บทที่ 1882 - วิหคเพลิงเบญจรัส หญิงสาวปริศนาผู้เป็นผู้นำ

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

ชิงสุ่ยนึกถึงผู้พิทักษ์เทวะธรรมที่อยู่ในมหาทวีปอู่เซียตะวันตกและมั่นใจว่าผู้นำที่สำคัญคนนี้จะต้องมีสถานะเดียวกับผู้พิทักษ์เทวะธรรม เพียงแต่มีพลังที่มากกว่า
  สถานะผู้นำบ่งบอกไว้ในตัวเราว่ามันคือสถานะของเจ้าผู้ครองจักรวรรดิ ถ้าหากผู้นำของพวกเขายังไม่ถูกรักษา แม้เหตุการณ์วันนี้จะสิ้นสุด พวกเขาจะต้องกลับมาอย่างไม่ต้องสงสัย
  ……………………
  ………….
  ภายในห้องโถงแสนวิจิตรงดงามหรูหราของมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์หญิงสาวโฉมงามดุจเทพธิดานางฟ้า นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางหลับตา ขนตาของเธอเรียวงอนดำสนิท สีผิวสว่างขาวไร้ที่ติ และมีร่างกายผอมเพียวทรงเสน่ห์ดึงดูดใจ คำพูดทั้งหมดไม่ได้อธิบายเกินจริง มันคือสัดส่วนที่ปราณีตยิ่งกว่านางในฝัน
  คนที่ยืนอยู่ด้านหลังคือนายน้อยที่สองแห่งตระกูลฮัว เขายืนนิ่งขณะมองดูความงามอันน่าทึ่งโดยไม่มีความปรารถนาปรากฏขึ้นในดวงตา มันมีเพียงแค่สายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
  ทันใดนั้นดวงตาของหญิงสาวโฉมงามก็เบิกกว้างดวงตาที่เหมือนพลอยไพลินสีดำบริสุทธิ์ เต็มไปด้วยเสน่ห์ ผสมผสานกับขนตา ยิ่งทำให้งดงามราวกับดวงดาวเจิดจรัสบนท้องฟ้า
  เสียงฝีเท้าภายนอกดังขึ้นอย่างฉับพลัน มาพร้อมกับการปรากฏตัวของผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่และผู้ติดตาม
  ”เป็นเกียรติที่ได้พบท่านท่านผู้นำ!!”ผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่โค้งคำนับหญิงสาวโฉมงาม จากนั้นก็ถอยหลังกลับไป 3 ก้าว
  ”พูดมาได้เลย!!”หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าผู้นำเหลือบมองสายตาของเธอไม่ได้สนใจคนที่สูญเสียแขนไปเลยแม้แต่น้อย
  ”ตัวข้านั้นไร้ประโยชน์เขาไม่อ่าจต่อกรกับเขาได้ ได้โปรดลงโทษข้าเถิดท่านผู้นำ”ผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่คุกเข่าลง 1 ข้าง จากนั้นผู้ติดตามก็ทำตามผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่
  หญิงสาวโฉมงามไม่ได้มีทีท่าแปลกใจเธอลุกขึ้นยืนพร้อมร่างกายที่ผอมเพียวพร้อมกับชุดผ้าไหมสีม่วงปักลายทองโบกสะบัด เธอเหยียดมือออกไปพยุงผู้อาวุโสที่นั่งคุกเข่า “ท่านลุงเจี้ยน ข้าบอกท่านกี่ครั้งแล้วว่าทำไมต้องทักทายข้าด้วยวิธีนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ข้าก็ไม่เคยคิดโทษท่านเลยสักครั้งเดียว”
  ผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่ถอนหายใจโดยไร้คำพูดเขาติดตามเธอมาอย่างยาวนานและเคยช่วยชีวิตเธอครั้งหนึ่ง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาได้ทำเครื่องผิดพลาดไปหลายอย่าง แต่เธอก็คอยตามแก้ไขปัญหาให้ โดยไม่คิดกล่าวโทษตัวของผู้อาวุโสคนนี้เลย
  ผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่สำนึกในบุญคุณจึงอุทิศตนทำทุกอย่างเพื่อผู้นำเทวะเขายอมตายดีกว่าต้องหักหลัง ในหัวใจของเขาหญิงสาวผู้นี้คือนายหญิงสูงสุด ทำทุกวิถีทาง คอยดูแลดุจครอบครัว แต่ก็ไม่กล้าคิดว่าเธอเป็นลูกสาว เพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่คู่ควร
  ”เอาล่ะพวกท่านไปพักผ่อนเถอะอย่าได้กังวลเลย”
  หญิงสาวไม่ได้ถามชายวัยกลางคนเรื่องที่สูญเสียแขนเพราะเธอรู้ดีถึงเหตุผลของแขนข้างนั้นที่หายไป
  ”คุณชายสองแห่งตระกูลฮัว!!”
  ”ขอรับท่านผู้นำเทวะ!1″
  นายน้อยที่สองแห่งตระกูลฮัวรีบโค้งคำนับ
  ”ไปที่หอคอยจักรพรรดิพร้อมกับข้าข้าอยากจะเห็นว่าหมอคนนี้วิเศษเพียงใด”หญิงสาวกล่าวอย่างเชื่องช้า
  ”ได้เลยขอรับ!!”
  …………………..
  …………..  หอคอยจักรพรรดิสร้างขึ้นเพื่อคอยดูแลผู้คนไม่ใช่เพื่อหาผลประโยชน์ชิงสุ่ย ผู้อาวุโสเทียนยี่ เหลียนหลิงเฟิง และคนอื่นๆมีเงินทุนเหลือเฟือไม่ได้ขาดแคลนเงินแม้แต่น้อย ฉะนั้นจุดประสงค์ของมันจึงเป็นจุดประสงค์ตั้งแต่แรกเริ่มที่หอคอยจักรพรรดิแห่งแรกถูกสร้าง
  ประการที่สองหอคอยจักรพรรดิคือแหล่งเชื่อมโยงกองกำลังทรงพลัง โดยใช้ทักษะการรักษาที่แข็งแกร่งคอยชักจูงผู้คนให้เห็นค่าผู้เป็นหมอ หอคอยจักรพรรดิจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว ขยับขยายสาขาไปเปิดอีกหลายภูมิภาค
  การเดินทางในระยะไกลไม่ใช่เรื่องง่ายชิงสุ่ยไม่สามารถสร้างร่างปลอมเพื่อประจำการแต่ละที่ได้ สิ่งที่เขาทำได้คือการย้ายไปอยู่อาศัยในแต่ละสถานที่ตามช่วงเวลา โชคดีที่มีธงสวรรค์ปัญจธาตุมิฉะนั้นการเดินทางบนมหาทวีปอันแสนกว้างไกลและไร้ขอบเขตคงกลายเป็นเรื่องยาก  การขับขี่บังคับสัตว์อสูรที่ดุร้ายและทรงพลังไม่ใช่สิ่งจำเป็นเสมอไปแต่ความเร็วและความอดทนของสัตว์อสูรคือสิ่งจำเป็นยิ่งกว่า เพราะสัตว์อสูรทุกตัวสามารถฝึกฝนพัฒนาตนเองได้ ยกตัวอย่างเช่น วิหคอัคคีทมิฬที่เคยใช้เป็นสัตว์พาหนะ ปัจจุบันความแข็งแกร่งของมันพัฒนาตามตัวชิงสุ่ย และมีท่าทีแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
  ในตำนานมังกรได้กระจัดกระจายสายเลือดเช่นเดียวกับวิหคเพลิงตัวอย่างเช่นรุดคือสัตว์ที่สืบสายเลือดมาจากวิหคเพลิง รุดจึงมีปีกที่แข็งแกร่งสามารถเดินทางได้ทั่วทั้งท้องฟ้าพร้อมกับความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ
  ชิงสุ่ยรับรู้ถึงการมาถึงของสัตว์อสูรบางอย่างเขาจึงออกมายืนมองและพบว่ามีนกยักษ์กำลังใกล้เข้ามา สัตว์อสูรที่เขากำลังมองดูเป็นสัตว์อสูรที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น แม้แต่วิหคอัคคีทมิฬและมังกรทองคำของเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อกรของมัน
  มันคือวิหคเพลิงเบญจรัส!!   ร่างกายอันมหึมาของมันปกคลุมไปด้วยขนนก5 สี ภายนอกแสดงออกถึงลักษณะของวิหคเพลิง บนศีรษะปรากฏให้เห็นเป็นมงกุฎขนาดใหญ่สาดแสงรัศมีสีทั้ง 5 สดใสยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ ไม่ต่างจากดวงอาทิตย์ดวงที่ 2 แน่นอนว่าไม่มีสัตว์ตัวใดมีสามารถกระทำเช่นนี้ได้
  วิหคเพลิงเบญจรัสเป็นไปด้วยแรงกดดันอันทรงพลังมันคือราชาของหมู่มวลวิหค ผู้ยิ่งใหญ่เนื้อสัตว์อสูรบ้าคลั่ง แม้จะครองความสวยงามแต่ก็ไม่ได้มีความอ่อนโยน พวกมันเป็นด่างเพชฌฆาตที่มีกลิ่นอายคละคลุ้งไปด้วยความตาย
  สิ่งที่ทำให้ชิงสุ่ยประหลาดใจยิ่งกว่าวิหคตัวนั้นคือหญิงสาวผู้เป็นนายที่นั่งอยู่บนหลังมัน หญิงสาวผู้นั้นแต่งกายในชุดผ้าไหมคลุมยาวสีม่วงปักลายทอง ร่างกายที่สง่างามของเธอเปิดเผยยังสมบูรณ์ บนศีรษะของเธอแสดงให้เห็นถึงเส้นผมถักสวยงามสีดำสนิท
  ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์และทรงเสน่ห์ปั่นป่วนอากาศแต่ก็คงไว้ซึ่งความสงบและความน่าหลงใหล
  ความงามของเธอไม่ด้อยไปกว่าชางห่ายหมิงเยวี่ย มันคือขีดสูงสุดของหญิงสาวที่สามารถปลดปล่อยความมีเสน่ห์ออกมาได้ ความมีเสน่ห์ที่ใครก็ตามไม่อาจต้านทานไหว
  ผู้นำเทวะ!!
  ชิงสุ่ยที่สัมผัสถึงกลิ่นอายรับรู้ได้อย่างฉับพลันว่าหญิงสาวคนนี้จะต้องเป็นผู้นำที่คนอื่นกล่าวถึงภายในไม่กี่อึดใจ ชิงสุ่ยก็ไปปรากฏตัวกลางอากาศ ยืนอยู่ไม่ห่างไกลจากวิหคเพลิงเบญจรัส ชิงสุ่ยไม่ต้องการให้วิหคเพลิงตัวนี้ไปปรากฏเหนือหอคอยจักรพรรดิ สิ่งที่เขาทำได้คือหยุดยั้งมันด้วยตัวเอง
  และเป็นอย่างที่คาดคิดเอาไว้วิหคเพลิงเบญจรัสหยุดการเคลื่อนไหว หญิงสาวที่อยู่บนมันจ้องมองชิงสุ่ย เธอไม่เคยเจอชายคนนี้มาก่อน แต่เคยเห็นรูปวาดหมอเทวดา ฉะนั้นเธอจึงรู้ได้ทันทีว่าชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือคนที่เธอตามหา  หลังจากที่ได้ชำเลืองมองชิงสุ่ยก็มองเห็นนายน้อยที่สองแห่งตระกูลฮัวยืนอยู่บนหลังวิหคเพลิงเบญจรัสเช่นกัน