บทที่ 433 มังกรยักษ์

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 433 มังกรยักษ์

เมื่อหลิงว่านถิงและเหลียงเฟ่ยเอ๋อพร้อมแล้ว หลิงตู้ฉิงจึงพาทั้งสองขึ้นรถม้า ซึ่งคนอื่น ๆ ได้ขึ้นไปรออยู่เรียบร้อยแล้ว

หลังจากนั้นเมื่อทุกคนขึ้นรถม้ากันครบหมด กงหนิวก็ลากรถม้าบินไปที่เกาะไท่อี้ทันที

ระดับการบ่มเพาะของกงหนิวในตอนนี้ได้มาถึงขอบเขตนภาระดับ 10 เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่เขาจะสามารถบรรลุและไม่อาจจะไปได้ไกลเกินกว่านี้ เนื่องจากในอดีตเขาได้ใช้ขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 10 ในการทะลวงขึ้นไปยังขอบเขตรวมแสงดารา ซึ่งอันที่จริงหากเขาไม่ได้มาเจอกับหลิงตู้ฉิง เขาคงจะไม่มีวันทะลวงขึ้นมาถึงขอบเขตนภาได้ด้วยซ้ำ ตามปกติแล้วศักยภาพของเขานั้นคงเป็นได้แค่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราไปชั่วชีวิต

แต่ถึงแม้ว่าเขาจะมีระดับการบ่มเพาะแค่ขอบเขตนภาระดับ 10 แต่ความเร็วในการลากรถม้าของเขาก็ยังเร็วกว่าความเร็วในการบินของผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญทั่วไปอยู่ดี

ในเวลานี้การต่อสู้ในแนวหน้ากำลังรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างก็งัดกลยุทธ์ทั้งหลายขึ้นมาห้ำหั่นกันจนในตอนนี้ก็ยากที่จะระบุได้ว่าฝ่ายใดแข็งแกร่งกว่า

โดยเฉพาะเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาที่กองทัพมังกรของหลิงว่านจุน และผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญกว่าร้อยคนที่หลิงยี่เทียนส่งมาได้มาถึง ซึ่งส่งผลให้กองกำลังของอาณาจักรหลงซานที่มีผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญมากกว่า 400 คน และมีทหารประจำการในกองทัพกว่าล้านคนต้องหยุดชะงักการรุกราน

สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ทางด้านของอาณาจักรหลงซานงุนงงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อพวกเขามาถึงเกาะไท่อี้และได้พบกับกองทัพทั้งสองที่ผู้คนต่างร่ำลือกัน ซึ่งมันทำให้พวกเขาเข้าใจได้ทันทีว่าชื่อเสียงกองทัพที่พวกเขาได้ยินมานานนั้นเป็นของจริง

ตัวอย่างเช่น การปรากฎตัวของกองทัพมังกรนั้นเหมือนกับที่ผู้คนร่ำลือกันไว้ไม่มีผิดเพี้ยน เมื่อเข้าสู่สนามรบมันจะกลายร่างเป็นมังกรขนาดใหญ่จำนวนมากพุ่งเข้าถล่มกองทัพของพวกเขา

แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่านี่เป็นค่ายกลรบรูปแบบหนึ่ง แต่ผู้คนทางฝั่งอาณาจักรหลงซานก็ยังรู้สึกแปลกอยู่ดี ถึงขนาดที่มีใครบางคนในกองทัพของอาณาจักรหลงซาน อุทานขึ้นอย่างไม่รู้ตัว “นี่พวกมันใช้วิชาลับของเผ่ามังกรของเรารึเปล่า?”

แม้ว่าผู้ที่พูดจะมีรูปร่างดูเหมือนมนุษย์ แต่บนศีรษะของเขากลับมีเขายาว 3 นิ้วสองเขาอยู่บนศีรษะ ซึ่งเขาซ่อนมันไว้ในเส้นผมของเขาทำให้มันดูไม่โดดเด่น

บุคคลผู้นี้เป็นผู้บัญชาการที่มาจากอาณาจักรมังกรทะยาน เขามีนามว่า หลงเฉิน และเขายังเป็นผู้นำของผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญกว่า 300 คน ที่นำมาจากอาณาจักรมังกรทะยาน

การศึกครั้งนี้ แม้ว่าเหยียนฮ่าวหัวจะเป็นผู้นำ แต่เขาก็มีอำนาจสั่งการแค่เฉพาะผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญ 100 กว่าคน และทหารประจำการของอาณาจักรหลงซานเท่านั้น ส่วนอำนาจการสั่งการผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญอีกกว่า 300 คน ของอาณาจักรมังกรทะยานนั้นยังเป็นของหลงเฉิน ซึ่งเป็นคนของอาณาจักรมังกรทะยานแต่เพียงผู้เดียว

สำหรับจักรพรรดิแห่งอาณาจักรหลงซาน หยูเจิ้งหมิง นั้นไม่ได้มาเข้าร่วมกับการรบครั้งนี้ด้วย เนื่องจากด้วยความมั่นใจในกองทัพที่ส่งออกมานั้นมีจำนวนนับล้าน บวกกับผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญทั้งของอาณาจักรเขาเองและอาณาจักรมังกรทะยานจำนวนมากกว่า 300 คน เขาจะลำบากดั้นด้นมาดูการรบที่ทราบผลแพ้ชนะอยู่แล้วทำไม?

ด้วยจำนวนขนาดนี้ไม่ต้องเดาก็รู้แล้วว่าอาณาจักรจันทราจะต้องถูกกวาดล้างแน่นอน

ส่วนความลับของทะเลชางหมางนั้น หยูเจิ้งหมิงไม่ได้เป็นห่วงมันเลยแม้แต่น้อย เพราะหลงเฉินเป็นคนในครอบครัวเดียวกันกับเขา และทั้งคู่มาจากภูเขาเอ้อหลงเหมือนกัน หากหลงเฉินค้นพบความลับใด ๆ มันก็ไม่ต่างอะไรกับเขาหาเจอเองเช่นกัน

ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญข้าง ๆ หลงเฉินถามขึ้น “พี่หลง มันจะเป็นไปได้ไหมที่คนพวกนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับเผ่ามังกรของเรา?”

หลงเฉินพยักหน้าเล็กน้อย เขาเองก็รู้สึกว่าแนวคิดนี้นั้นมีความเป็นไปได้อยู่ หลังจากคิดอยู่พักหนึ่งเขาก็พูดกับเหยียนฮ่าวหัวว่า “แม่ทัพเหยียน พวกเราต้องจับเป็นพวกเขามาก่อนเพื่อเค้นความลับของวิชาที่พวกเขาใช้”

เหยียนฮ่าวหัวถอนหายใจ “แต่ถ้าเราปล่อยให้พวกเขาเข่นฆ่าทหารของเราแบบนี้ต่อไป ข้าเกรงว่าความสูญเสียของฝั่งเรามันจะมากเกินไปนะสิ”

หลงเฉินตอบกลับด้วยสีหน้าเฉยเมย “มีผู้คนมากมายในทะเลชางหมางนี้ ต่อให้เราจะสูญเสียทหารไปมากมายสักเท่าไหร่หลังจบศึกเราก็แค่เกณฑ์ผู้คนมาฝึกเป็นทหารเติมเต็มส่วนที่เสียไปแค่นี้ก็แก้ปัญหาได้แล้ว ที่เราต้องให้ความสำคัญที่สุดก็คือการได้รับวิชาลับของพวกเขามาแค่นั้นก็พอ”

เหยียนฮ่าวหัวพยักหน้าเล็กน้อยและไม่พูดอะไรอีก

ในขณะนี้ กองทัพนับล้านของอาณาจักรหลงซานก็พยายามต่อสู้อย่างสุดกำลังโดยการแบ่งกองพลรบแยกย่อยออกไป และให้แต่ละกองพลใช้ค่ายกลรบรวมพลังกันจนแต่ละกองพลมีความแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญ

อย่างไรก็ตาม กองทัพมังกรที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่นั้นน่ากลัวยิ่งกว่า

มังกรขนาดใหญ่ที่มีความยาวกว่า 200 เมตร บวกกับความแข็งแกร่งในจุดสูงสุดของระดับสวรรค์สามัญ ขณะนี้กำลังอาละวาดอย่างป่าเถื่อนอยู่ท่ามกลางกองทัพนับล้านของพวกเขา

สิ่งที่ลำบากที่สุดคือ แม้ในบางครั้งพวกเขาจะโจมตีสำเร็จจนสามารถตัดลำตัวบางส่วนของมันออกมาได้ แต่มันกลับกลายเป็นว่าส่วนที่ถูกตัดออกมันดันกลายร่างเป็นมังกรขนาดเล็กแทน ซึ่งความแข็งแกร่งของมันก็ยังคงอยู่ในระดับสวรรค์สามัญขั้นต้นอยู่ดี

จริง ๆ แล้วสิ่งที่ไม่มีใครในอาณาจักรหลงซานรู้ก็คือหลังจากก่อตั้งกองทัพมังกรมาหลายสิบปี กองทัพมังกรได้เพิ่มกำลังพลขึ้นเป็น 50,000 คนแล้ว และทุก ๆ พันคนสามารถสร้างค่ายกลรบมังกรยักษ์ที่มีพลังเท่ากับระดับสวรรค์สามัญขั้นต้นได้

พูดอีกนัยหนึ่ง กองทัพมังกรกว่า 50,000 คนเหล่านี้หากแยกกันรบ พวกเขาจะมีพลังเท่าผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญขั้นต้น 50 คน แต่ถ้าหากพวกเขารวมตัวกัน พวกเขาจะมีพลังเท่ากับระดับสวรรค์สามัญขั้นสูงสุด

หากเผชิญกับกองทัพศัตรูที่มีความแข็งแกร่งไม่มากเท่าไหร่ หลิงว่านจุนอาจจะแบ่งกองทัพของเขาออกเป็น 50 กอง เพื่อแบ่งหน้าที่กันฆ่าฟันศัตรูไปคนละทิศทาง แต่ตอนนี้เมื่อเขาค้นพบว่ามีผู้เชี่ยวชาญมากมายในระดับสวรรค์สามัญปะปนอยู่ในกองทัพศัตรูที่มีจำนวนนับล้าน เขาจึงไม่กล้าแยกกองทัพของเขาออกจากกัน แต่เขาก็ยังมีความกล้าที่จะบุกทะลวงเข้าไปยังใจกลางทัพของศัตรู

ซึ่งสาเหตุของความกล้าที่เขาบุกเข้าไปใจกลางทัพของศัตรูก็คือ เขามีสมบัติที่เขาพึ่งได้รับมาใหม่จากพ่อของเขา ‘ธงรบโลหิตจักรพรรดิ’

ในอีกด้านหนึ่งของอาณาจักรหลงซาน เหยียนฮ่าวหัว ซึ่งเป็นผู้นำทัพก็มองดูสถานการณ์ของการรบและรู้ว่าการต่อสู้จะไม่สิ้นสุดในเร็ว ๆ นี้

เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญกว่าร้อยคนที่อยู่แนวหลังของอาณาจักรจันทรา หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็พูดกับหลงเฉินที่อยู่ข้าง ๆ เขา “ผู้บัญชาการหลง ข้าคิดว่าเราน่าจะส่งผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญให้ออกไปร่วมรบด้วย ขืนสู้กันแบบนี้ต่อไปมันก็มีแต่จะยืดยาวไปโดยเปล่าประโยชน์!”

หลงเฉินพยักหน้าและสั่งให้ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญของเขา 100 คนบินพุ่งเข้าไปร่วมรบทันที

ทางด้านของผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญของฝั่งอาณาจักรจันทรา เมื่อเห็นว่าฝั่งตรงข้ามส่งผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญออกมา 100 คน พวกเขาก็พุ่งเข้าปะทะกับฝั่งตรงข้ามเหนือน่านฟ้าของสนามรบทันทีเช่นกัน ส่งผลให้พลังวิญญาณทั่วทั้งเกาะไท่อี้ผันผวนบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง

“ผู้บัญชาการหลง ข้าคิดว่าเราควรทุ่มกำลังของเราทั้งหมดเข้าโจมตีและเผด็จศึกพวกเขาให้เร็วที่สุดจะดีกว่าไหม?” เหยียนฮ่าวหัวแนะนำ “ท่านส่งผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญของเราเข้าไปจำนวนพอ ๆ กับพวกเขาแบบนี้แล้วเมื่อไหร่มันจะรู้แพ้รู้ชนะได้กัน? ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญไม่ใช่ตัวตนที่ฆ่าได้ง่าย ๆ สักเท่าไหร่ท่านก็น่าจะรู้”

ต้องรู้ว่าถึงแม้หลงเฉินจะส่งผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญเข้าไปแล้ว 100 คน แต่เขาเองยังมีผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญอีก 200 กว่าคนที่เหลืออยู่

หากพวกเขาสามารถจัดการกับผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญของอาณาจักรจันทราได้หมดเมื่อไหร่ บรรดาทหารที่เหลือก็เป็นดั่งลูกแกะในกำมือของพวกเขา

อย่างไรก็ตาม หลงเฉินไม่เห็นด้วย

รอยยิ้มลึกลับปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลงเฉิน เขาส่ายหัวและพูดว่า “ปล่อยให้พวกเขาสู้กันไป ส่วนที่เหลือมากับข้า เรามีภารกิจอื่นต้องไปจัดการ!”

“ภารกิจ?” เหยียนฮ่าวหัวถามด้วยความประหลาดใจ

“ท่านอย่าลืมสิว่าเรามาที่อาณาจักรจันทราเพื่อหาความลับของมัน ตัวอย่างเช่นสมบัติที่สามารถใช้เดินทางผ่านมิติ ร่างกายแก่นแท้ปฐพี หรือแม้แต่สมบัติแปลก ๆ ที่ลดระดับการบ่มเพาะของผู้อื่นได้… สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดมันอยู่ในเกาะเทียนหยวน!”

หลงเฉินพูดต่อพลางมองไปยังสนามรบ “จงให้พวกเขาสู้กันต่อไป ส่วนข้าจะพาผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญ 70 คน ไปยังเกาะเทียนหยวนเพื่อจับผู้คนที่กุมความลับเหล่านั้นมาก่อน ส่วนผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ที่เหลืออีก 150 คนของข้า ข้าจะทิ้งพวกเขาไว้กับเจ้าที่นี่เพื่อปิดล้อมสนามรบเอาไว้ไม่ให้พวกอาณาจักรจันทราที่อยู่ที่นี่กลับไปสนับสนุนที่เกาะเทียนหยวนได้”

จากนั้นตามคำสั่งของหลงเฉิน ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ 70 คนก็บินอ้อมสนามรบมุ่งหน้าไปที่เกาะเทียนหยวนโดยทิ้งผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญของเขาอีกกว่า 150 คนไว้เพื่อช่วยเหยียนฮ่าวหัวปิดล้อมสนามรบ