“บัดซบ! ใครบังอาจมารบกวนข้า?” เซียวอวี๋โมโห เขากำลังเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาอันแสนสุข ทว่ากลับมีคนเข้ามาขัด

เซียวอวี๋เปิดประตูลงจากรถ และเขาก็ได้เห็นกลุ่มชายฉกรรจ์สวมเกราะหนังกำลังโรมรันอยู่กับกองทหารคุ้มกันขบวน คนกลุ่มนี้แข็งแกร่งมาก ทั้งการลงมือยังสอดรับกันเป็นอย่างดี ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เซียวอวี๋ทราบอยู่ว่าการเดินทางพร้อมกับสกาเล็ตจะต้องพบเจอเรื่องยุ่งยาก และเขาไม่อาจปล่อยให้คนของนางตกตายมากไป มิเช่นนั้นจะยุ่งยากแล้ว เซียวอวี๋โบกมือสั่งการให้อิลิดันและคาเอลลงมือ สกาเล็ตเองก็ลงจากลงม้ามาแล้ว ความเกลียดชังอย่างลึกล้ำได้ฉายชัดอยู่ในแววตาของนางขณะที่จ้องมองไปยังชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ “หยุด! ตอเรส ข้ารู้ว่าเป็นเจ้า เจ้าต้องการฆ่าข้าให้ได้จริงๆ?” สกาเล็ตตะโกน “โฮ่…สกาเล็ต ญาติผู้งามงดของข้า ไม่ต้องกังวลไป ด้วยรูปโฉมของเจ้าแล้ว ข้าย่อมไม่ฆ่าเจ้า หลังจากเสพสุขกับเจ้าแล้ว ข้าจะส่งเจ้าไปให้องค์ชายมิรันด้า เขาใฝ่ฝันอยากครอบครองเจ้ามาเนิ่นนานแล้ว ฮ่าฮ่า…” ชายผิวดำหันมาหาสกาเล็ต เขาสวมเกราะหนังขณะที่ในมือของเขาถือดาบเวทมนตร์เปื้อนเลือดเอาไว้ เขายกมือข้างที่ว่างขึ้นปลดหน้ากากและเผยใบหน้าอัปลักษณ์ที่สอดรับกับเสียงแหบพร่าของมันออกมา “ตอเรส เจ้าไม่ได้รับรู้ถึงความรักที่ท่านพอมอบให้กับเจ้าเลยหรือ? ตอนที่ท่านพ่อยังอยู่ เขาดีต่อเจ้ามาก” สกาเล็ตจ้องตาตอเรส ในแววตาไม่ได้หลงเหลือความโกรธอีก มีเพียงแววตาที่สงบนิ่ง เห็นท่าทีของสกาเล็ต ความประทับใจที่เซียวอวี๋มีต่อนางก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อย สามารถควบคุมอารมณ์ในสถานการณ์เช่นนี้ได้ นางย่อมไม่ใช่สตรีธรรมดา นี่เป็นคุณสมบัติของผู้ยิ่งใหญ่ “อ่าใช่ เขาดีต่อข้าจริงๆนั่นล่ะ ดังนั้นข้าจึงต้องดีต่อเจ้า ข้าจะช่วยให้เจ้าลิ้มรสความสุขของการเป็นสตรีเอง ฮ่าฮ่าฮ่า….” ตอเรสแสยะยิ้มชั่วร้าย ขณะที่สายตากวาดมองเรือนร่างของสกาเล็ตอย่างหื่นกระหาย “ได้ ตอเรส ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก แม้ข้าจะเป็นสตรี แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะต้องทำตามเจ้า จงตายเพื่อชดเชยที่หมิ่นเกียรติของข้า” แววตาของสกาเล็ตสายประกายเย็นชาขณะที่มีดสั้นอันปราณีตสองเล่มปรากฏขึ้นในมือทั้งสอง ‘หืม นางเป็นมือสังหาร? เอ มีดสั้นนี้ดูคุ้นๆแฮะ….เอ๊ะ มีดสั้นราตรี? ของโบราณแบบนี้ ไม่คิดว่านางจะมีด้วย’ เซียวอวี๋ไม่ประหลาดใจเท่าใดนัก อย่างไรเสียนางก็เป็นทายาทของหอการค้าฝูลู่ผู้มั่งคั่ง แน่นอนว่าตระกูลของนางย่อมต้องมีของดีตกทอดมา มีดสั้นราตรีปลดปล่อยประกายหมองหม่นออกมา แม้มันจะไม่ใช่มีดสั้นระดับดีเลิศอะไร กระนั้นก็นับว่าเป็นของดีสำหรับพวกมือสังหาร “หึหึ…สกาเล็ต เจ้านี่ช่างร้อนแรงจริงๆ พูดตามตรง ข้าแทบไม่อาจหักใจยกเจ้าให้องค์ชายมิรันด้า แต่น่าเสียดาย หากไม่มีการหนุนหลังจากพระองค์ พวกเราคงไม่อาจฮุบกลืนหอการค้าฝูลู่ได้สมบูรณ์” “แต่วางใจเถอะ ต่อให้ไม่มีเจ้า น้องสาวของเจ้าก็จะทำหน้าที่นี้เอง แม้นางจะเพิ่งอายุสิบห้าก็เถอะ แต่หลังจากนี้สักสองสามปี นางก็อาจจะเร่าร้อนได้เหมือนเจ้า ฮ่าฮ่าฮ่า ถึงเวลานั้น นางก็เป็นของข้าแล้ว” ตอเรสกล่าวพลางหัวเราะอย่างชั่วร้าย “เกิดอะไรขึ้นกับน้องและแม่ของข้า?” มือของสกาเล็ตสั่นเทาขณะเอ่ยถาม “ฮ่าฮ่า ทั้งสองล้วนอยู่กับพวกเรา คิดว่าพวกเราจะไม่รู้ว่าเจ้าวางแผนหลบหนีหรือ? คนของเจ้าถูกพวกเราจับไว้หมดแล้ว” ตอเรสแสยะยิ้ม ไม่ว่าต้องจ่ายด้วยอะไร นางจะต้องพาครอบครัวของนางกลับมาให้ได้ แต่ลำพังตัวนางตอนนี้ยังย่ำแย่ แล้วนางจะช่วยแม่กับน้องได้อย่างไร? เวลานี้ นางทำได้เพียงพึ่งพาเซียวอวี๋ หากเซียวอวี๋ใช้อิทธิพลจากตระกูลของเขา บางทีมันอาจจะช่วยมารดาและน้องของนางได้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้คนของนางรวมถึงทรัพย์สินนั้นไม่หลงเหลืออยู่อีก นางสูญเสียเบี้ยที่ใช้เจรจากับเซียวอวี๋ไปทั้งหมด ความกระหายของเซียวอวี๋นั้นไม่น้อย แล้วนางจะทำให้เขาพอใจได้อย่างไร? สกาเล็ตหันไปมองเซียวอวี๋ และพบว่าเซียวอวี๋กำลังยกขวานพาดบ่าขณะจ้องไปที่ตอเรส “นายน้อย ตัวข้า สกาเล็ตขอสาบานต่อฟ้า หากท่านช่วยเหลือท่านแม่และน้องสาวของข้าได้ ข้ายินดีเป็นทาสรับใช้ของท่าน โปรดช่วยข้าด้วยเถอะ ตอนนี้มีเพียงท่านที่ช่วยข้าได้…” สกาเล็ตหันไปวิงวอนเซียวอวี๋ด้วยน้ำตา แววตาของนางฉายแววมุ่งมั่น ชัดเจนว่านางตัดสินใจเดิมพันด้วยทุกสิ่งอย่าง “นี่….” ข้อเสนอนี้ดึงดูดใจมาก บุรุษทุกผู้ย่อมไม่รังเกียจสาวงาม เซียวอวี๋ประหลาดใจ อย่างไรเสียตัวเขาก็ไม่ได้เกรงกลัวเจ้าตอเรสอะไรนี่อยู่แล้ว เดิมที หลังจากได้ทราบสถานการณ์ของสกาเล็ต เขาก็ไม่ได้คิดจะนำนางมาเป็นสตรีของตน เซียวอวี๋เพียงคิดนำนางมาเป็นลูกน้อง แต่ตอนนี้สกาเล็ตกลับเสนอตัวมาเอง เขารู้สึกว่ามันยากยิ่งที่จะปฏิเสธ ตัวเขาก็เป็นบุรุษผู้หนึ่ง หากปฏิเสธ ตัวเขาก็ไม่ใช่บุรุษแล้ว ได้เห็นสีหน้าท่าทีของเซียวอวี๋ สกาเล็ตก็คิดว่าเขากำลังลังเล อย่างไรเสีย การเผชิญหน้ากับองค์ชายมิรันด้าก็ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถ นี่เทียบได้กับการประกาศสงครามกับจักรวรรดิแลนซ์ทั้งจักรวรรดิ ต่อให้ตระกูลของเซียวอวี๋จะเข้มแข็ง เขาก็คงไม่บุ่มบ่ามก่อสงครามเพียงเพราะสตรีนางเดียว นั่นเป็นการกระทำที่ไม่คุ้มเอาเสียเลย “นายน้อยเซียว ข้าวิงวอนท่าน โปรดช่วยท่านแม่และน้องข้าด้วย” สกาเล็ตกุมมือเซียวอวี๋ด้วยใบหน้าอ้อนวอน “เหอเหอ…สกาเล็ต คิดว่าผู้อื่นจะยื่นมือช่วยเหลือเจ้าได้หรือ? ไอ้นั่นมันเป็นใคร? มันต่อต้านพวกข้าได้หรือ? หรือมันกล้าเป็นศัตรูกับองค์ชายมิรันด้า? ฮ่าฮ่าฮ่า…..” ตอเรสกล่าวเยาะเย้ย “หุบปาก ไม่เห็นหรือว่าบิดากำลังคุยอยู่กับนาง กล้าเข้ามาสอดเช่นนี้ หรือเจ้าเบื่อหน่ายชีวิตแล้ว?” เซียวอวี๋แค่นเสียง คำพูดและท่าทางเย่อหยิ่งของเซียวอวี๋ถึงกับทำให้ตอเรสโกรธจนตัวสั่น “เจ้าเป็นใคร? กล้ามาอวดเบ่งต่อหน้าข้า ข้าจะตัดขาทั้งสองของเจ้า จากนั้นค่อยฆ่าเจ้าทิ้ง” ตอเรสกล่าวอย่างเดือดดาล ตอนนี้ตัวมันผูกติดอยู่กับองค์ชายมิรันด้า เมื่อมีคนใหญ่คนโตเช่นนี้หนุนหลัง ตระกูลใดก็ไม่อยู่ในสายตามัน “อิลิดัน คาเอล เก็บพวกมันซะ” เซียวอวี๋คร้านจะใส่ใจคนประเภทนี้ เขาเพียงสั่งให้ทั้งสองลงมือจัดการ “ข้าจะดูว่าเจ้ามีดีอะไร อาศัยพวกเจ้าไม่กี่คนก็ต้องการฆ่าข้าหรือ? ไอ้โง่เอ๊ย” เห็นด้านหลังของเซียวอวี๋มีคนเพียงสองคน มันก็ไม่เชื่อว่านักรบขั้นที่สี่กว่าสิบคนของมันจะสู้อีกฝ่ายไม่ได้ แต่ไม่นาน มันก็รู้ว่าตนนั้นคิดผิดมหันต์ อิลิดันกระโดดขึ้นฟ้าก่อนจะพุ่งเข้าใส่ตอเรส ขณะที่ลอยอยู่กลางอากาศ ร่างกายของอิลิดันก็มีเปลวเพลิงลุกท่วม ผ้าคลุมสีดำที่คลุมร่างอยู่พลันถูกเผ้าเป็นขี้เถ้าและเผยรูปร่างแท้จริงของเขาออกมา “เอ๊ะ…ปีศาจ! เป็นปีศาจได้อย่างไร?” เมื่อได้เห็นใบหน้าแท้จริงของอิลิดัน พวกลูกน้องของตอเรสก็กรีดร้องอย่างตกตะลึง ในเวลาเดียวกัน คาเอลสะบัดคทาซินแดร์พลางร่ายเวท พริบตาถัดมา พายุเพลิงลูกใหญ่ก็ปรากฏขึ้นพัดไปทางกลุ่มของตอเรส….