ก่อนที่พวกเขาจะออกจากวัง ฮ่องเต้ไม่ได้เตือนให้พวกเขาให้ปิดผนึกปากของพวกเขา ดังนั้นในขณะนี้เมื่อหลิน ชูจิ่ว ถามพวกเขาจึงไม่ได้ซ่อนอะไรเลย “เรียนเสี่ยวหวางเฟย องค์ชายสามป่วยหนัก ฝ่าบาทได้ทราบถึงทักษะทางการแพทย์ของเสี่ยวหวางเฟย ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา ฝ่าบาทจึงมีรับสั่งให้เสี่ยวหวางเฟย เข้าวังเพื่อช่วยเหลือองค์ชายสาม”
“ข้าได้ยินเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยขององค์ชายสาม แต่ฮ่องเต้รู้ได้อย่างไรว่าข้ามีทักษะทางการแพทย์เช่นไร? ใครเป็นคนกระจ่ายข่าวนี้? “ระบบการแพทย์ยังคงเตือนหลิน ชูจิ่ว อยู่เรื่อยๆ แต่เธอก็ไม่อยากหยุดการแสดงของเธอ
ในเวลานี้ ถ้าเธอกระหายที่จะเข้าวัง เธอเพียงแต่จะยกความสงสัยของ
ฮ่องเต้ขึ้นเท่านั้น
“เป็นหมอเทวดาโม่และพระสนมอวี้เหม่ยเหริน พวกเขากล่าวว่าพวกเขาได้เห็นเสี่ยวหวางเฟย ช่วยชีวิตผู้คน พวกเขายังกล่าวอีกด้วยว่าเสี่ยวฟวางเฟยได้รักษาขาของเสี่ยวหวางเย่ เอาไว้ ถ้าไม่มีเสี่ยวหวางเฟย ขาของเสี่ยวหวางเย่ก็ไม่สามารถหายขาดได้ องค์ชายสามเองก็เป็นยังเป็นโรคเดียวกัน ถ้าเสี่ยวหวางเฟยสามารถรักษาขาของเสี่ยวหวางเย่ได้ เสี่ยวหวางเฟยก็สามารถรักษาโรคขององค์ชายได้เช่นกัน”
คำพูดขององครักษ์ฮูนั้นเต็มไปด้วยคำชมเชย แต่แอบซ่อนกับดักเอาไว้มากมาย อย่างไรก็ตาม เมื่อหลิน ชูจิ่ว ได้ยินพวกมันเธอก็ไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างไร เธอเพียงแค่พูดขึ้นด้วยความประหลาดใจเท่านั้น “หวางเย่ ขาของท่านหายขาดได้เพราะข้าหรือ? ไม่ใช่เป็นเพราะการทำงานอย่างหนักของหมอเทวดาโม่หรอกหรือ? ”
“อืม..” เสี่ยวเทียนเหยา ตอบขึ้น แต่จริงๆแล้วเขาไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดด้วยซ้ำ
หลิน ชูจิ่ว ไม่ได้สนใจ เธอเพียงแค่แสดงความกังวลออกไปเท่านั้น ก่อนจะพูดขึ้น”หมอเทวดาโม่เป็นคนใจกว้างมากที่บอกว่าคนอย่างฉันเป็นหมอที่ไม่ธรรมดา หมอเทวดาโม่ มีชื่อเสียงในสี่แคว้นพร้อมด้วยคำสรรเสริญมากมายที่เขาสมควรจะได้รับ แต่สำหรับข้าแล้ว … … มันเป็นเพียงแค่ชื่อเสียงที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดเท่านั้น เขาให้ความสำคัญกับข้าสูงเกินไปแล้ว ”
คำพูดของหลิน ชูจิ่ว เห็นได้ชัดมากราวกับว่าเป็นการเทน้ำสกปรกลงไปบนศีรษะของหมอเทวดาโม่ แต่ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือไม่ก็ตามผู้คนก็ไม่สามารถตัดสินได้
องครักษ์หลวงมองหน้ากัน ด้วยความหมายที่ไม่สามารถอธิบายได้ … …
เสี่ยวหวางเฟย หมายความว่าอย่างไร
พวกเขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไร?
มันเป็นคำพูดที่เป็นในด้านดีหรือไม่ดี?
ความหมายตื้นเกินไปหรือลึกเกินไป?
องครักษ์ฮู ไม่รู้ว่าควรจะเลือกคำไหนมาตอบรับดี
หลังจากที่หลิน ชูจิ่วพูดจบ เธอก็พูดขึ้นอีก”ข้าและพระสนมอวี้เหม่ยเหริน สามารถเรียกได้ว่าเป็นสหายเก่าก็ว่าได้ เนื่องจากนางมีความกระตือรือร้นที่จะพบข้าและยังแนะนำข้าให้กับฮ่องเต้เช่นนี้ ข้าจึงต้องเข้าวังอย่างแน่นอน “เห็นได้ชัดว่าเธอยังกระตือรือร้นที่จะเข้าไปในวัง แต่เพื่อที่จะเข้าสู่วังหลวงได้อย่างปลอดภัย หลิน ชูจิ่ว จึงใช้ประโยชน์จากโม่ อวี้เอ้อร์ เพื่อให้คนอื่นคิดว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
เสี่ยวเทียนเหยา เพียงแค่มองและไม่ได้พูดอะไร แต่มีรอยยิ้มบนริมฝีปากของเขาที่ไม่เคยจางหายไป
หลิน ชูจิ่ว เป็นคนฉลาด!
“ใครก็ได้ ไปนำกล่องยาของข้ามา” หลิน ชูจิ่ว ตะโกนขึ้นเสียงดัง ทหารของตำหนักเสี่ยวหวางฟู่เข้ามาและมองไปที่เสี่ยวเทียนเหยา เมื่อพวกเขาได้เห็นเสี่ยวเทียนเหยา พยักหน้าของเขา พวกเขารีบไปช่วยหลิน ชูจิ่วทันที
ริมฝีปากของหลิน ชูจิ่ว โค้งขึ้นเล็กน้อย แต่เธอไม่ได้พูดอะไร เธอเข้าใจมานานแล้วว่าคำพูดของเธอไม่ได้สำคัญอะไรในตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ แม้กระทั่งก่อนหน้านี้ ถ้าเธอไม่ได้บอกว่ามันเป็นความปลอดภัยของหวางเย่ พ่อบ้านเฮ้าก็จะไม่เชื่อในตัวเธอ
หลิน ชูจิ่ว อาศัยอยู่ห่างไกลจากลานด้านหน้า ดังนั้นแม้ว่าทหารของตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ จะรีบร้อนแค่ไหน องครักษ์หลวงก็ยังคงต้องรอสองถึงเกือบชั่วโมง ทำให้องครักษ์ฮู ได้เกิดความสงสัยว่าหลิน ชูจิ่ว จงใจทำให้เกิดปัญหากับคนของเขาหรือไม่
อย่างไรก็ตามหลิน ชูจิ่ว จงใจทำให้เกิดปัญหา เพราะมันจะแปลกมากถ้าเธอรีบร้อนออกไปกับพวกเขา
เมื่อทหารของตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ทั้งสองคนเข้ามาพร้อมกับกล่องยา หลิน ชูจิ่วก็มองไปที่องครักษ์หลวง ก่อนจะพูดขึ้น “มีรถม้าหรือไม่? ถ้ามีให้ใส่ของของข้าเข้าไปในนั่น แต่ระวังอย่าให้เกิดความเสียหายขึ้น ”
“ขอรับ” องครักษ์หลวงอยู่ในตำหนักของเสี่ยวหวางฟู่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าที่จะทำอะไรหยาบคาย คำขอของหลิน ชูจิ่วก็ฟังมีเหตุผลสมควร ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าที่จะบอกปฏิเสธ
องครักษ์หลวงทั้งสี่คนได้รับกล่องยาไป ในขณะที่องครักษ์หลวงอีก 32 คนยังรออยู่ที่ห้องโถง
หลิน ชูจิ่ว ไม่ได้ปล่อยให้องครักษ์ฮูต้องเตือนเธอ เธอลุกขึ้นยืน แต่เธอก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร แต่ตรงกันข้ามเธอหันไปเผชิญกับเสี่ยวเทียนเหยา ก่อนจะพูดขึ้น “หวางเย่ ท่านสามารถไปที่วังกับข้าได้หรือไม่? ข้ากลัวที่จะไปที่นั่นเพียงลำพัง ”
หัวคิ้วของเสี่ยวเทียนเหยาขมวดขึ้นและมองไปที่หลิน ชูจิ่ว ด้วยการแสดงออกที่ลึกลับ ไม่ใช่ว่าเขาได้บอกกับพ่อบ้านเฮ้าแล้วหรือว่าให้บอกกับองครักษ์ฮูว่าเขาจะเข้าไปในวังด้วย? ดังนั้นหลิน ชูจิ่ว กำลังเล่นอะไรอยู่?
หลิน ชูจิ่ว กระพริบตาและพูดอย่างเงียบ ๆขึ้น : พ่อบ้านเฮ้า ไม่ได้พูดอะไร!