ตอนที่ 693 ไม่อาจถอนตัว (3) โดย Ink Stone_Romance

นึกถึงนี่เธอยิ้มฝืดเฝื่อนส่ายศีรษะ ทำไมถึงนึกถึงเขาอีกแล้วล่ะ?

ไม่ควรเลยจริงๆ

เปลี่ยนชุดในห้องนั่งเล่นสักครู่ก็ได้รับสายจากอวิ๋นช่วนเธอถึงล็อกประตูลงไป

อวิ๋นช่วนเห็นเธอก็ลงจากรถมาเปิดประตูฝั่งข้างคนขับให้เธออย่างสุภาพบุรุษแต่ไกล

 “ขอบคุณ” เธอนั่งในรถ

อวิ๋นช่วนเอียงตัวมาหมายจะคาดเข็มขัดให้เธอ

 “ฉันทำเองเถอะ” เธอรับมือแทน มองเห็นใบหน้าอวิ๋นช่วนที่ใกล้กับตนขนาดนี้ในหัวกลับเป็นภาพที่วันนั้นเธอกับเย่เซียว ที่เธอจงใจกัดปากเขาเป็นการแก้แค้นในโรงจอดรถส่วนตัวของถังซ่ง…

บอกว่ากัดแต่ท้ายมา…ความจริงกลายเป็นกอดจูบที่หักห้ามใจไม่ได้…

คิดแล้วก็เหม่อลอย กระทั่งรถเคลื่อนตัวออกไปแล้วก็ไม่รู้ตัว

“ซู่ซู่?”

รออวิ๋นช่วนเรียกเธอเป็นครั้งที่สาม เธอถึงหลุดจากภวังค์

 “หืม?”

 “คิดอะไรอยู่?” อวิ๋นช่วนขับรถไปพลางมองเธออย่างฉงนไปด้วยแววตาฉายแววเป็นห่วงเล็กน้อย “มีเรื่องในใจเหรอ?”

 “เปล่า ไม่มี” เธอส่ายศีรษะและเก็บปมในใจทุกอย่างเอาไว้ด้วยตัวเองอย่างเคยชิน ยิ้มจางๆ “ฉันกำลังคิดว่า เดี๋ยวจอดที่ห้างจิ่นเฉิงสักหน่อย ฉันอยากซื้อของให้คุณลุงคุณป้าหน่อย ครั้งก่อน…ต้องขอโทษด้วย”

 “ครั้งก่อนจู่ๆ คุณก็หายตัวไป ทำเอาเราตกใจกันหมดเลย”

“ฉันไม่ได้หายตัวไป แค่ว่า…” ไป๋ซู่เย่ไม่ได้พูดต่อ เรื่องคืนนั้นบัดนี้มาพูดถึงอีกล้วนมีแต่แผล…

ทุกหยาดอารมณ์ที่ผู้ชายคนนั้นมอบให้เธอ จดจำได้ขึ้นใจมากเท่าไร ความสิ้นหวังที่มีในใจก็มากเท่านั้น…

เธอไม่อยากย้อนคิดถึงมันอีก…

……………………

อวิ๋นช่วนดูออกว่าเธอมีเรื่องให้หนักใจแต่เธอไม่อยากพูดเขาก็หาจุดให้ถามไถ่ไม่ได้ ระหว่างพวกเขาดูเหมือนกำลังพัฒนาช้าๆ แต่เขากลับรู้ดีว่าความจริงแล้วพวกเขาแค่ย่ำอยู่ที่เดิม ไม่เคยก้าวไปข้างหน้าสักก้าวเดียว

ในใจเธอมีกำแพงบานหนึ่งกั้นไว้ไม่เคยเปิดออก ตัวเธอก้าวออกมาไม่ได้ คนอื่นก็ก้าวเข้าไปไม่ได้

อวิ๋นช่วนมักคิดว่า ไม่รู้ว่าผู้ชายที่สามารถทำลายกำแพงของเธอได้อย่างแท้จริงจะเป็นใครกัน หรือบางทีจะเป็นตัวเองหรือไม่

เขา ไม่มั่นใจเลยสักนิดเดียว

มาถึงหน้าห้างจิ่นเฉิง อวิ๋นช่วนจอดรถ ไป๋ซู่เย่กล่าว “นี่ก็สายแล้ว เราไม่เดินเที่ยวแล้ว ข้างในมีร้านที่คุณหญิงมาบ่อยๆ เข้าไปดูเสื้อผ้าถ้ามีตัวไหนที่รู้สึกเหมาะ เราก็ซื้อมันไว้ ดีไหม?”

 “คุณไม่ต้องเตรียมอะไรเลย แค่ตัวมาแม่ผมก็ดีใจมากแล้ว”

 “ก็ถือว่าไถ่โทษแล้วกัน” ไป๋ซู่เย่กล่าวอย่างรู้สึกผิดไปก็เดินขนาบข้างเข้าไปในห้างพร้อมกับเขา

ร้านนี้เป็นร้านที่คุณหญิงไป๋ชื่นชอบการออกแบบของมันมาก ทันสมัยแต่ไม่มีลวดลายมาก เหมาะกับวัยของพวกท่านพอดี

ไป๋ซู่เย่กวาดมองรอบหนึ่งเลือกของได้หลายอย่าง ถามความเห็นของอวิ๋นช่วนไป อวิ๋นช่วนรู้สึกว่าแววตาเธอดีมาก เธอเลือกอะไรก็พยักหน้าซึ่งกลับทำให้เธอเริ่มตัดสินใจลำบาก ในเมื่อเธอไม่รู้รสนิยมความชอบของคุณพ่อคุณแม่อวิ๋น กลัวจะเลือกโดนตัวที่พวกท่านไม่ชอบ

ขณะกำลังเลือกของอยู่ได้ยินเพียงเสียงฝีเท้ากลุ่มหนึ่งดังขึ้นกะทันหัน จากนั้นก็เป็นเสียงนอบน้อมและพร้อมเพรียงของพนักงานในร้านทุกคน “สวัสดีค่ะเจ้านาย”

ไป๋ซู่เย่มองไปตามเสียงถึงพบว่าเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้ามาตรวจดู

แต่ว่า…

เมื่อมองร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มข้างเจ้าของให้ชัดนั้นเจ้าตัวก็ยืนนิ่งค้าง มือที่ถือเสื้ออยู่เกร็งแน่น เธอไม่เคยคาดมาก่อนว่าจะเจอเขาในที่แบบนี้ได้…

 “เอ๋ นี่คุณอวิ๋นไม่ใช่เหรอ?”

เจ้าของห้างสรรพสินค้าเจออวิ๋นช่วนเข้า

 “ประธานเซียว ไม่เจอกันนาน” อวิ๋นช่วนเข้าไปจับมือกับอีกฝ่าย จากนั้นเขาก็เห็นเย่เซียวด้วยเช่นกัน “คุณเย่เซียว!”

เย่เซียวสีหน้าราบเรียบ ไม่แม้แต่ปรายตามองไป๋ซู่เย่ที่อยู่ไม่ห่างสักแวบเดียว ยื่นมือจับมือกับอวิ๋นช่วนเรียบๆ “บังเอิญนะครับ”

“คุณอวิ๋นมาซื้อของหรือครับ?” ประธานเซียวถาม

 “…ครับ” อวิ๋นช่วนหันกลับไปมองไป๋ซู่เย่แวบหนึ่งด้วยแววตาที่อ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย “มาซื้อของขวัญให้พ่อแม่ผมเป็นเพื่อนเธอน่ะครับ”

สีหน้าเย่เซียวเย็นยะเยือกกว่าเดิมอีกเท่าตัว

 “คุณไป๋” ประธานเซียวถลาเข้าไปจับมือไป๋ซู่เย่อย่างนอบน้อม จากนั้นก็หันกลับมาบอกเย่เซียว “คุณเย่เซียว ท่านนี้คือคุณไป๋ ครั้งก่อนไม่ทราบว่าในงานฉลองวันเกิดของคุณท่านอวิ๋นครั้งก่อนคุณเคยเจอมาก่อนไหม แฟนสาวของคุณอวิ๋น”

เย่เซียวถึงมองมาทางไป๋ซู่เย่จริงๆ แววตาเย็นชาตอบกลับจางๆ “ได้ยินชื่อเสียงเลื่องลือมานาน”

ไป๋ซู่เย่กระตุกปากไม่แม้แต่จะกล่าวคำว่า ‘ไม่หรอก’ ได้ด้วยซ้ำ ยื่นมือให้เย่เซียวจับ ฝ่ามือของเขาเย็นมาก เย็นถึงขั้วหัวใจเธอ ชวนให้หนาวเหน็บ…

ไม่หยุดชะงักนานไปกว่านั้นราวกับเป็นเพียงการทักทายระหว่างคนแปลกหน้า หรือทำราวกับมือของเธอเปื้อนเชื้อโรค ทั้งคู่จับมือกันไม่ถึงสองวินาทีเขาก็ผละออกอย่างเย็นชา

 “ทั้งคู่มาเลือกซื้อของขวัญให้ผู้ใหญ่ หมายถึงว่าใกล้มีข่าวดีหรือเปล่า? ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ ต้องบอกผมนะครับ!” ประธานเซียวหัวเราะร่า ไม่ทันสังเกตถึงความผิดปกติระหว่างเธอกับเย่เซียว คิดว่าเพียงเป็นความอึดอัดตามประสายามแรกพบเท่านั้น

อวิ๋นช่วนอมยิ้มไม่อธิบาย แค่หันกลับไปมองไป๋ซู่เย่ข้างๆ

จู่ๆ ไป๋ซู่เย่ก็โอบแขนเขาไว้อมยิ้มน้อยๆ “ประธานเซียวเกรงใจกันเกินไปแล้ว ถ้ามีข่าวดีฉันกับอวิ๋นช่วนจะส่งบัตรเชิญให้คุณด้วยตัวเองแน่ๆ”

สิ้นเสียงอวิ๋นช่วนชะงักค้าง

เย่เซียวเงยหน้ามองเธอตรงๆ

ประธานเซียวหัวเราะออกมา “ถ้าเป็นเช่นนี้จริงๆ ผมก็คงดีใจมาก สองท่านหล่อเหลาสวยงาม เหมาะสมกันที่สุด”

 “อันนี้คือของขวัญที่คุณเลือกเหรอ?” ขณะนั้นเองเย่เซียวเอ่ยปาก เทียบกับเสียงหัวเราะร่าเริงของประธานเซียวแล้วเสียงของเขาค่อนไปทางราบเรียบ พอเอ่ยปากทั้งอากาศเหมือนถูกแช่แข็ง

หัวใจของไป๋ซู่เย่เหมือนถูกก้อนหินใหญ่กดทับ แต่กลับหยักหน้า “ใช่”

เย่เซียวยื่นแขนยาวรับเสื้อผ้าหลายตัวไปภายใต้สายตางงงวยของทุกคนก็โยนให้พนักงานข้างๆ “คิดเงินแล้วใส่ถุงทั้งหมดนี้”

 “เย่เซียว?” ไป๋ซู่เย่เดินตามไป จากนั้นกดเสียงถาม “คุณทำอะไร?”

ข้างนอกประธานเซียวกับอวิ๋นช่วนสองคนมองหน้ากันอย่างคิดไม่ตกเช่นกัน

เย่เซียวดึงแบล็คการ์ดที่วงเงินไม่จำกัดให้รูดทันที พนักงานยิ้มส่งเสื้อผ้าให้เย่เซียวก็รับมา ภายใต้สถานการณ์ที่ไป๋ซู่เย่ไม่เข้าใจ เขายื่นมันมาให้เธอด้วยใบหน้าราบเรียบ “ถือว่าผมให้เป็นของขวัญแต่งงานแก่ทั้งสองท่าน”

หัวใจของเธอเจ็บแปลบ

แต่กลับยื่นมือช้าๆ…ช้า…รับถุงนั้นมา

 “ขอบคุณ” คำสั้นๆ แต่เธอกลับพูดมันออกมาได้อย่างยากลำบาก

 “ไม่หรอก แค่เรื่องเล็กน้อย” เย่เซียวไม่มองเธอมากกว่านั้นแต่หันกลับไปก้าวขายาวเดินนำไปล่วงหน้า จู่ๆ ก็หยุดคล้ายนึกบางอย่างได้ “นั่นสิ ลืมอวยพรให้ทั้งสองท่านว่าขอให้รักกันไปนานๆ!”

…………………………