และเขา เธอก็เชื่ออย่างที่สุดว่าความสัมพันธ์ของเขากับฉันทัชนั้นดีมาก เดี๋ยวพอเกิดเรื่องขึ้นเขาก็จะปัดความรับผิดชอบทั้งหมดมาให้กับเธอ ส่วนตัวเขาก็สุขสบายแต่เธอกลับไม่สามารถถอนตัวออกมาได้
ตอนนี้คนที่เธออยากที่จะแก้แค้นที่สุดคือหัสดิน รัดเกล้า หัสดิน และซาฮาร่า
เรนนี่รู้ดีอยู่แก่ใจว่ายู่ยี่นั้นเป็นบุคคลที่แตะต้องไม่ได้และแตะต้องไม่ไหว นอกเสียจากว่าเธอไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป!
เก็บความรู้สึกนึกคิดเอาไว้ บนใบหน้าเธอก็ปรากฏรอยยิ้ม ใช้ท่าทางที่ดูสง่าที่สุดของผู้หญิงค่อยๆเดินเข้ามาที่ข้างกายของเขาและสัมผัสแนบชิดกับเขา
แต่แค่ช่วงสะโพกเพิ่งจะโดนกับขอบชายเสื้อของอาคิระก็กลับถูกเขาผลักออกอย่างแรง เขาแสระยิ้มพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า “ไสหัวไป! อย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีก!”
ตอนที่เรนนี่ถูกผลักอย่างแรงนั้นไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย เลยโซซัดโซเซไปโดนเข้ากับโต๊ะชาที่อยู่ด้านข้างและโดนเข้าตรงช่วงท้องอย่างจัง
เดินออกมาจากห้อง มือของเธอยังจับที่ช่วงท้อง เหมือนกำลังเดินอยู่บนเส้นด้าย มันเจ็บอย่างสุดทนเต็มไปด้วยความจนตรอก
เธอไม่ยอม ไม่ยอมให้ตัวเองนั้นได้รับการปฏิบัติจากผู้ชายอย่างนี้ แต่ไหนแต่ไรมาเธอเป็นจุดโฟกัสที่ผู้ชายต่างก็รุมจีบ เคยถูกปฏิบัติอย่างนี้เสียที่ไหน?
แต่ก่อนพวกผู้ชายต่างมารุมล้อมเธอ แต่ในวันนี้ไม่เพียงแต่หัสดินจะทำกับเธออย่างนี้ ผู้ชายคนนี้ก็ทำกับเธอ ขนาดรัดเกล้าที่ไม่ได้เรื่องนั่นเป็นผู้ชายที่เธอไม่ได้ชอบพอด้วยก็ทำกับเธออย่างนี้ หรือว่าเธอไม่มีเสน่ห์แล้วจริงๆ?
คืนนี้ไม่ว่าจะต่อให้ทำเพื่อเงินหรือว่าเพื่อหาที่พึ่งทางใจได้ เธอก็ต้องหาผู้ชายสักคนแล้วมีความสัมพันธ์ด้วย เธอไม่เชื่อว่าตอนนี้ตัวเธอเองจะมาถึงขั้นที่ผู้ชายต่างพากันไม่ชอบอย่างนี้ เธอไม่เชื่อ!
ครั้งนี้เธอก็ใช้แผนการเหมือนครั้งที่แล้ว ตั้งเป้าไว้ว่ารถที่ขับต้องเป็นเบนลีย์ ใส่เสื้อสูท เพียงแต่ว่าอายุนั้นค่อนข้างที่จะเยอะ หน้าท้องนั้นเกิดจากการดื่มเหล้า ใบหน้ายังขมวดแต่สิ่งสำคัญคือมีเงิน
ด้วยวิธีการนี้เรนนี่เลยทำให้ผู้ชายติดเบ็ด ก็ต้องยอมรับว่าเป็นการปลอบใจที่ดี
แม้ว่าชายวัยกลางคนจะมีหน้าท้องใหญ่ แต่นั่นก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเสน่ห์ของเธอยังคงอยู่เหมือนเดิม
เรื่องต่อมาจากนั้นก็เข้าลูปเดิม คนทั้งสองจะเข้าห้อง คนที่มาด้วยกันกับผู้ชายเป็นคนที่ทำอาชีพเดียวกัน เขาขยิบตาให้ผู้ชายพลางมองเรนนี่ด้วยสายตาที่ลึกซึ้งและแตกต่างไป
เรนนี่ไม่ได้เก็บสีหน้าและสายตานั้นมาสนใจ เธอรู้สึกว่าหญิงสาวที่ใบหน้าสวยงามอยู่ด้วยกันกับชายวัยกลางคน คนอื่นก็มักมองด้วยสายตาแบบนี้กันทั้งนั้นแต่เธอในตอนนี้ไม่สนใจ!
ก่อนที่จะเข้าห้อง เนเน่ได้โทรหาเธอ ไม่ให้เธอทำอะไรบ้าๆ ให้เธอใช้ชีวิตเรียบง่ายปกติ ให้รีบกลับมา! แม้ว่าคนอื่นจะหัวเราะเยาะแต่จะหัวเราะเยาะได้ตลอดหรอ?
ได้ยินคำว่าหัวเราะเยาะคำนี้กลับตอกย้ำให้เรนนี่เดินเข้าห้อง เธอเป็นคนประเภทที่จะถูกหัวเราะเยาะงั้นหรอ?
เนเน่โทรหาเธออีก แต่เธอกลับปิดเครื่อง ติดต่อไม่ได้
……
ยู่ยี่กับฉันทัชกลับไปที่ฮ่องกงอีก งานแต่งจะเกิดขึ้นอยู่รอมร่ออยู่แล้ว ถ่ายพรีเวดดิ้งก็เป็นสิ่งที่ต้องทำ
ในเวลานี้ตระกูลยศณะราคินคึกคักอย่างมาก ฉันทัชประคองยู่ยี่มานั่งข้างๆ คุณแม่ธันยวีร์จะเอางานแต่งแบบตะวันออก ส่วนคุณท่านจะเอาแบบโบราณ
คนทั้งสองต่างไม่ยอมกัน ยู่ยี่เหมือนกำลังดูหนัง ฉันทัชกำลังปอกส้มให้เธอ ไม่สนใจแม่กับปู่ของตัวเอง
“นี่แกมีอะไรให้ดื้อดึง! คนที่ยี่รักก็คือฉัน เพราะฉะนั้นยี่จะเชื่อฟังฉันที่สุด” คุณท่านพูดด้วยอารมณ์ไม่ดี
ยี่……
ยู่ยี่ “……”
ฉันทัชเงยสายตาที่ดำขลับขึ้น พูดความจริงด้วยเสียงที่นิ่มนวลว่า “คุณปู่ คนที่เธอรักที่สุดคือผม….”
“แกหุบปาก!” คุณท่านจ้องเขาเขม็ง แล้วมองไปทางคุณแม่ธันยวีร์อีกและพูดโอ้อวดขึ้นว่า “ยี่เคยให้ของขวัญกับฉัน แกเคยได้มั้ยล่ะ? เคยมั้ย?”
“ผมไม่เคยได้รับของขวัญจากเธอ” เขาพูดอย่างตรงไปตรงมา แต่ก็มีความเจ็บแปลบๆ สายตาตกมาอยู่ที่ยู่ยี่อย่างตำหนิ
ยู่ยี่ยิ้ม เอาส้มป้อนใส่ปากเขา “คุณอย่ากวน!”
“ได้ยินแล้วหรือยัง? ดังนั้นฉันพูดคำไหนต้องเป็นคำนั้น” คุณท่านพูดอย่างเจ้าอำนาจ
คุณแม่ธันยวีร์คิดอยู่สักพักแล้วก็พูดขึ้นว่า “ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่งแบบสไตล์ตะวันตกชุดนึง แต่งแบบสไตล์โบราณชุดนึง”
คุณท่านคิดอยู่ชั่วครู่ก็รู้สึกว่าไม่เลว ได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย
เลือกแบบสไตล์ของชุดแต่งงานนั้นตระกูลยศณะราคินเป็นคนจัดการ นักออกแบบตั้งใจบินมาจากอเมริกาเพื่อมาวัดไซส์และดูแบบ
แล้วก็แบบสไตล์โบราณก็ต้องวัดเหมือนกัน ยู่ยี่นั้นถูกทรมานไปมาให้ทำท่าต่างๆไม่หยุด
ฉันทัชถามด้วยความรู้สึกสงสารว่า “เหนื่อยมั้ย?”
“พอไหวคะ” ยู่ยี่ตอบ “แค่วัดไซส์เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรหนัก”
“ก็แค่วัดไซส์จริงๆ แต่ว่าในท้องของคุณยังมีอีกคน รวมเป็นสองคนแล้วนะในตอนนี้ เหนื่อยมันก็ต้องแน่อยู่แล้ว รีบจบๆเสียทีเถอะ แล้วผมจะพาคุณไปพักผ่อน….” เขาพูดเสียงเบา มือใหญ่จับมือของเธออย่างนุ่มนวล แล้วจูบลงอย่างอ่อนโยน
ในห้องรับแขกมีคนเยอะมาก ยู่ยี่ผลักเขา ฉันทัชยิ้มอ่อนโยนไม่ถือสา
หลานสาวที่อายุสิบห้าสิบหกขวบก็ตะโกนพูดขึ้นว่า “คุณน้ารอง อ่อนโยนมาก แต่ก่อนคุณน้ารองไม่ใช่แบบนี้!”
ยังจำได้ว่าแต่ก่อนคุณน้ารองปฏิบัติกับพี่เอวาไม่ใช่แบบนี้ คุณน้ารองก็มีหัวเราะบ้าง แต่มักจะเป็นความรู้สึกห่างๆ แต่ในตอนนี้ไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว!
กลับมาที่ห้อง ยู่ยี่ต้องการจะอาบน้ำ ฉันทัชไม่วางใจจึงไปห้องน้ำเป็นเพื่อนเธอ อาบน้ำถูหลังให้เธอ
ยู่ยี่ขัดขืนหลายรอบไม่ให้เขาตามเข้าไปในห้องน้ำ แต่ไม่สามารถจะขัคขวางเขาได้ เขาไม่วางใจกลัวเธอจะลื่นล้ม
เขาใส่ใจดูแลเธออย่างละเอียดมาก ทั้งเรื่องที่เธอคิดถึง และคิดไม่ถึง เขาก็คิดแทนเธอทุกๆอย่าง ไม่ยอมให้เธอได้รับความลำบากใดๆ เธอมีอาการแพ้ท้องไม่อยากที่จะกินอะไร เขาก็ให้รู้สึกไม่ดี ไม่วางใจเธอ ต้องวนเวียนอยู่ข้างกายเธอตลอดเวลา
อาบน้ำเสร็จแล้ว ยู่ยี่ก็สวมใส่ชุดนอน ฉันทัชยังอยู่ในห้องน้ำไม่ได้ออกมา เสื้อสูทที่อยู่บนร่างเขานั้นได้ถูกถอดออก
เขาจะอาบน้ำเย็น
ท้องฟ้ายามมืดมิด ผ้าสีขาวเบาพลิ้วไปตามสายลม คนที่นอนอยู่บนเตียงกำลังหลับอย่างสบาย แต่ท่าทางรักกันมาก
ทันใดนั้นยู่ยี่ก็หันตัวลุกขึ้นนั่ง สองมือลูบที่ผม
หลังจากที่ท้องของเธอยิ่งใหญ่ขึ้นทุกวัน การนอนหลับของฉันทัชก็ตื้นมากขึ้น แค่เธอมีการขยับนิดเดียว เขาก็รู้สึกตัว
เขาเปิดไฟ หรี่ตามอง แล้วเหยียดตัวขึ้น เสื้อนอนผ้าไหมก็ได้หลุดออกเผยให้เห็นแผงอกที่เรียบเนียน “เป็นอะไรไป?”
ยู่ยี่กันริมฝีปากไม่พูดว่าอะไร
ฉันทัชตกใจไม่น้อย “ไม่สบายหรอ? ปวดท้องหรือเปล่า? หรือว่าเป็นอะไร? ที่รัก บอกผม ค่อยๆพูด”
เธอส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ฉันอยากกินลูกพลับแห้ง อยากกินมาก อยากกินจนนอนไม่หลับ”
ฉันทัชก็ยิ้มอย่างหน้าปั้นยาก แต่คำพูดที่พูดออกมานั้นอ่อนโยนอย่างที่สุด “ได้ ผมจะไปซื้อ นอนรออยู่นี่นะ”
ยู่ยี่หันดูเวลา “ตีสองแล้ว คุณจะไปซื้อที่ไหน นอนดีกว่า”
แต่เขากลับรีบหยิบเสื้อผ้าและกางเกงแล้วสวมใส่มัน แล้วจัดแจงเน็คไทแบบลวกๆ “เดี๋ยวผมรีบกลับมา”
“ช่างมันเถอะ ไม่ต้องไปแล้ว มันดึกแล้ว”
ฉันทัชยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วดึงผ้าห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วหยิบกุญแจรถบนโต๊ะเครื่องแป้ง จูบเธอแล้วพูดว่า “มันยากอยู่นะที่จะเจอของที่อยากกิน งั้นผมจะต้องให้คุณกินให้ได้….”
ตีสองกว่าๆ ฉันทัชก็ขับรถออกไปตามหาลูกพลับแห้งในฮ่องกง
ในฤดูนี้ลูกพลับแห้งหายาก เดือนธันวาเข้าตลาด เดือนกุมภาออกตลาด ตอนนี้ก็ปาเข้าไปเดือนมีนา บวกกับตลาดใหญ่ๆก็ปิด หายาก
เขากลับไม่มีความคิดที่จะเปลี่ยนใจ แต่ร้านค้าได้ปิดลงหมดแล้ว ไม่มีทางอื่น เขาโทรหาคนที่รู้จักในฮ่องกงเพื่อสอบถาม
เขาโทรหาหลายคนในที่สุดก็หาเจอ ฉันทัชรีบสตาร์ทรถทันที
ตีสองตีสามเพื่อลูกพลับแห้งมาขัดจังหวะในการนอน เพื่อนเขาพูดหยอก เขากลับยิ้มแล้วพูดตอบว่า “ภรรยาอยากกิน….”
“คนท้องก็งี้ บางทีก็อยากที่ต้องการกินอะไรเป็นพิเศษ เข้าใจเลยๆ” เพื่อนพูดหัวเราะเสียงเบา
ฉันทัชก็หัวเราะตาม หลังจากพูดขอบคุณเสร็จก็เอาลูกพลับแห้งจากไป
ยังดีที่เพื่อนที่นี่ยังคงเหลือลูกพลับแห้งไว้อยู่ สดใหม่มาก
ยู่ยี่ทนไม่ไหว ง่วงนอนมาก เธอมองดูเวลา ก็ตีสามครึ่งแล้วแต่เขายังไม่กลับมา
ฤดูนี้ลูกพลับแห้งไม่ใช่ว่าจะหาง่าย บวกกับเวลาดึกดื่นเช่นนี้ พวกร้านค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างก็ปิดหมดแล้ว เขาจะไปหาที่ไหน?
เธอขมวดคิ้ว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมจะโทรหาเขา
แต่ขณะที่กำลังเลื่อนเบอร์แล้วจะโทรนั้น ประตูห้องก็ได้ถูกเปิดออกทันที ฉันทัชเดินเข้ามา เขาไม่ได้เปลี่ยนรองเท้าและไม่ได้ถอดชุดคลุม เข้ามาอยู่ที่ข้างเตียง แล้วนั่งลงเปิดกล่องออก หยิบลูกพลับแห้งส่งให้กับเธอ “อยากกินไม่ใช่หรอ รีบกินเข้าสิ….”
ยู่ยี่กระพริบตามองอย่างตกใจ “ดึกดื่นอย่างนี้ คุณไปซื้อมาจากไหน?”
เธอคิดไม่ถึงว่าเขาจะซื้อลูกพลับแห้งมาได้จริงๆ!
“โทรหาเพื่อนน่ะ พอดีเพื่อนคนนึงมี…” เขาเอ่ยปากพูด ถอดเสื้อคลุมออกแขวนไว้ที่ด้านข้างแล้วเดินออกไป แล้วตอนที่เดินกลับมานั้น ในมือก็มีน้ำอุ่นๆยื่นส่งให้เธอ “กินไปดื่มไปนะ ไม่งั้นเดี๋ยวจุกติดอยู่ในลำคอ”
เธอพยักหน้ารับแก้วน้ำมา น้ำอุ่นกำลังดี ไม่ร้อนเกินไป กินลูกพลับแห้งคำนึง ดื่มน้ำคำนึง กินอย่างเป็นเอามาก
เธอกินไป ฉันทัชก็นั่งลงมองเธอกินอยู่ที่ด้านข้าง ดูเธอกินอย่างเอร็ดอร่อย ใจของเขาก็ให้ฟูอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ยู่ยี่รู้สึกว่านานแล้วที่ไม่ได้กินของอร่อยๆแบบนี้ เพียงแค่ชั่วเวลาแปปเดียวก็กินไปแล้วสองลูก
เธอกินค่อนข้างที่จะรีบร้อน มุมปากเปื้อนเศษของลูกพลับแห้ง ฉันทัชอดไม่ได้ที่จะยิ้ม นิ้วมือที่อุ่นมาแตะที่ใบหน้าของเธอไปเช็ดที่บริเวณรอยเปื้อนเศษของลูกพลับแห้งนั้น
ท่าทางที่อ่อนโยนทำให้ยู่ยี่อดไม่ได้ที่จะใจสั่น เธอเงยหน้าขึ้นก็สบตากับสายตาของเขา ลึกซึ้ง ละมุน รักใคร่
คล้ายกับแม่น้ำหรือทะเลลึกที่มองไม่เห็นพื้นผิวด้านล่าง สไหวไปด้วยความอ่อนโยน ยิ่งเหมือนกับระลอกคลื่นที่จะดูดคนเข้าไปไว้ด้านใน ถอนตัวไม่ได้ ข้างกายคลอบคลุมไปด้วยแสงที่แวววาว