ตอนที่ 241-2 คืนนี้ คืนนี้ทำไมหรือ

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

นึกถึงตรงนี้แม่นมซือก็โน้มน้าวต่อ “ซื่อจื่อฮูหยินอายุยังน้อย พระชายาท่านสั่งสอนอีกสักสองปีก็ได้แล้ว ไม่เห็นแก่หน้าภิกษุก็ควรเห็นแก่หน้าพระพุทธรูปมิใช่หรือ หมายความว่าเห็นแก่หน้าท่านซื่อจื่อท่านก็ต้องให้เกียรตินางหลายส่วนด้วยมิใช่หรือ อย่างไรเสียเม่าเอ๋อร์ก็เป็นบุตรสาวคนโตของท่านซื่อจื่อ หากท่านไม่แสดงท่าที ท่านซื่อจื่อจะไม่เสียใจหรือ”

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องกลอกตา “พอแล้วๆ คนแก่เช่นเจ้าใจอ่อน หากนางมีหลานชายภรรยาเอกให้ข้าได้ ข้าจะไม่ยกยอนางไปเสียทุกเรื่องหรอกหรือ ต้องโทษที่นางเองไม่มีความสามารถ”

 

 

แม้ปากพระชายาจิ้นอ๋องจะพร่ำบ่น แต่อย่างไรเสียก็ยังคงส่งคนไปดูเม่าเอ๋อร์ ซ้ำยังส่งของบำรุงจำนวนหนึ่งและของเล่นที่งามประณีตหลายชิ้นไปให้อีกด้วย

 

 

ตอนที่ของส่งมาถึงอู๋ซื่อกำลังพูดคุยอยู่กับแม่นมอู๋ แม่นมอู๋คือแม่นมที่อู๋ซื่อพามาจากบ้านฝั่งมารดา เดิมทีรับใช้อยู่ข้างกายมารดาของอู๋ซื่อ อู๋ซื่อแต่งเข้าจวนจิ้นอ๋อง มารดาตระกูลอู๋ไม่วางใจ จึงส่งแม่นมที่เชื่อถือได้ที่สุดข้างกายตนมาช่วยเหลือลูกสาว สองวันมานี้หลานสาวคนเล็กของแม่นมอู๋ไม่ค่อยดี แม่นมอู๋จึงลากลับบ้านไปดูหลานสาว ใครจะรู้เมื่อนางไปในเรือนก็เกิดเรื่อง

 

 

อู๋ซื่อเล่าเรื่องหนึ่งรอบ แม่นมอู๋โมโหอย่างยิ่ง “กลั่นแกล้งกันเกินไปแล้ว! ฮูหยินวางแผนอย่างไร”

 

 

ดวงตาอู๋ซื่อกะพริบวาบ ผ้าเช็ดหน้าในมือกำแน่น กล่าว “แม่นม ข้าไม่ยอม เม่าเอ๋อร์ซินเอ๋อร์ของข้ามีคนรักและเอ็นดูมากนัก เหตุใดถึงไม่เข้าตานางเล่า ท่านซื่อจื่อยังไม่ได้พูดอะไรนางกลับเมินเฉยแล้ว เนื้อก้อนนั้นในท้องหูซื่อยังไม่รู้เลยว่าเป็นตัวอะไร เหตุใดถึงสำคัญกว่าเม่าเอ๋อร์ของข้าแล้วเล่า แม่นมเจ้าไม่เห็น วันนี้เม่าเอ๋อร์ตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่ง เกือบจะ เกือบจะหมดลมหายใจแล้ว หากไม่ใช่ไปเชิญหมอหลิวมาจากเรือนพี่สะใภ้ใหญ่ เม่าเอ๋อร์ของข้าคงจะรักษาไม่ทันการณ์”

 

 

ขณะที่พูด น้ำตาของอู๋ซื่อก็ร่วงลงมา ลูกเป็นแก้วตาดวงใจของนาง หากเม่าเอ๋อร์เป็นอะไรไป ไม่ใช่เป็นการพรากหัวใจของนางไปหรือ “ในเมื่อนางกำเริบเสิบสานเพียงนี้ เช่นนั้นก็อย่าคลอดเลยเสียดีกว่า” แววตาอู๋ซื่อคล้าเคลือบยาพิษไว้

 

 

แม่นมอู๋เข้าใจเจตนาของอู๋ซื่อทันที กำลังจะพูดอะไร ข้างนอกหวาเยียนที่พระชายาจิ้นอ๋องส่งมาเยี่ยมเม่าเอ๋อร์ก็มาถึงแล้ว ทั้งสองมองกันปราดหนึ่ง อู๋ซื่อส่งเสียงให้คนเข้ามา

 

 

หวาเยียนพูดทำนองว่าพระชายาเป็นห่วงคุณหนูใหญ่มากต่างๆ นานาหลายประโยค วางของลงจากนั้นก็ขอตัวออกไป

 

 

อู๋ซื่อมองของที่แม่สามีสั่งคนส่งเข้ามาก็ยิ่งโมโห อยากจะโยนของเหล่านี้ออกไปให้หมด “แม่นม เจ้าเห็นแล้วหรือยัง ใช้ของแค่นี้มาไล่ข้า ข้าจะเป็นซื่อจื่อฮูหยินไปทำไมอีก” นางโกรธจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรวดเร็ว

 

 

แม่นมอู๋กลัวว่านางจะโกรธจนเป็นอะไรไป รีบทำให้นางใจเย็นลง “ฮูหยินรีบสงบอารมณ์ ไม่ควรค่าให้ความโกรธทำลายสุขภาพตน” หยุดครู่หนึ่งจึงกล่าว “เจตนาของฮูหยินบ่าวเข้าใจเจ้าค่ะ เพียงแต่ฮูหยินฟังบ่าวพูดสักประโยค รอก่อน!”

 

 

“รองั้นหรือ” สีหน้าอู๋ซื่อคล้ายครุ่นคิด “แม่นมหมายความว่า?”

 

 

แม่นมอู๋พยักหน้า กล่าวเสียงเบา “บ่าวว่าฮูหยินสามตั้งครรภ์นี้ไม่ค่อยปกตินัก แม้จะบอกว่าฮูหยินเองก็ทรมานในช่วงสามเดือนแรก แต่ก็ไม่ได้ทรมานเหมือนนางเช่นนี้ แพ้ท้องอยู่บ่อยครั้ง นี่ผิดปกติ! บ่าวคิดว่าครรภ์นี้น่าจะไม่รอด ฮูหยินท่านรอดูเถิด ใยจะต้องให้มือตัวเองสกปรกด้วยเล่า”

 

 

“จะไม่รอดจริงๆ หรือ” อู๋ซื่อถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง

 

 

แม่นมอู๋พยักหน้าอย่างหนักแน่น “บ่าวเองก็ใช้ชีวิตมาเกินครึ่งแล้ว สตรีมีครรภ์แบบใดบ้างที่ไม่เคยเห็น ฮูหยินสามเป็นเช่นนี้แน่นอนว่าผิดปกติ”

 

 

“เช่นนั้นก็ดี” อู๋ซื่อถอนหายใจยาวออกมาหนึ่งครา “ข้าจะได้วางใจเสียที ปล่อยให้นางกำเริบเสิบสานไปเถิด ข้าจะคอยดูว่านางจะมีจุดจบที่ดีอะไรได้” เบื้องลึกในจิตใจอู๋ซื่อสบายอารมณ์ขึ้นมาก

 

 

ดวงตาแม่นมอู๋กะพริบวาบ กล่าวต่อ “ฮูหยิน เรื่องสำคัญที่ต้องรีบจัดการยังคงเป็นการมีบุตรภรรยาเอกโดยเร็วเท่านั้น อีกชั่วพริบตาแม้แต่คุณชายสี่ก็จะแต่งงานแล้ว”

 

 

อู๋ซื่อใบหน้าขื่นขม กล่าวบ่น “แม่นม ข้าไม่อยากมีบุตรภรรยาเอกให้ท่านซื่อจื่อหรือไร ยาน้ำรสขมนั้นดื่มไปกี่ขวดแล้วก็ไม่รู้ แต่ท้องข้าก็ยังไม่เอาไหน”

 

 

แม่นมอู๋ไหนเลยจะไม่เข้าใจ ความไม่เป็นธรรมทั้งหมดที่ซื่อจื่อฮูหยินได้รับนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา นางคิดแล้วคิดอีกจึงกล่าว “บ่าวไปให้คนไต่ถามมาแล้ว บอกว่าสามสิบลี้ทางตอนเหนือนอกเมืองมีสำนักชีอยู่หนึ่งแห่ง สองปีก่อนมีแม่ชีเฒ่าผู้หนึ่งมา ค่อนข้างมีฝีมือ โดยเฉพาะในด้านการมีบุตรของสตรีได้ผลอย่างถึงที่สุด รอให้ผ่านไปอีกสักพักแล้วบ่าวจะไปขอแทนฮูหยิน”

 

 

“จะได้หรือ” อู๋ซื่อดีใจก่อน หลังจากนั้นจึงเผยสีหน้าลังเล สองปีมานี้นางไม่เพียงแต่ใช้ตำรายาสมุนไพรไม่น้อย เรื่องไหว้พระขอพรก็ทำมาไม่น้อยแต่ความปรารถนาก็ยังไม่เป็นจริงมิใช่หรือ

 

 

“ฮูหยินวางใจ คราวนี้ไม่พลาดแน่นอน เรื่องนี้บ่าวไปไต่ถามมาจากพี่น้องที่คบหากันมานานหลายปีผู้หนึ่ง นางยังพาบ่าวไปดูสตรีที่ตั้งครรภ์ผู้นั้นกับตา เป็นเรื่องจริงเจ้าค่ะ” แม่นมอู๋กล่าวสาบานอย่างจริงใจ จึงทำให้เบื้องลึกในใจอู๋ซื่อเกิดความหวังขึ้นมา “เช่นนั้นก็ลำบากแม่นมแล้ว หากข้าตั้งครรภ์สำเร็จ แม่นมจะเป็นผู้สร้างคุณูปการอันดับหนึ่ง”

 

 

แม่นมอู๋โบกมือ “ผู้สร้างคุณูปการอะไรกัน ฮูหยินท่านเป็นคนที่บ่าวเห็นมาตั้งแต่เล็กจนโต บ่าวอยากเห็นท่านได้ดี” หยุดครู่หนึ่งจึงกล่าวต่อ “ข้างกายท่านซื่อจื่อท่านเองก็ควรเพิ่มอีกสักคนหนึ่ง บ่าวคิดว่าซือหนงไม่เลว นางเป็นสาวใช้ที่ตามออกเรือน สัญญาขายตัวเป็นทาสทั้งตระกูลอยู่ในมือท่าน ไม่อาจสร้างอุบายอะไรได้ พวกเราลงมือสองฝ่าย หากท่านมีบุตรได้สำเร็จก็ไม่เป็นไร หากไม่ได้ ไม่ใช่ยังมีซือหนงอยู่หรือ ถึงตอนนั้นท่านก็อุ้มเด็กมาเลี้ยงตรงหน้า ต่างอะไรจากบุตรภรรยาเอกเล่า” แม่นมอู๋ถือโอกาสโน้มน้าว

 

 

คราวนี้อู๋ซื่อไม่โต้แย้งเหมืนเมื่อก่อนแล้ว วันนี้ถูกกระตุ้นจริงๆ ทำให้นางเข้าใจ หากไม่มีลูกชาย ตำแหน่งซื่อจื่อฮูหยินของนางก็ไม่มั่นคง แม้แต่บุตรสาวสองคนของนางก็จะได้รับความไม่เป็นธรรมไปด้วย

 

 

“ได้ เช่นนั้นก็จัดการตามที่แม่นมว่าเถิด” อู๋ซื่อกัดฟันพยักหน้า

 

 

ตกดึก อู๋ซื่อก็บีบน้ำตาต่อหน้าสามีสวีเยี่ยอีกครั้ง “ท่านซื่อจื่อ ไม่ใช่ว่าข้าความอดทนต่ำ อันที่จริงแล้ว…” นางสะอื้นพูดไม่ออก เช็ดหางตาแล้วกล่าวต่อ “ท่านไม่เห็นสภาพเม่าเอ๋อร์ของเรา ข้าตกใจจนแทบหมดสติ หากไม่ใช่หมอหลิวที่มีฝีมือสูงในเรือนพี่สะใภ้ใหญ่ ท่านก็อาจจะไม่ได้เห็นเม่าเอ๋อร์แล้ว” พูดไปพลางก็สะอื้นไห้ขึ้นมา

 

 

มือข้างกายสวีเยี่ยกำแน่น ท้ายที่สุดก็ตบหลังของอู๋ซื่อกล่าวปลอบ “เจ้าลำบากแล้ว” จากนั้นจึงเสริมอีกหนึ่งประโยค กลับไปต้องขอบคุณพี่ใหญ่พี่สะใภ้ใหญ่ให้ดี”

 

 

นี่ทำให้ในใจอู๋ซื่อไม่พอใจอย่างถึงที่สุด แต่กลับทำได้เพียงซบหน้าลงบนบ่าของสามี ร้องไห้เงียบๆ

 

 

ในที่ที่อู๋ซื่อมองไม่เห็น สวีเยี่ยเม้มปากแน่น แววตาเต็มไปด้วยพยับเมฆ เม่าเอ๋อร์เป็นบุตรสาวคนโตของเขา ซ้ำยังมีผิวขาวผ่องหน้าตาน่ารัก เขาที่เป็นพ่อคนครั้งแรกย่อมรักอย่างถึงที่สุด

 

 

แต่เสด็จแม่ของเขากลับไม่ชอบลูกสาวสองคนของเขานัก เขาเองก็รู้ดี แต่เป็นลูกชาย เขาพูดไม่ได้ จึงคิดว่า เสด็จแม่ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร อย่างไรเสียก็มีเขาผู้เป็นพ่อที่รัก แต่เขาไม่คิดว่าเสด็จแม่จะมองข้ามเม่าเอ๋อร์ขนาดนี้ บุตรสาวเป็นๆ ของเขาเทียบไม่ได้แม้แต่เลือดเนื้อที่ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น นี่จะไม่ให้เขาโมโหเดือดดาลได้อย่างไร

 

 

ลูกชาย เขาจะต้องมีลูกชายให้ได้! สวีเยี่ยกำหมัดแน่น แววตาแน่นิ่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

 

 

ค่ำคืนนี้ สวีเยี่ยกลิ้งตลบกับอู๋ซื่ออยู่ครึ่งคืน ก็เพื่อให้มีบุตรภรรยาเอก

 

 

ตอนที่เสิ่นเวยกลับไปถึงจวนสวีโย่วก็กลับมาแล้ว นางโผเข้าไปราวกับนกน้อยบินถลาใส่ต้นไม้ ยิ้มแย้มหอมลงบนแก้มเขาสองข้าง “นี่คือรางวัลของท่าน”

 

 

คนงามมอบจูบ สวีโย่วย่อมรับไว้อย่างเต็มใจ แต่ว่าเขาก็ยังคงเลิกคิ้ว “เวยเวยรู้ได้อย่างไรว่าทำสำเร็จ”

 

 

เสิ่นเวยวางท่าทางว่าข้าคาดเดาได้ออกมา ตบก้นสวีโย่ว “นี่ มีท่านจวิ้นอ๋องของพวกเราออกโรง ก็ไม่มีเรื่องที่ทำไม่สำเร็จ เป็นอย่างไร ข้าพูดถูกหรือไม่”

 

 

สวีโย่วมองท่าทางภูมิใจของเสิ่นเวย ในใจก็รู้สึกจักจี้ขึ้นมาในชั่วขณะ ดึงนางมาไว้บนขาแล้วกอดทันที “ใช่ ถูกต้องแล้ว ไม่เพียงแต่สำเร็จ ยังขอคนเพิ่มมาไม่น้อยอีกด้วย”

 

 

“จริงหรือ” เสิ่นเวยประหลาดใจ

 

 

สวีโย่วพยักหน้ากล่าว “จริงแน่นอน อีกทั้งยังเลือกมือดีออกมาจากกองทหารรักษาพระองค์อีกด้วย”

 

 

“ดีจริงๆ!” เสิ่นเวยร้องดีใจ กำลังจะกระโดดขึ้นมา แต่กลับถูกสวีโย่วรัดไว้แนบแน่น ริมฝีปากที่อุ่นร้อนประชิดเข้ามา “เวยเวยคิดว่าจะให้รางวัลข้าอย่างไรดี”

 

 

เสิ่นเวยกะพริบตาดวงโตที่ใสซื่อ “ท่านอยากได้อะไรล่ะ”

 

 

ท่าทางบริสุทธิ์น่ารักนั้นยั่วยวนยิ่งนัก สวีโย่วรู้สึกว่าบางส่วนของร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว “ข้าอยากได้อะไรเวยเวยยังไม่รู้อีกหรือ คืนนี้…” เขาจับมือของเสิ่นเวยลูบไปบนร่างตน

 

 

เสิ่นเวยยิ้มด่าในใจว่าช่างเป็นผีทะเลจริงๆ ทว่าดวงตากลับยังกะพริบปริบๆ “คืนนี้? คืนนี้ทำไมหรือ”

 

 

ท่าทางซุกซนเช่นนั้นทำให้สวีโย่วอยากจะกดนางไว้ข้างล่างทันที เขาคิดเช่นนี้ แล้วก็ทำเช่นนี้เหมือนกัน ในที่สุดเสิ่นเวยรับผิดชอบไฟที่นางจุดขึ้นมา