เมื่อเสี่ยวเทียนเหยา หันกลับมาเขาก็เห็นทหารกำลังคุมเป้ากางเกงและร้องโอดครวญขึ้น มือของทหารอีกคนถูกดึงไปอยู่ด้านหลังของเขาโดยหลิน ชูจิ่ว แต่เขาดูเหมือนจะไม่มีเรียวแรงต่อต้าน

       เสี่ยวเทียนเหยา ตะโกนขึ้นทันที “หยุด!”

       โอ้ สวรรค์!สุดท้ายแล้วหวางเฟยแบบไหนที่เขาแต่งงานด้วย? ต่อหน้าเขา นางสามารถล้มทหารร่างใหญ่ได้ถึงสองคนด้วยมือเปล่า?

       ถ้านางเป็นผู้หญิงที่บอบบาง นางคงจะไม่กล้าที่จะเตะเป้ากางเกงของผู้ชาย!

       เมื่อทหารองครักษ์ได้ยินคำสั่งของเสี่ยวเทียนเหยา เขาก็ต้องการที่จะยืนขึ้นทันที แต่เขาก็ช้าเกินไป หลิน ชูจิ่ว ยกเท้าขึ้นและเตะก้นของทหารที่อยู่ที่พื้น เธอกระแทกเท้าลงไปอีกครั้งก่อนที่เธอจะปล่อยมือ

       การเคลื่อนไหวเหล่านั้นสามารถทำให้ … … ผู้คนถึงกับพูดไม่ออก

       เสี่ยวเทียนเหยา สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพูดขึ้น “หลิน ชูจิ่ว อย่าลืมตัวตนของเจ้า!”

“หวางเย่ จำได้หรือไม่ว่าท่านสัญญาอะไรกับข้า ปล่อยให้ข้าเข้าวัง!” เธอจำได้ถึงตัวตนของเธอ แต่ระบบการแพทย์ก็คอยแต่จะเตือนเธอ แล้วเธอจะลืมเสี่ยว จื่ออันได้อย่างไร?

“เปิ่นหวางบอกว่า … ”

       เมื่อเสี่ยวเทียนเหยา กำลังจะปฏิเสธอีกครั้งหลิน ชูจิ่ว ก็รีบขัดจังหวะเขาขึ้น “หวางเย่ ข้าเองก็บอกว่าข้าต้องเข้าวัง ตอนนี้องครักษ์หลวงก็มาที่นี่เพื่อรับข้า ทำไมท่านถึงต้องขัดแย้งกับองคกรักษ์ฮูเพื่อขา? ”

“ใครบอกว่าเปิ่นหวางทำเช่นนี้เพื่อเจ้า?”

“ถ้าไม่ใช่เพื่อข้า เช่นนั้นหวางเย่ก็ควรจะเข้าใจ ว่าข้าเองที่อยากจะเข้าไปในวังด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้ฮ่องเต้ได้ส่งคนมาเชิญข้า ข้าก็ต้องไป ถ้าท่านยังไม่รู้สึกวางใจท่านก็สามารถไปกับข้าได้ “หลิน ชูจิ่ว พูดขึ้น ก่อนจะชี้นิ้วไปที่ขาของเขา” ขาของท่านหายแล้วไม่ใช่หรือ? ”

       ตอนนี้ขาของเสี่ยวเทียนเหยา หายแล้ว เขาต้องการที่จะแสดงมันต่อหน้าคนมากมาย คนจะเชื่อข่าวลือมากขึ้นหลังจากที่ได้เห็นความจริงที่ว่าขาของเสี่ยวเทียนเหยาไม่เพียงแต่หายขาดเท่านั้น แต่ยังดีอย่างสมบูรณ์อีกด้วย

“เพื่อที่จะเข้าไปในวังเจ้าเต็มใจที่จะทำทุกอย่างเชียวหรือ” แม้กระทั่งการใช้เขา

       หลิน ชูจิ่วเดินเข้าไปใกล้เสี่ยวเทียนเหยาและพูดอย่างช่วยไม่ได้ขึ้น “หวางเย่ ข้าไม่มีทางเลือกจริงๆ ถ้ามีทางเลือก ข้าจะไม่เข้าไปในวัง ท่านสามารถตรวจสอบได้ ข้ากับองค์ชายสามไม่คุ้นเคยกันมาก่อน แต่ … … “

“แต่ อะไร?”

“หลักการของอาจารย์ข้า ในชีวิตนี้ข้าไม่สามารถฝ่าฝืนได้” หลิน ชูจิ่ว ถอนหายใจอย่างหนักๆ ขึ้น

       เสี่ยวเทียนเหยายังไม่เชื่อนาง “อาจารย์ของเจ้ายังคงจัดการกับชีวิตของเจ้าจนถึงตอนนี้?”

“หวางเย่ มีหลายสิ่งที่ข้าไม่สามารถพูดได้ในขณะนี้ ข้าจะบอกท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้ในอนาคต แต่ข้าสามารถรับประกันได้ว่าข้าจะไม่มีวันต่อต้านท่าน” หลิน ชูจิ่วพูดขึ้นอีกครั้งและย้ำถึงความจงรักภักดีของเธอ เพียงเพื่อให้หัวใจของเสี่ยวเทียนเหยาอ่อนลง

“เปิ่นหวางจะรอวันที่เจ้าพร้อมที่จะพูดถึงกับมัน” ในที่สุดหัวใจของเสี่ยวเทียนเหยาก็อ่อนลง จากนั้นเขาก็หันไปเผชิญหน้าพ่อบ้านเฮ้า “บอก องครักษ์ฮู รออยู่ที่ห้องโถง เปิ่นหวางจะเข้าวังไปพร้อมกับหวางเฟย”

“ขอรับ” พ่อบ้านเฮ้า รู้สึกสับสนกับฉากที่เพิ่งจะเกิดขึ้นต่อหน้าเขาก่อนหน้านี้ แต่เขาก็ยังออกไปทำตามคำสั่งของเสี่ยวเทียนเหยา

“ตอนนี้ เจ้าพอใจหรือ” เสี่ยวเทียนเหยา มองหลิน ชูจิ่ว ด้วยความไม่พอใจ

       เสื้อผ้าของนางยุ่งเหยิง ผมของนางยุ่งเหยิง แต่นางก็กล้าที่จะออกมานอกห้องด้วยสภาพเช่นนี้หรือ? หลิน ชูจิ่ว ไม่มีความรู้สึกของความเป็นผู้หญิงเลยหรือ

“ขอบคุณหวางเย่” หลิน ชูจิ่ว ไม่ได้สังเกตุเห็นนัยน์ตาคล้ายหมาป่าของ เสี่ยวเทียนเหยา ก่อนจะพูดขึ้นอย่างใจกว้าง “ข้าจะเปลี่ยนเสื้อผ้า ข้าต้องรบกวนให้ท่านรอสักครู่”

“ฮึ่ม … ” เสี่ยวเทียนเหยาส่งเสียงเย็นขึ้น ก่อนจะก้าวเท้าออกไป โดยที่ไม่รอหลิน ชูจิ่ว

       หลิน ชูจิ่ว ไม่ได้สนใจ เธอกลับไปที่ห้องของเธอเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและหวีผม จากนั้นเธอก็หยิบเอากล่องยาของเธอที่บรรจุทุกอย่างเอาไว้อย่างถูกต้องออกมา

       ในขณะนี้หลิน ชูจิ่วไม่ต้องการที่จะรีบวิ่งออกไปด้านนอกพร้อมกับกล่องยา ถ้าเธอเตรียมตัวไปอย่างดี มันจะเป็นการปลุกระดมความสงสัยเท่านั้น

       อย่างไรก็ตามกล่องยาของหลิน ชูจิ่ว มีขนาดใหญ่กว่าเดิมถึงสองเท่า ด้านในเต็มไปด้วยหลากหลายของสิ่งของทางการแพทย์ หลิน ชูจิ่วถือมันออกมานอกห้องของเธอ แต่เธอก็รู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นทันที