เมื่อเซียวอวี๋เห็นแววตาชื่นชมของสกาเล็ต ในใจก็เอ่อล้นด้วยความยินดี ความรู้สึกที่ได้รับการยอมรับจากสตรีนั้น แน่นอนว่าไม่มีบุรุษใดรู้สึกแย่

ขณะที่ทุกคนตรวจสอบความพร้อมเตรียมออกเดินทาง ทหารหลายนายก็วิ่งเข้าพลางตะโกนไปด้วย “พวกสัตว์อสูร!” ได้ยินเสียงตะโกน ทุกคนก็ตกตะลึงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า พวกเขาเพิ่งเผชิญกับการซุ่มโจมตีจากตอเรสมา ดังนั้นจึงตื่นตัวเป็นพิเศษ เซียวอวี๋เองก็เงยหน้ามองตาม แต่เมื่อเห็นเหล่าสัตว์อสูรบินได้กลุ่มนั้น เซียวอวี๋ก็แทบจะโห่ร้องออกมาด้วยความยินดี สัตว์อสูรกลุ่มนั้นย่อมไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นทัพอัศวินกริฟฟ่อน “หรือพวกเขาก็ถูกส่งมาที่นี่?…แล้วคนอื่นๆเล่า?” เซียวอวี๋สั่งให้คาเอลจุดไฟสัญญาณดึงดูดความสนใจจากพวกกริฟฟ่อน ซึ่งอันที่จริง พวกกริฟฟ่อนนั้นมองเห็นเซียวอวี๋แต่ไกลแล้ว อย่างไรเสีย บนหลังของพวกกริฟฟ่อนก็คือพวกเอลฟ์ สายตาของพวกเอลฟ์นั้นเฉียบคมประดุจเหยี่ยว มีหรือที่พวกเขาจะไม่เห็นเซียวอวี๋? “คำนับนายท่าน!” พวกเอลฟ์พลิกตัวลงจากหลังกริฟฟ่อนและโค้งคำนับเซียวอวี๋ ฉากที่ปรากฏทำให้สกาเล็ตและพวกลูกน้องของนางนิ่งตะลึง พวกเอลฟ์? พวกเอลฟ์ที่ขี่กริฟฟ่อน? เซียวอวี๋มีความลับแบบใดอยู่กันแน่? เขากระทั่งมีพวกเอลฟ์เป็นข้ารับใช้! ด้วยเหตุนี้ คนทั้งหมดจึงรู้สึกยำเกรงเซียวอวี๋ยิ่งกว่าเดิม เซียวอวี่พยักหน้าและถามว่า “พวกเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร? คนอื่นๆเล่า?” นักรบเอลฟ์นายหนึ่งก้าวออกมาตอบ “ทัพกริฟฟ่อนได้กระจายกำลังกันออกค้นหานายท่าน จากนั้นพวกเราสอบถามผู้คนและพบว่านายท่านอยู่ในจักรวรรดิแลนซ์ ดังนั้นพวกเราจึงมุ่งหน้ามาที่นี่ ไม่คิดว่าจะพบกับนายท่านโดยบังเอิญ” เซียวอวี๋พยักหน้า “เจ้ามาได้เวลาพอดี ข้ามีภารกิจให้พวกเจ้า” “นายท่านโปรดสั่งการ” เอลฟ์นายนั้นยืดหลังตรง เซียวอวี๋กล่าวว่า “บอกให้ทุกคนไปรวมตัวกันที่เมืองเล็กๆตรงทางเข้าบึงตะวันลับ หากว่าพวกเขามาถึงแล้ว ก็บอกให้พวกเขาไปตั้งทัพใกล้ๆกับเมืองเม็ก พวกเราจะโจมตีเมืองเม็ก” หลังได้รับคำสั่งจากเซียวอวี๋ หลายคนก็พลิกตัวขึ้นกริฟฟ่อนบินจากไป ขณะที่กำลังบางส่วนคอยอยู่อารักษ์ขาเซียวอวี๋ เซียวอวี๋สั่งการ “คนที่อยู่ให้ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย” “ขอรับ!” พวกเอลฟ์ขานรับ จากนั้นเซียวอวี๋จึงหันมาหาสกาเล็ต “พวกนั้นบินเร็วมาก หากไม่มีอะไรติดขัด ไม่นานกองทัพของข้าก็จะมาถึงเมืองเม็ก มันคงใช้เวลาไม่เกินสิบวัน จนกว่าจะถึงตอนนั้น พวกเราจะรวบรวมข้อมูลและสืบสถานกาณ์ปัจจุบัน” ด้วยคำสัญญาของเซียวอวี๋ โอกาสที่สกาเล็ตจะช่วยมารดาและน้องสาวกลับมาก็เพิ่มขึ้นมาก เดิมที นางอับจนหนทาง แต่แล้วผุ้ใดจะรู้ว่าสถานการณ์จะพลิกกลับเป็นเช่นนี้ นางตระหนักดีว่านางต้องคว้ากุมโอกาสนี้เอาไว้ให้ได้ มิเช่นนั้น นางก็จะไม่เหลือโอกาสใดอีก นี่เป็นเพราะนางไม่เหลือเบี้ยต่อรองใดๆอีกแล้ว แล้วผู้ใดยังจะเสี่ยงภัยเพื่อช่วยนาง? ทั้งหมดออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองเม็ก เซียวอวี๋และสกาเล็ตนั่งอยู่ในรถม้าคันเดียวกัน การได้ดื่มด่ำไวน์รสเลิศพร้อมสาวงามอยู่เคียงคู่นั้นช่างดีจริงๆ สกาเล็ตสั่งให้บ่าวรับใช้ออกจากรถม้าไป ดังนั้นในรถม้าจึงเหลือเพียงแค่นางกับเซียวอวี๋ เซียวอวี๋พลันสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ หลังจากสกาเล็ตดื่มไวน์ไปสองสามแก้ว ใบหน้าของนางก็แดงก่ำ ขณะที่เอวอ้อนแอ้นก็ถูกบิดไปมา ดูมีเสน่ห์ดึดดูดอย่างมาก ในตอนนี้ เป็นเพราะพวกเขาอยู่ในรถม้า สกาเล็ตจึงถอดรองเท้าหนังออก เท้าคู่เปลือยเปล่าไร้ตำหนิดุจหยกเหยียดยาวอยู่บนพื้นรถ สายตาอันร้อนแรงของเซียวอวี่จับจ้องเท้าคู่นั้นเขม็งพลางกลืนน้ำลาย อาจเป็นเพราะอากาศร้อน สกาเล็ตจึงคลายสายรัดเกราะบางส่วน จนเผยให้เห็นร่องอกงดงาม ภาพนี้ถึงกลับทำให้เซียวอวี๋ไม่อาจละสายตาไปที่อื่นอีก คล้ายกับไม่ตั้งใจ สกาเล็ตยกมือดึงปิดผ้าม่านที่หน้าต่าง ภายในรถม้าจึงเหลือเพียงแสงสลัว แสงบางส่วนที่ลอดผ่านผ้าม่านมาได้ตกกระทบลงบนเรือนร่างของสกาเล็ต เซียวอวี๋รู้สึกปากคอแห้งผาก ดังนั้นจึงยกไวน์ขึ้นจิบเพื่อดับกระหาย และด้วยเหตุนั้น ร่างกายของเขาจึงเริ่มร้อนขึ้นมา กลุ่มความร้อนแล่นผ่านท้องน้อยก่อนจะกระจายไปทั่วร่าง สกาเล็ตในเวลานี้ดูอ่อนหวานน่ามอง สายตาปรือของนางชำเลืองมองเซียวอวี๋อย่างเอียงอายจนเซียวอวี่แทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ ทันใดนั้น รถม้าก็กระเด้งขึ้นคล้ายวิ่งตกหลุม ร่างกายอันหอมกรุ่นของสกาเล็ตจึงสั่นตามแรงและถลาเข้าอ้อมอกของเซียวอวี๋ เอวอ้อนแอ้นของนางเกิดเสียดสีกับต้นขาของเซียวอวี๋ก่อนจะชนเข้ากับส่วนนั้นของเขาจนเซียวอวี๋แทบจะสะกดอดกลั้นไม่ไหว อาจเป็นเพราะสัมผัสที่ได้นั้นมีขนาดใหญ่ สกาเล็ตจึงหน้าแดงฉาน ร่างกายของนางคล้ายไร้เรี่ยวแรง ดังนั้นเอนลงซบร่างของเซียวอวี๋ นี่คงเป็นผลจากฤทธิ์ไวน์ เมื่อศีรษะของสกาเล็ตพิงซบบนบ่าของเซียวอวี๋ เซียวอวี๋ก็เบนสายมองต่ำ ภูเขาหิมะอันงดงามสองลูกจึงปรากฏแก่สายตา เสื้อที่สกาเล็ตสวมใส่นั้นขยับเคลื่อนราวกับจะปริแตก เซียวอวี๋ทำได้เพียงมองจนตาค้าง เซียวอวี๋เลียริมฝีปาก ขณะที่มือค่อยๆเคลื่อนไปที่ต้นขาวขาวนวลและเค้นคลึงอย่างเต็มไม้เต็มมือ ไม่ช้า ไม่ทราบว่าฝ่ายใดเป็นคนเริ่ม เซียวอวี๋และสกาเล็ตเริ่มกอดก่ายกันอย่างเร่าร้อน แม้สกาเล็ตจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน กระนั้นกลับเห็นได้ชัดว่านางไม่มีประสบการณ์ด้านนี้ ดังนั้นจึงได้แต่คล้อยตามการนำของเซียวอวี๋ และแม้ประสบการณ์ของเซียวอวี๋จะไม่มาก กระนั้นการศึกษาจากคลิปตามเน็ตในชีวิตก่อนก็ช่วยเขาได้มาก ถึงตอนนี้ เซียวอวี๋ก็ไม่อาจอดกลั้นได้อีก เขาลงมือถอดชุดของสกาเล็ตออก เรือนร่างอันเปลือยเปล่าไร้ตำหนิพลันปรากฏแก่สายตา มองดูสกาเล็ตที่ท่าทางเขินอายแล้ว เซียวอวี๋ก็เลทือดลมพลุ่งพล่าน เขาราวกับเป็นสัตว์ป่าที่หิวโหยพุ่งเข้าตะปบเหยื่อ สกาเล็ตตัวสั่นคล้ายหวาดกลัว ร่างที่สั่นน้อยๆของนางถึงกับทำให้เซียวอวี๋ตาค้าง จนเมื่อสิ่งนั้นสอดใส่เข้าสู่ส่วนลับ นางก็ระบายลมหายใจอย่างแผ่วเบา สายตาเหม่อมองเพดานรถ นางรู้สึกราวกับมีบางสิ่งถูกฉีกขาด วินาทีนั้น นางทราบนางได้กลายเป็นสตรีเต็มสาวแล้ว…. ……………………. ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด เซียวอวี๋ได้เปิดประตูลงม้าและพบว่าท้องฟ้าเบื้องนอกนั้นเต็มไปด้วยดวงดาว “เวลาผ่านไปเท่าไรแล้ว?” เซียวอวี๋รู้สึกว่าเวลานั้นผ่านไปเร็วยิ่ง “หกขั่วโมงขอรับ นายท่านต้องการให้จัดอาหารหรือไม่?” นักรบเอลฟ์กล่าวตอบอย่างนอบน้อม “หกชั่วโมง!” เซียวอวี๋รู้สึกตกตะลึงกับความอึดของตน “ใช่ขอรับ ตอนนี้พวกเราพวกเราตั้งค่ายเสร็จแล้ว” เซียวอวี๋พยักหน้า “จัดอาหารมา” นักรบเอลฟ์ก้มศีรษะก่อนจะไปนำอาหารมาให้เซียวอวี๋ เซียวอวี่จึงกลับเข้าไปทานอาหารพร้อมกับสกาเล็ต สกาเล็ตไม่ต้องการลงจากรถม้า นางรู้สึกอายที่จะปรากฏตัวต่อหน้าบริวารของนาง ตอนนี้เซียวอวี๋อารมณ์ดีมาก ไม่เพียงแต่ได้ครอบครองสาวงามเช่นสกาเล็ต ครั้งแรกของนางทำให้เขารู้สึกดีมากจริงๆ เซียวอวี๋นั้นทราบว่าสกาเล็ตต้องการผูกติดกับเขา ตอนนี้ทั้งคู่ต่างก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว อีกทั้งนางยังเป็นผู้หญิงของเขา ข้อตกลงในตอนแรกก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป ตอนนี้นางเป็นผู้หญิงของเขา แน่นอนว่าเขาย่อมต้องช่วยนาง นี่เป็นสิ่งที่เขายึดถือมาตลอด ตอนนี้สกาเล็ตสวมชุดไว้หลวมๆเผยให้เห็นร่างกายวับๆแวมๆ ผมเงางามแผ่สยายเต็มแผ่นหลัง เซียวอวี๋รู้สึกร้อนรุ่มที่ท้องน้อยขึ้นอีกครั้ง เขารีบกดน้องชายที่กำลังผงาดขึ้นอย่างรวดเร็ว หากว่าหิวเช่นนั้นก็ต้องกินอะไรเสียก่อน สกาเล็ตนิ่งเงียบอย่างเขินอาย เซียวอวี๋จึงเล่าเรื่องตลกเพื่อทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย เห็นความตั้งใจของเซียวอวี๋แล้วสกาเล็ตก็รู้สึกวาบหวามใจ อย่างน้อยเซียวอวี๋ก็ไม่ใช่ผู้ชายที่ไร้ความรับผิดชอบ บางที การตัดสินใจครั้งนี้นั้นถูกต้องแล้ว ในยามเย็น คนทั้งสองก็เริ่มบรรเลงเพลงรักกันอีกรอบ ผ่านไปหลายวัน เซียวอวี๋ก็อารมณ์ดีอยู่ตลอด ทว่าน่าเสียดาย สิ่งดีๆมักคงอยู่ได้ไม่นาน ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงเมืองเม็กแล้ว……