ตอนที่ 311 ตลบหลังกลับ (2)

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 311 ตลบหลังกลับ (2) โดย Ink Stone_Fantasy

“ศิษย์น้อง เชิญนั่ง”

ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว ใบหน้าของจั่วเจียจวิ้นก็เผยให้เห็นถึงอารมณ์ที่ตื่นเต้น วิชาคาถาในแต่ละสำนักเวทย์ ทั้งหลายนั้น ล้วนเป็นความลับไม่เผยแพร่ต่อใคร เขาท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถึงสิบปี แต่ไม่สามารถเรียนรู้ ได้แม้เพียงเสี้ยวเดียว ดังนั้นพอได้ยินว่าเยี่ยเทียนจะถ่ายทอดวิชาให้ จั่วเจียจวิ้นจึงรีบให้เยี่ยเทียนนั่งอยู่บนที่สูง ส่วนตนวางมือทั้งคู่กุมไว้บนหัวเข่า ทำท่าราวกับตั้งอกตั้งใจฟังคำสั่งสอน

“ศิษย์พี่ ผู้รู้ คือผู้มีวิชา เมื่อเข้าถึงวิชา ย่อมเข้าถึงพาหนะล่าง ผู้มีธรรม คือผู้เชี่ยวชาญในวิชาความรู้ จึงเข้าถึงหลักธรรมอันประเสริฐ ย่อมเข้าถึงพาหนะกลาง และผู้มีวิชาสามารถรวมทั้งสองเป็นหนึ่ง เข้าถึงหนทางแห่งเต๋า ย่อมเข้าถึงพาหนะใหญ่”

เยี่ยเทียนอธิบายวิชาที่ได้รับสืบทอดมาตามลำดับ “หลักไร้อิสระ เต๋าไร้สามัญ กฎไม่เที่ยงแท้ ศาสตร์ไม่มั่นคง

 วิชาแปรเปลี่ยนผัน อำนาจอิงความคิด หลักเกณฑ์น้อยนิด ระลึกอยู่ในใจ แบบแผนกฎเกณฑ์ ไม่อาจละทิ้ง”

“ศิษย์น้อง เรื่องพวกนี้พี่รู้ดีทั้งหมด”

จั่วเจียจวิ้นมีความเข้าใจวรยุทธ์อย่างลึกซึ้ง สิ่งจำเป็นสำหรับเขาตอนนี้คืออาคมที่สามารถใช้ในการต่อสู้จริง หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว ก็พยักหน้าถาม “ถ้าอย่างนั้นจะดึงเอาพลังร้ายออกมาใช้เองได้ยังไงล่ะ”

 “ศิษย์พี่ ทุกสรรพสิ่งบนโลกล้วนมีจิตวิญญาณ หญ้ามีจิตจึงเกิด ไม้มีวิญญาณจึงเติบโต ลมปราณก็มีจิตวิญญาณ อีกทั้งแบ่งเป็นปราณหยินและหยาง ปราณเร้นลับ นำไปยังพระสูตร ขับไปสู่ชีพจร แยกออกเป็นหกทิศ เปลี่ยนลมปราณ ให้กลายเป็นความจริงแท้”

เยี่ยเทียนอธิบายพลาง กล่าวเคล็ดคาถาวิชาให้กับจั่วเจียจวิ้นร่วมกันไปด้วย ขณะเดียวกันก็สำแดงวิชา ทำให้พลังชี่ดั้งเดิมในอากาศปั่นป่วนขึ้นมา เพื่อให้จั่วเจียจวิ้นสัมผัสเป็นตัวอย่าง

“ฮ่า ๆ พี่เข้าใจแล้ว”

หลังจากจั่วเจียจวิ้นนั่งงุนงงสับสนอยู่ชั่วโมงหนึ่ง พลันดวงตาก็สว่างวาบ ตะโกนก้องหัวเราะออกมา

“หยินสงบปั่นป่วน หยางหยุดรอต้าน วิธีรวมหยินหยาง เคลื่อนไหวว่างเปล่า โจมตีโดยไร้รูป”

 ขณะที่พูด จั่วเจียจวิ้นก็ไขว้ดรรชนีกำหนดคาถา หลังจากวาดเส้นโค้งรอบตัวแล้ว ก็ยื่นมือออกไปข้างหน้า เปล่งเสียงดังออกมาจากปาก “ป่วย”

 สิ้นเสียงของจั่วเจียจวิ้น ก็มีเสียงแหลมแสบแก้วหูดังขึ้น อากาศเบื้องหน้าเขาพลันราวเกิดคลื่นน้ำเป็นระลอก พลังชี่หยินร้ายหนาวเหน็บอันรุนแรงพุ่งออกไปด้านหน้ากว่าสิบเมตร แล้วจึงค่อยสลายไปในอากาศ

“ศิษย์พี่เฉลียวฉลาดมาก นับถือ นับถือจริงๆ”

 ได้เห็นจั่วเจียจวิ้นเข้าถึงแก่นแท้ของวิชาได้ภายในเวลาสั้นๆ เพียงสองชั่วโมง อีกทั้งยังสำแดงออกมาได้ เยี่ยเทียนยังตะลึงมองอ้าปากค้าง

ที่สำคัญวรยุทธ์กับกังฟูนั้นเหมือนกัน ล้วนต้องขยันหมั่นฝึกซ้อมถึงจะสามารถใช้ได้อย่างเชี่ยวชาญ ทว่าท่วงท่าของจั่วเจียจวิ้นเมื่อครู่แม้ยังไม่คล่องแคล่วนัก แต่พลังทำลายกลับไม่อ่อนด้อยเลยแม้แต่น้อย

ตอนนี้เยี่ยเทียนจึงรู้แล้วว่าเหตุใดท่านอาจารย์จึงพูดอยู่เสมอว่าศิษย์พี่สองคนนี้ของตนเองล้วนเป็นคนมีพรสวรรค์ ความสามารถเหนือชั้น ถ้าหากตัวเขาไม่ได้เป็นคนรับสืบทอด น่ากลัวว่าทางด้านความรู้เรื่องวรยุทธ์ คงไม่อาจเทียบ ศิษย์พี่รองตรงหน้าได้

เพียงเสียดายที่ไม่รู้เบาะแสของศิษย์พี่ใหญ่ ไม่อย่างนั้นหลังจากถ่ายทอดวิชาโรมรันให้แก่เขาแล้ว ศิษย์พี่ศิษย์น้องพวกเขาสามคนคงบุกตะลุยยุทธภพยุคปัจจุบันกันแล้ว

“คุณชาย กินข้าวครับ ผมนำเหล้าดี ๆ หลายขวดจากผู้เฒ่าถังมาให้ท่าน”

เยี่ยเทียนกับศิษย์พี่สลับกันพูดสลับกันฟัง ไม่ทันรู้ตัวสีท้องฟ้าก็มืดหม่นลง จนกระทั่งเสียงของอาติงดังขึ้นมา จากด้านนอกห้องรับแขก ทั้งสองจึงได้สติคืนมา

“เอ่อ อาติง ฉันบอกว่าไม่ให้นายมาแล้วไม่ใช่หรือ”

เงยหน้าขึ้นเห็นอาติงยืนอยู่นอกประตู เยี่ยเทียนก็ขมวดคิ้วมาฮ่องกงครั้งนี้อาศัยความช่วยเหลือของถังเหวินหย่วนมาไม่น้อย เขาจึงไม่อยากทำให้ลูกน้องที่ไว้ใจได้ของถังเหวินหย่วนบาดเจ็บขณะประลองคาถาอาคม

“คุณชาย ผมได้ยินที่ผู้เฒ่าถังว่าแล้ว ท่านกำลังรอคอยศัตรูอยู่ที่นี่” อาติงยิ้มหึๆ แล้วกล่าวต่อ “ผมข้องเกี่ยวกับเรื่องอันตรายมาตั้งแต่เล็ก ไม่เคยกลัวการโจมตีหรือถูกฆ่า รั้งอยู่ที่นี่อาจสามารถช่วยท่านได้อีกแรงไม่ใช่หรือ”

“ไม่มีใครโง่กับเรื่องนี้หรอกครับ”

ได้ยินคำพูดของอาติงแล้ว เยี่ยเทียนก็ยิ้มแห้งออกมา เขาเพียงพูดว่าจะขอยืมบ้านหลังนี้สักหนึ่งเดือน ไม่ได้เล่าเรื่องชาญ ทองทวนให้ถังเหวินหย่วนฟัง นึกไม่ถึงว่าจิตใจของคนชรานั้นจะกระจ่างชัดเจนราวกระจกตั้งแต่แรก

ตั้งแต่แรกอาติงมีเจตนาดีมาตลอด หลังจากเยี่ยเทียนครุ่นคิดอยู่สักพักก็กล่าวขึ้นอย่างอดทน “อาติง ขอบเขตของเรากับวงการของพวกนายนั้นแตกต่างกัน ใช่ว่าใช้มีดใช้ปืนแล้วจะสะสางปัญหาได้ พวกนายคิดว่าอยู่ต่อหน้าฉัน จะสามารถชักปืนออกมาได้เหรอ”

เยี่ยเทียนสามารถสัมผัสรัศมีอันตรายเล็กน้อยแผ่ออกมาจากช่วงเอวของอาติง คิดว่าเขาต้องกลับไปนำมา พกไว้กับตัว แต่ว่านอกจากถูกคนซุ่มยิงจากระยะไกลกับล้อมด้วยปืนแล้ว เยี่ยเทียนก็ไม่รู้สึกหวั่นเกรง

“เฮ้ คุณชาย ท่านอย่าดูถูกผมเชียว คิดดูว่าในอดีตนั้นอาติงคนนี้ก็อยู่ในสมาคมเช่นกัน” ถูกเยี่ยเทียนดูแคลน อาติงเกิดไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย พูดพลางยื่นมือขวาไปสัมผัสตรงช่วงเอว แต่ว่าตอนที่เขากำลังจะยกมือขวานั้น พลันรู้สึกเยียบเย็นไปทั่วร่าง ไม่อาจขยับเขยื้อนตัวได้อีกต่อไป “นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น”

ข้างนอกอุณหภูมิสามสิบกว่าองศา ถึงแม้ภายในห้องรับแขกจะเปิดเครื่องปรับอากาศ แต่ก็ยังมีอุณหภูมิถึงยี่สิบห้า หรือยี่สิบหกองศา แต่อาติงกลับรู้สึกถึงความหนาวเย็นเข้าไปยันกระดูก จนพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก

“อาติง เจตนาดีฉันจะรับไว้ด้วยใจ แต่ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่นายจะเข้ามาร่วมด้วยได้” มือขวาของเยี่ยเทียนไขว้อาคม เอาไว้ ดึงเอาชี่ร้ายที่ห่อหุ้มทั่วร่างอาติงเข้าลงในง้าวพระจันทร์เสี้ยวทั้งหมด

“เอ๋ ผม ผมสามารถขยับได้อีกครั้งแล้ว” หลังจากเยี่ยเทียนกระจายชี่ร้ายออก อาติงก็ลนลานขยับเขยื้อนร่างกายแล้วหันมาสบตาเยี่ยเทียนอีกครั้งด้วยสายตาเต็มไปด้วยความเทิดทูน

คนที่คลุกคลีอยู่ในสมาคมใต้ดินทั้งหลาย ส่วนใหญ่นับถือเทพเจ้ากวนอู พวกเขาเชื่อว่ามีเทพเจ้าคอยปกปักรักษา เมื่อเยี่ยเทียนใช้วิชาจากมือนี้ เทียบได้กับเป็นสิ่งปาฏิหารย์ อาติงจึงอดหวาดหวั่นไม่ได้

 เยี่ยเทียนยิ้มมองยังอาติง กล่าวว่า “คนที่นำอาหารมาส่งจากโรงแรมต้องกำหนดไว้ ให้มาส่งทุกเช้าตอนเจ็ดโมง เที่ยงตรงและหกโมงเย็นสามเวลานี้ นายไม่ต้องติดตามมาแล้ว”

 “ครับ คุณชาย”

 ครั้งนี้อาติงไม่กล้าอวดตัวอีก เดิมเขาคิดว่าเยี่ยเทียนเพียงมีวิทยายุทธ์กล้าแข็ง แต่กลับคาดไม่ถึงว่าความสามารถอื่น ของเขายิ่งยากจะต้านทาน นับว่าเวลาอยู่ต่อหน้าตนมองเขาไม่ขาด

พลันเยี่ยเทียนฉุกคิดขึ้นมาในใจได้ กล่าวว่า “จริงสิ นายให้สหายพวกนั้นของนายคอยจับตาดูหน่อย ถ้าหากมีคนจากประเทศไทยผ่านช่องทางใต้ดินบางส่วนเข้ามายังเขตแดนฮ่องกง ให้รีบโทรบอกฉันทันที”

ถ้าหากเยี่ยเทียนต้องการออกนอกประเทศไปสังหารใครสักคน เขาย่อมไม่ใช้ช่องทางปกติผ่านไปยังประเทศนั้น ดังนั้นเยี่ยเทียนจึงคาดเดาว่า ชาญ ทองทวน เองก็คงจะไม่ใช้พาสปอร์ตเข้ามายังฮ่องกงอย่างเปิดเผยเช่นกัน

แต่ว่าหากคิดจะลักลอบเข้ามายังในฮ่องกง แน่นอนว่าจะต้องหลีกไม่พ้นหูตาของคนในสมาคมเหล่านี้ สถานะในอดีตของอาติง จะต้องพอมีประโยชน์ในเวลานี้อยู่บ้างอย่างแน่นอน

“คุณชาย คนที่มาจากประเทศไทยนั่น คงไม่ใช่ว่าท่านไปตัดทางสินค้าคนอื่น”

ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้วใบหน้าของอาติงก็เผยให้เห็นแววประหลาดใจ จะถูกคนจากประเทศไทยตามสังหาร ถึงฮ่องกง ดูเหมือนว่านอกจากผงขาวทองคำอ่อนนั่น ก็ไม่มีอย่างอื่นอีกแล้ว

“ตัดทางสินค้าคนอื่น”

 เยี่ยเทียนได้ยินแล้วตกใจเล็กน้อย แต่เมื่อมองอาติงหนีบจมูกทำท่าเหมือนสูดกลืนผงขาวแล้ว ก็อดใช้ขาถีบ ออกไปไม่ได้ “ไปไกล ๆ เลย ฉันใช่คนเสพของพวกนั้นเหรอไง”

 “ฮิ ๆ คุณชาย ไม่ใช่ก็ดีแล้วล่ะ” อาติงหลบลูกถีบนั้นของเยี่ยเทียนได้ ในใจเองก็โล่งเบาขึ้นเยอะ

ที่สำคัญคือ เจ้าพ่อค้ายานั้นสามารถฆ่าคนได้เพียงพริบตา ในอดีตคนในแก๊งเล็ก ๆ เคยลักสินค้าล็อตหนึ่งจาก ประเทศไทย คนในแก๊งจำนวนกว่ายี่สิบทั้งหมดถูกฆ่าตายภายในห้อง เกิดเป็นแรงกระเทือนใหญ่ในฮ่องกง

ถึงแม้สมาชิกแก๊งพวกนี้ในฮ่องกงจะดุดันเก่งกล้า แต่เมื่อเทียบกับเจ้าพ่อค้ายาติดอาวุธโจมตีทางทหารพวกนี้ ยังถือว่าประมาทเกินไป

“คุณชาย ท่านรู้หรือเปล่าว่าคนทางนั้นมีรูปหน้าตาแบบไหน มีกันกี่คน” อาติงถามขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ศิษย์พี่ ท่านรู้ไหม”

เยี่ยเทียนมองไปยังจั่วเจียจวิ้น พอเห็นว่าเขาส่ายหัวก็หันไปพูดกับอาติง “หน้าตาเป็นยังไงฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน จำนวนคนคงไม่เกินห้าคน ถ้าหากว่านายพบเข้าล่ะก็ อย่าทำให้พวกเขารู้ตัวเด็ดขาด”

การต่อสู้ด้วยคาถาสำหรับคนมีวิชานั้นไม่ต้องอาศัยจำนวนคนมากมาย เยี่ยเทียนกะเกณฑ์ว่าทางชาญ ทองทวน นั้นอย่างมากก็มีแค่สามถึงห้าคนก็เต็มที่แล้ว

“คุณชาย วางใจได้ครับ หลายวันมานี้หากมีหนูตัวหนึ่งเข้ามาในฮ่องกง ผมเองจะต้องตามหาเขาได้แน่”

อาติงตบหน้าอกเป็นการรับประกัน พวกลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฏหมายในฮ่องกง ไม่มีใครไม่พึ่งพิงสมาคมใต้ดิน เพื่อหากิน ขอเพียงตัวเขากระจายข่าวออกไป ก็ไม่มีใครกล้าปิดบัง

เยี่ยเทียนพยักหน้ากล่าว “ดี อาติง รอเรื่องนี้จบแล้วฉันจะบอกกับเหล่าถัง ให้นายอยู่กับฉันสักระยะหนึ่ง ถึงเวลาจะช่วยสลายอาการผิดปกติของนายเมื่อในอดีตพวกนั้นให้หมดไป”

อยากจะให้ผู้กล้าในวงการพวกนี้ลงแรงทำงานให้ ใช้แค่แรงกดดันไม่ได้ แต่ต้องให้ผลประโยชน์เพียงพอด้วย

หลังจากที่เยี่ยเทียนพูดออกไป อาติงก็กังวลใจไม่สามารถใกล้เยี่ยเทียนได้อีก จึงรีบบอกลาไปจัดการธุระที่เยี่ยเทียนฝากฝังไว้

“ศิษย์น้อง นายแน่ใจว่าชาญ ทองทวน จะมาใช่ไหม”

หลังจากอาติงไปแล้ว จั่วเจียจวิ้นมองมาทางเยี่ยเทียน ทุกอย่างนี้ล้วนเป็นการคาดเดาของเยี่ยเทียนล้วน ๆ ถ้าหากอีกฝ่ายไม่มา วิชาที่เตรียมไว้ทุกอย่างนี้จะเสียเปล่า

 “ก่อนหน้านี้ยังไม่กล้ายืนยัน แต่พอรู้ว่าพระชราผู้นั้นลอบทำร้ายพี่แล้ว ผมมั่นใจแปดในสิบส่วนว่าเขาจะมา”

เยี่ยเทียนรับคำ นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เป็นคนใจแคบอย่างนี้ ถึงกับลอบทำร้ายลูกศิษย์ของศัตรู ชาญ ทองทวน รับสืบทอดจากเขา แปดถึงเก้าในสิบส่วนจะต้องมีนิสัยอำมหิตโลภโมโทสันหยาบช้าเช่นกัน

“ศิษย์พี่ เตรียมการไว้ก่อนเป็นดี รอผมวางค่ายกลเสร็จก่อน แล้วค่อยแลกเปลี่ยนวิชากับพี่”

เยี่ยเทียนพูดพลางดึงกล่องที่นำมาจากบ้าน หินหยกที่เขานำมาครั้งนี้มีคุณสมบัติธรรมดา แต่ว่าง้าวพระจันทร์เสี้ยวอยู่ใจกลางค่ายกล ก็ยังสามารถสำแดงพลังของค่ายกลออกมาได้

และเรื่องสำคัญที่สุดคือ ซ่งเสี่ยวหลงรวมทั้ง ชาญ ทองทวน ล้วนไม่รู้ว่าเขาเชี่ยวชาญวิชาคาถา จะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม หากเยี่ยเทียนไม่สามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้ เขาก็ไม่ต้องวนเวียนอยู่ในยุทธภพอีกต่อไป

……