น เขากลับจงใจถามขึ้นมา ชั่วครู่หนึ่งซินหย่าก็เจ็บหน้าอกอีกแล้ว
“นายเป็นคนที่ตลกจริงๆ พวกเราสนิทกับนายเหรอ? ไต่ถามเยอะแยะขนาดนั้นไปทำไม?”
จ้าวเสวียหลินจ้องเขม็งไปที่เหยียนหมิงซุ่น สีหน้าท่าทางไม่ดี ถึงแม้ว่าเขาจะเด็กกว่าเหยียนหมิงซุ่นหนึ่งปี แต่รูปร่างก็ไม่ต่างกันมาก เพราะว่าภูมิลำเนาเดิมของคุณปู่จ้าวอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ จึงมีรูปร่างสูงใหญ่สมบูรณ์แบบคนทางตะวันออกเฉียงเหนือ จ้าวเสวียหลินที่เหมือนคุณปู่นั้นร่างกายกำยำล้ำสันเป็นอย่างมาก มองดูแล้วร่างกายกำยำมากกว่าเหยียนหมิงซุ่นที่รูปร่างผอมบาง
เหยียนหมิงซุ่นเป็นคนที่ฉลาด แค่ดูก็รู้ว่าเมื่อกี้เหยียนซินหย่าไม่ได้พูดความจริง เธอจะต้องมีญาติอยู่ที่เมืองจินอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าญาติพวกนั้นจะต้องทำเรื่องที่เจ็บปวดรวดร้าวให้กับเธอ เธอจึงไม่ยินดีที่จะรู้จักก็เท่านั้น
“ขอโทษ เป็นผมที่เสียมารยาทแล้ว!”
ในใจของเหยียนหมิงซุ่นคำนวณไว้แล้วคร่าวๆ ว่า ผู้หญิงคนนี้มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นลูกพี่ลูกน้องของแม่อู่เหมย ผู้หญิงที่ชื่อเหยียนซินหย่าคนนั้น
…………………………………………..
ตอนที่ 476 จะต้องเป็นญาติสนิทสายเลือดเดียวกันแน่นอน
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มให้จ้าวเสวียหลินอย่างรู้สึกเสียใจขอโทษ หิ้วโถน้ำชากลับไปที่ขบวนของตัวเอง เมื่อสักครู่เหยียนซินหย่าบอกว่าจะไปเมืองจินเพื่อไปเยี่ยมเยียนน้องสะใภ้ คิดๆ ดูแล้วไม่น่าจะจากไปในเวลาสั้นๆ เขายังมีโอกาสตรวจสอบอยู่
ถ้าหากเหมยเหมยรู้ว่าลูกพี่ลูกน้องของแม่ที่เหมือนเธอคนนั้นกลับมาแล้ว เธอจะต้องมีความสุขมากแน่ๆ!
คนที่เด็กน้อยคนนี้นึกถึงตลอดเวลา ก็คือลูกพี่ลูกน้องของแม่คนนี้ไม่ใช่หรือ!
เหยียนหมิงซุ่นพอนึกถึงอู่เหมยมุมปากก็ยกยิ้มไม่หยุด ครั้งนี้เขาได้รับพระแก้วมรกตที่สวยงามมากๆ มาหนึ่งชิ้น วัสดุก็ยังไม่เลว หลังจากที่กลับไปแล้วก็ให้เด็กน้อยพกไว้ ผู้ชายพกกวนอิมผู้หญิงพกพระ สามารถปกปักรักษาเด็กบื้อนั่นให้สงบสุขปลอดภัยไปทั้งชีวิต
“หมิงซุ่น นายไปเทน้ำร้อนที่ไหนถึงได้เสียเวลาไปนานขนาดนี้?”
โม่เหวินต้งที่รอจนทนไม่ไหวลุกขึ้นรับโถน้ำชาในมือของเหยียนหมิงซุ่น ถ้าไม่ใช่ว่ากลัวกระเป๋าเดินทางจะหายละก็ เมื่อสักครู่เขาคงจะเดินหาคนแล้ว เหยียนหมิงซุ่นเป็นแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ ถ้าหากว่าเกิดเรื่องขึ้นแค่เล็กน้อย พ่อของเขาจะต้องลอกหนังของเขาออกมาแน่!
“ในขบวนแออัดนิดหน่อย ลุงเล็กรีบกินหมั่นโถวเร็ว!”
เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้อธิบาย หยิบหมั่นโถวแข็งๆ ส่งให้โม่เหวินต้ง ส่วนตัวเองก็หยิบขึ้นมาขิ้นหนึ่ง น้ำร้อนหนึ่งคำหมั่นโถวหนึ่งคำกินขึ้นมา ในหัวยังนึกถึงเหยียนซินหย่า อยากรู้ว่าครอบครัวเหอปี้อวิ๋นไปทำอะไรให้เหยียนซินหย่า ทำให้ผู้หญิงที่ดูอ่อนโยนคนหนึ่งเต็มไปด้วยความเกลียดชังมากถึงมากที่สุดเช่นนี้!
ทั้งยังมีภาพวาดของเหมยเหมย!
เห็นชัดๆ ว่าเป็นคนสองคนที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน กลับสามารถได้พบเจอกันในฝัน นี่มันมหัศจรรย์มากเลยจริงๆ!
คนที่อยู่ในสถานการณ์จะมองไม่ทะลุ แต่คนที่อยู่นอกสถานการณ์จะมองได้ทะลุปรุโปร่ง เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกเป็นห่วงอู่เหมย ทำให้หัวสมองของเขาสับสนวุ่นวาย จัดการไม่ได้ไปชั่วขณะหนึ่ง
“หมิงซุ่นรีบกินเร็วเข้า เดี๋ยวน้ำก็เย็นก่อนหรอก!”
โม่เหวินต้งเร่งรัดเขา ส่วนตัวเองกินอย่างตะกละตะกลาม อย่างกับอาหารอันโอชะก็ไม่ปาน
“ลุงเล็ก ลุงว่าคนหนึ่งฝันเห็นอีกคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนกับตัวเอง สองคนนี้ไม่เคยพบเจอกันมาก่อน แต่ในฝันกลับฝันเห็นหน้าตาของคนนี้ได้อย่างชัดเจน ไม่มีพลาดเลยแม้แต่นิดเดียว นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
เหยียนหมิงซุ่นที่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออกอดไม่ไหวที่จะถามออกมา สามคนเขลาหากช่วยกันร่วมแรงร่วมใจก็อาจจะสามารถคิดวิธีดีๆ ได้เท่ากับคนมีปัญญาหนึ่งคน บางทีลุงเล็กอาจจะแก้ไขปัญหาให้เขาได้ก็ได้!
โม่เหวินต้งไม่หยุดเคี้ยว ตอบอย่างไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้นว่า “จะสามารถเป็นอะไรได้? สองคนนี้ต้องเป็นญาติกันแน่นอน ไม่ใช่พี่ชายน้องชาย ก็พี่สาวน้องสาว ไม่งั้นก็พ่อลูกแม่ลูก สายเลือดเดียวกัน ต่อให้ห่างกันไกลและอุปสรรคมากมาย ก็จะเป็นห่วงเป็นใยซึ่งกันและกัน”
กลืนหมั่นโถวไปแล้วลูกหนึ่ง เขาก็เหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ ถอนหายใจอย่างรู้สึกเศร้าสลดใจ พูดว่า “ปีนั้นที่แม่ของนายไม่อยู่แล้ว คุณยายของนายทำงานอยู่ คนที่สุขภาพแข็งแรงดีกลับเจ็บปวดที่หน้าอก เจ็บจนหน้าขาวไปหมด บอกว่าแม่ของนายจะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ เฮ้อ!”
นึกถึงชีวิตที่อาภัพของพี่สาวขึ้นมา โม่เหวินต้งก็หมดอารมณ์อยากกิน เขาเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดในครอบครัว แม่ของเหยียนหมิงซุ่น โม่เหวินเซียงอายุมากกว่าเขาสิบกว่าปี ตั้งแต่เกิดมาก็เป็นโม่เหวินเซียงที่ดูแลเขา ในใจของเขา พี่สาวคนนี้ก็เหมือนแม่
ความตายของโม่เหวินเซียง นอกจากพี่รองของตระกูลโม่ โม่เหวินต้งคือคนที่เจ็บปวดที่สุด และก็เป็นคนที่โกรธแค้นที่สุด!
“หมิงซุ่น นายว่าพวกเราจะแก้แค้นแทนแม่ของนายได้เมื่อไร? แค่ฉันนึกถึงหมาตัวผู้ตัวเมียไร้ยางอายสองตัวนั้นก็โมโหทุกที ทำร้ายแม่นายจนตาย ทำไมพวกเขาถึงยังมีชีวิตที่ดีขนาดนี้ได้? สวรรค์ไม่มีตาจริงๆ!”
โม่เหวินต้งยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห หมั่นโถวก็ไม่กินแล้ว โมโหฮึดฮัด แค่เพียงอยากจะไปฆ่าเหยียนโฮ่วเต๋อถึงบ้านเดี๋ยวนี้ ฟาดหมาคู่นี้อย่างโหดเหี้ยมสักชุด!
เหยียนหมิงซุ่นทำราวกับว่าไม่ได้ยิน บนหน้าของเขาเหมือนกับสงบเงียบ แต่ในใจของเขากลับเต็มไปด้วยคลื่นลูกใหญ่ที่น่ากลัว
คำพูดของโม่เหวินต้งก็เหมือนกับสายฟ้า ผ่าหมอกเมฆที่หนาทึบ ทำให้เหตุผลของเขาชัดเจนขึ้นมา!
…………………………………………..