ตอนที่ 609 โรคประหลาด

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 609

โรคประหลาด

“ท่านหมอหลวง ท่านหมายความว่าอย่างไร”จิ๋นจี้หลงถามพลางมองไปทางหมอหลวงด้วยท่าทีประหลาดใจ หรือว่าหมอหลวงจะไม่พอใจที่ตนพาคนอื่นมารักษาฝ่าบาทแทนที่จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหมอหลวงกัน แต่จิ๋นจี้หลงเป็นขุนนางใหญ่ของอาณาจักรซาน มีอำนาจในมือไม่น้อย หมอหลวงที่เป็นเพียงบ่าวรับใช้มีอำนาจอะไรมาแสดงความไม่พอใจงั้นหรือ

“ชะ เชื่อข้าเถอะขอรับ อย่าเข้าไปใกล้เตียงของฝ่าบาทเลยขอรับ”หมอหลวงว่าพลางมองไปทางเตียงขององค์จักรพรรดิที่มีม่านขึงเอาไว้ปิดกั้นระหว่างเตียงกับภายนอกทำให้ทุกคนไม่อาจมองลอดเข้าไปในเตียงได้เลย

“หมอหลวงเจ้าหมายความว่าอย่างไร”จิ๋นจี้หลงเกิดท่าทีสงสัยทันที แม้จะทราบว่าอาการของฝ่าบาทแย่มากแต่เหล่าขุนนางไม่มีใครได้เข้าใกล้เตียงของฝ่าบาทเลยเพราะกลัวว่าจะเป็นโรคร้าย มีเพียงหมอหลวงเท่านั้นที่ได้เห็นว่าภายในเตียงนั้นมีสภาพเช่นไร

“ฝะ ฝ่าบาทมีอาการแปลกๆมาตั้งแต่เมื่อเช้าขอรับ หมอหลวงที่ถวายการรักษาต่างถูกหามออกไปหลายรายแล้วขอรับ”หมอหลวงที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าตอบด้วยท่าทีกังวล

“หามออกไป หรือว่าจะเป็นโรคติดต่อ”จิ๋นจี้หลงได้ฟังก็ชะงักเท้าไปทันที

“เปล่าขอรับ แต่…..”หมอหลวงทำท่าทางเหมือนไม่ทราบว่าจะอธิบายอย่างไรดี เพราะตนเองก็ไม่เชื่อในสิ่งที่ตนได้เห็นเหมือนกัน แม้แต่เหล่าทหารก็หันไปมองหน้ากันด้วยท่าทีลำบากใจเหมือนไม่ทราบจะตอบเช่นไรดีเหมือนกัน

“ท่านหมอหลวง ให้ข้าได้เข้าไปเถอะขอรับ”หลินเฟยเห็นท่าทีหมอหลวงลังเลไม่กล้าตอบก็พลอยสงสัยไปด้วย แต่ถึงให้องค์จักรพรรดิเป็นโรคติดต่อจริงหลินเฟยก็ไม่มีทางติดโรคแต่อย่างไรเพราะสมุนไพรที่พวกท่านตาให้กินมาตั้งแต่เด็กรวมถึงสายเลือดของหลินเฟยอีกต่างหาก

“เจ้า…ระวัง”หมอหลวงทำท่าทีจะห้ามแต่ก็ช้าไปเสียแล้ว หลินเฟยไม่พูดพร่ำทำเพลงเดินเข้าไปที่เตียงขององค์จักรพรรดิก่อนจะเปิดผ้าม่านออก

ฟุบ…..

แทบจะทันทีที่หลินเฟยเปิดผ้าม่านออก ร่างของชายคนหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่หลินเฟยพร้อมจับแขนของหลินเฟยเอาไว้แน่น ก่อนจะโจมตีหลินเฟยด้วยการ กัด?

หมับ…

หลินเฟยใช้มือจับไปที่ปากของชายวัยกลางคนที่น่าจะเป็นองค์จักรพรรดิอย่างรวดเร็ว นี่นะหรือคืออาการแปลกๆขององค์จักรพรรดิ ทันทีที่มีคนเข้ามาใกล้ก็โจมตีใส่ด้วยวิธีเช่นนี้งั้นหรือ มิน่าเล่าหมอหลวงถึงได้กลัวนักหนา

“ฝ่าบาท”ทหารที่อยู่ด้านหลังรีบเข้ามาจับตัวองค์จักรพรรดิเอาไว้ด้วยท่าทีทุลักทุเล แม้จะเป็นฝ่ายโจมตีหลินเฟยแต่อีกฝ่ายก็เป็นจักรพรรดิไม่สามารถทำอะไรรุนแรงได้ พวกทหารที่มีพลังมหาศาลสามารถจับร่างของจักรพรรดิกดลงกับเตียงได้สบาย แต่เพราะต้องระวังพระวรกายทหารเลยต้องค่อยๆดันร่างของจักรพรรดิลงไปนอนกับเตียงแทน

“หมอหลวง นั่นมันอะไรกัน ทำไมฝ่าบาทถึงเป็นอย่างนั้น”จิ๋นจี้หลงที่เห็นเข้าถึงกับตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ มันเคยเห็นคนสู้กันมามากมาย แต่การโจมตีของจักรพรรดิเมื่อครู่นั้นไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ทำกัน มันราวกับสัตว์ที่กำลังพยายามโจมตีใส่มนุษย์ไม่มีผิด

“ข้าเองก็ไม่ทราบจริงๆขอรับว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่เมื่อเช้าอยู่ๆฝ่าบาทก็ลุกขึ้นมาแล้วก็ไล่ทำร้ายหมอหลวงที่เข้าไปถวายการรักษาจนบาดเจ็บหมดขอรับ”หมอหลวงตอบพลางมองไปที่เตียง ขอเพียงปิดผ้าม่านให้มิดชิดฝ่าบาทก็จะไม่อาละวาด อย่างน้อยก็ห้ามไม่ให้ใครเข้าไปก็คงพอ

“โรคประหลาดอะไรกัน ทำไมถึงทำให้เป็นเช่นนี้ได้”จิ๋นจี้หลงว่าพลางถอนหายใจออกมาด้วยความตกใจ

“แม้จะยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ที่หมู่บ้านของข้ามีเรื่องเล่าเกี่ยวกับคนที่มีอาการเช่นนี้อยู่ขอรับ”หมอหลวงกลืนน้ำลายลงคอด้วยท่าทีลำบากใจ เพราะหากเป็นดั่งเรื่องเล่าที่ตนได้ยินมาละก็ฝ่าบาทท่าทางจะไม่รอดแล้ว

“ตามเรื่องเล่าที่ข้าได้ยินมา อาการเช่นนี้เกิดจากดอกไม้หายากบนภูเขาขอรับ มันจะเปลี่ยนมนุษย์ให้เป็นปีศาจร้ายที่จู่โจมคนราวกับสัตว์ป่า แถมยังว่ากันว่าคนที่โดนทำร้ายจะกลายเป็นปีศาจเหมือนกันด้วยขอรับ”หมอหลวงเล่าด้วยท่าทีหวาดกลัว ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะได้เห็นตำนานด้วยตนเองเช่นนี้

“ท่านหมอหลวง ท่านดูงิ้วมากเกินไปแล้วขอรับ”หลินเฟยที่ยืนฟังอยู่นานถอนหายใจออกมากับเรื่องเล่าเพ้อฝันของหมอหลวง เรื่องเช่นนั้นไปนั่งดูมาจากไหนกันไม่ทราบ

“หลินเฟย แล้วตกลงองค์จักรพรรดิเป็นอะไรกันแน่”จิ๋นจี้หลงถามพลางมองไปทางหลินเฟย เมื่อครู่หลินเฟยดูไม่หวาดกลัวเลย แถมตอนจับตัวองค์จักรพรรดิเอาไว้ยังจ้องมองร่างขององค์จักรพรรดิอย่างตั้งใจอีกต่างหาก

“อาการเช่นนี้เกิดจากปรสิตขอรับ”หลินเฟยตอบพลางเดินกลับมายืนข้างๆจิ๋นจี้หลง

“ปรสิต?”จิ๋นจี้หลงขมวดคิ้วด้วยท่าทีประหลาดใจ ปรสิตเหมือนพวกพยาธิงั้นหรือ

“ถ้าพูดให้ชัดคืออสูรปรสิตขอรับ”หลินเฟยตอบด้วยท่าทีสบายๆ เมื่อครู่หลินเฟยใช้ดวงตาสีเขียวตรวจสอบแล้วก็พบปรสิตหลายตัวอาศัยอยู่ในร่างของจักรพรรดิ เคยได้ยินว่ามีคนบางพวกฝึกฝนอสูรปรสิตพวกนี้เพื่อใช้งานบางอย่างเพราะมันสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนร่างที่พวกมันอาศัยได้ระดับหนึ่ง แต่ตอนนี้อาณาจักรไป๋มีกลุ่มนักล่าอสูรอยู่เต็มไปหมด การแฝงอสูรปรสิตในร่างเลยใช้ไม่ได้แล้ว แถมท่านตาเหมือนจะเป็นคนพัฒนาวิธีจับพวกปรสิตเหล่านี้เสียด้วย

“อสูร เป็นไปไม่ได้ไม่มีทางที่อสูรจะเข้ามาในวังหลวงได้หรอก”จิ๋นจี้หลงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ในเมืองหลวงไม่มีเขตอสูรอยู่ใกล้เลย แถมมีทหารคุ้มกันตลอดเวลาอสูรไม่น่าจะเล็ดลอดเข้ามาได้นี่นา

“หรือว่ามีคนลักลอบเอาอสูรเข้ามา”ทหารคนหนึ่งถามพลางมองไปที่เตียงของจักรพรรดิ บางทีอาจจะเป็นคนที่คิดจะลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาทกัน

“คิดว่าไม่ใช่ขอรับ อาการเมื่อครู่เป็นอาการปกติของอสูรปรสิต คิดว่าฝ่าบาทน่าจะเอาปรสิตเข้าร่างโดยไม่รู้ตัวมากกว่า”หลินเฟยตอบตามความรู้ที่ตนมี แม้ท่านตาจะห้ามหลินเฟยศึกษาเรื่องอสูรปรสิต แต่หลินเฟยก็ดื้อศึกษาจนได้ ด้วยความจำเหนือมนุษย์ของตระกูลไป๋แค่แอบอ่านรอบเดียวก็จำเนื้อหาได้จนหมดแล้ว ตามธรรมชาติแล้วปรสิตนั้นอาศัยร่างของสิ่งมีชีวิตอื่นเพื่ออาหารหรือสืบพันธุ์ หากเหยื่อได้รับสารอาหารเพียงพอก็คงไม่มีอะไร ก็มีปรสิตบางพวกที่ไม่รออาหารเฉยๆแต่บังคับร่างกายที่ตนอาศัยอยู่ให้ไปหาอาหารมาเพิ่มเติม ในกรณีของอสูรปรสิตนั้นต้องการพลังอสูรเป็นอาหาร จึงไม่มีทางเลยที่จักรพรรดิของมนุษย์จะทำให้พวกมันพอใจได้ มันจึงบังคับให้จักรพรรดิล่าเหยื่อโดยการโจมตีมั่วๆไปรอบๆเหมือนสัตว์ป่าเช่นนี้

“ท่านจิ๋นจี้หลงไข่ของอสูรปรสิตชนิดนี้มีลักษณะเป็นทรงกลมสีแดงสดเหมือนผลไม้ขนาดเล็ก กลิ่นหอมและดูน่ากิน ไม่ทราบท่านพอจะคุ้นตาหรือไม่ขอรับ”หลินเฟยถามพลางดึงเอาความทรงจำที่ตนเคยอ่านออกมา ไข่ของพวกมันดูน่ากินทำให้อสูรเข้าใจผิดว่าเป็นผลไม้ในป่าจนเผลอกินเข้าไปบ่อยๆ ไม่แปลกเลยหากมนุษย์จะเข้าใจผิดว่าเป็นของกิน

“จริงด้วย ของที่มีขุนนางคนหนึ่งนำมาถวาย”จิ๋นจี้หลงนึกอ๋อทันทีที่ได้ยินที่หลินเฟยถาม เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากจิ๋นจี้หลงถวายทวนที่หลินเฟยทำให้กับองค์จักรพรรดิ เพราะเรื่องนั้นทำให้ฝ่าบาททรงพอพระทัยมากจนชื่นชมจิ๋นจี้หลงไม่ขาดปาก ทำให้ขุนนางคนหนึ่งบังเกิดความริษยาอย่างมาก ได้ข่าวว่ามันออกไปเสาะหาของล้ำค่าจากเขตอสูรมาหลายชนิดเพื่อนำมาถวายฝ่าบาท และผลประหลาดสีแดงสดที่มีขนาดเท่าเม็ดถั่ว 7 ลูกก็เป็นหนึ่งในของที่ขุนนางคนนั้นนำมาถวาย ได้ยินมันบอกว่าเป็นผลไม้ทิพย์ที่ทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่นึกเลยว่าสิ่งนั้นแท้จริงแล้วคือไข่ของปรสิต

“หลินเฟย เจ้ามีหนทางรักษาหรือไม่”จิ๋นจี้หลงถามด้วยท่าทีเชื่อถือหลินเฟยจนหมดใจ หมอหลวงใช้เวลาหลายวันยังไม่ทราบอาการ แต่หลินเฟยมองครั้งเดียวก็ทราบทันที แถมยังระบุที่มาได้น่าเชื่อถืออีกด้วย

“ทราบขอรับ เพียงแต่สมุนไพรที่ร้านเรามีไม่พอ”หลินเฟยตอบพลางมองพระวรกายของฝ่าบาทครู่หนึ่ง องค์จักรพรรดิไม่ได้ฝึกฝนพลังวิญญาณคงใช้พลังวิญญาณบังคับให้ปรสิตออกมาไม่ได้ คงต้องใช้ยาเพื่อบังคับให้มันออกมาเองเท่านั้น

“งั้นในท้องพระคลังล่ะ”จิ๋นจี้หลงได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจจนออกนอกหน้า อย่างน้อยก็มีทางรักษาสินะ

“ขะ ข้าจะนำทางไปเองขอรับ”หมอหลวงได้ยินเช่นนั้นก็รีบเสนอตัวนำทางทันที เพราะเรื่องนี้ทำให้หมอหลวงหลายคนได้รับบาดเจ็บ แถมยังจะโดนประหารเสียด้วยซ้ำหากช่วยอะไรองค์จักรพรรดิไม่ได้ แต่น่าเสียดายต่อให้เข้าไปตรวจสอบในท้องพระคลังก็ไม่มีสมุนไพรที่หลินเฟยต้องการ

“บ้าจริงๆ หลินเฟยเจ้าจะหาสมุนไพรที่เจ้าต้องการได้หรือไม่”จิ๋นจี้หลงถามด้วยท่าทีร้อนรน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแม้แต่ในท้องพระคลังยังไม่มีสมุนไพรที่หลินเฟยต้องการ

“ข้าคงต้องกลับไปเอาที่บ้านเกิดขอรับ…แต่การเดินทางใช้เวลาและค่าสมุนไพรก็แพงมากเสียด้วย”หลินเฟยว่าพลางทำสีหน้าครุ่นคิด ถึงอย่างไรมันก็เป็นพนักงานของร้านตระกูลชุน หากทำให้ฟรีคงไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องเก็บค่าสมุนไพรมาด้วย

“ดี เช่นนั้นเจ้ารีบออกเดินทางทันทีเลย ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ข้าจะจัดการให้เอง”จิ๋นจี้หลงรับปากอย่างยินดี หากรักษาอาการของฝ่าบาทได้คนที่ได้รับความดีความชอบอย่างมากก็คือจิ๋นจี้หลงและเจี่ยหุนที่พาหลินเฟยมาแน่นอน

“ขอรับ ให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง”หลินเฟยตอบพลางขอตัวออกจากวังหลวงไป อาการเช่นนี้มีวิธีรักษาเขียนเอาไว้อย่างชัดเจน แต่หลินเฟยต้องไปเอายาที่เขตอสูรผาไร้ก้นนี่สิ ถึงทำเพื่อช่วยคนพวกท่านแม่คงไม่ว่าอะไร แต่การฝืนกฎกลับไปยังเขตอสูรผาไร้ก้นนั้นจะดีจริงๆหรือ แต่หากไม่ทำแบบนั้นก็คงต้องไปหาสมุนไพรจากเขตอสูรรอบๆกัน แต่สมุนไพรที่หลินเฟยต้องการมันอยู่ที่เขตอสูรแถบไหนกันเล่า แบบนั้นอาจจะต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆแน่ และหากเป็นแบบนั้นองค์จักรพรรดิได้โดนปรสิตกันกินจนตายก่อนพอดี

“ถ้ามีคนให้ถามก็ดีสินะ”หลินเฟยที่กำลังเดินทางกลับร้านตระกูลชุนบ่นออกมาช้าๆก่อนจะชะงักเท้าไปครู่หนึ่ง

“ไม่สิ ไม่ใช่คน”หลินเฟยยิ้มออกมาด้วยท่าทีสบายใจ ก่อนจะมุ่งหน้าตรงไปยังสำนักเหยี่ยวทะเลทรายทันที เพราะตอนนี้หลินเฟยมีอสูรตนหนึ่งที่สามารถถามได้โดยไม่ต้องพึ่งพาพลังดึงดูดเหล่าอสูรนั่นเอง