เซียวอวี๋ยังคงกินอาหารอย่างสบายใจ ขณะที่เบรุตรีบกลับไปรายงานต่อเบื้องบน สถานการณ์ของหอการค้าฝูลู่ตอนนี้ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร?
ผู้จัดการเซี่ยชานนั้นเป็นมือขวาของสกาเล็ต หากแต่ตอนนี้เขาถูกขังไว้ตามคำสั่งขององค์ชายมิรันด้า เซียวอวี๋มาที่นี่เพื่อเจรจาข้อตกลง นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับผลประโยชนืขององค์ชายมิรันด้า มีหรือที่เบรุตจะกล้าชักช้า? ตอนนี้เซี่ยชานถูกคุมขังอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างจึงถูกจัดการโดยมิรันด้า หากเขานำเรื่องนี้กลับไปรายงานต่อองค์ชายมิรันด้าได้ นั่นไม่เพียงแต่จะนำผลประโยชน์ก้อนโตมาให้มิรันด้าเท่านั้น แต่มันยังสามารถคลี่คลายสถานการณ์ตอนนี้ได้ด้วย ด้วยเหตุนี้ เบรุตปรารถนาใคร่ติดปีกโบยบินกลับไปรายงาน เซียวอวี๋ยังกินอาหารต่อ จากนั้นจึงตามตัวเถ้าแก่และสั่งให้จัดนางระบำมา เพียงลงมือกินอาหาร มันออกจะไร้รสชาติไปแล้ว ก่อนจากไป เบรุตยังได้กำชับให้เถ้าแก่คอยลากถ่วงเซียวอวี๋ไว้ แน่นอนว่าเถ้าแก่ย่อมต้องรับคำ เขาออกจะยินดีที่จะต้อนรับคนใหญ่คนโตเช่นนี้ด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาจึงเรียกลุกสาวของตนเองมา ปฏิเสธไม่ได้ว่าลูกสาวของเถ้าแก่นั้นมีหน้าตาหมดจด อายุราวสิบเจ็ดสิบแปด เห็นสายตาที่ใช้กวาดมองเซียวอวี๋แล้ว นางก็เขินอายจนหน้าร้อนผ่าว เซียวอวี๋ที่ชมดูก็รู้สึกคันยิบที่หัวใจ เซียวอวี๋ได้ดื่มด่ำไปกับเสียงเพลงและอาหารอย่างเพลิดเพลิน หลังจากนั้นราวหนึ่งชั่วโมง เสียงเอะอะก็ดังมาจากทางถนน มีขบวนรถม้าจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่ แต่ละคันล้วนแต่ดูสวยงาม โดยเฉพาะรถม้าที่นำขบวนซึ่งถูกตกแต่งอย่างเลิศหรู เซียวอวี๋ไม่แม้แต่ชายตามอง เขายังคงจดจ่อกับเสียงเพลงและเครื่องดื่ม ไม่นานก็ปรากฏทหารขบวนหนึ่งวิ่งขึ้นมาตั้งแถวอย่างเคร่งขรึม จากนั้นชายหนุ่มที่สวมชุดจีนก็เดินขึ้นบันไดมา เห็นเซียวอวี๋ยังคงจดจ่ออยู่กับนางระบำโดยไม่สนใจทางด้านนี้ ชายหนุ่มที่เดินขึ้นมาก็เพียงเผยรอยยิ้ม เขาค่อยๆเดินมาที่โต๊ะของเซียวอวี๋ก่อนจะนั่งลง “คุณชายเซียวช่างสง่างามจริงๆ” เซียวอวี๋หันมามองชายหนุ่มก่อนจะเอ่ยถาม “ท่านคือ?” ชายหนุ่มยิ้มก่อนจะเอ่ยตอบ “ข้าคือมิรันด้า บุตรชายคนที่แปดของจักรพรรดิแห่งแลนซ์” “อ้อ? ท่านคือองค์ชายมิรันด้านี่เอง” ได้ยินคำตอบของมิรันด้า เซียวอวี๋ก็แสร้งประหลาดใจ ซึ่งอันที่จริงเขาทราบอยู่ก่อนแล้ว เซี่ยซานนั้นถูกจับอยู่ ดังนั้นคนที่ควบคุมหอการค้าฝูลู่ในตอนนี้ก็คือ มิรันด้า แล้วมิรันด้ายังจะปล่อยลูกค้ารายใหญ่เช่นนี้ให้หลุดมือหรือ? มิรันด้าไม่ใช่คนเขลา เขาเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานและเจ้าแผนการ คนเช่นนี้ย่อมไม่ยอมปล่อยโอกาสที่จะเพิ่มพูนอำนาจตนเองให้หลุดมือไป สาเหตุที่เขาต้องฮุบกลืนหอการค้าฝูลู่ก็เพื่อเพิ่มอำนาจให้กับตนเอง และหอการค้าฝูลู่จะกลายเป็นรากฐานสำคัญต่อจักรวรรดิของเขาในอนาคต ตอนนี้ เซียวอวี๋ซึ่งเป็นทายาทตระกูลใหญ่จากอาณาจักรพยัคฆ์เมฆามาเจรจาการค้าด้วย เขาจะไม่สนใจได้หรือ? “ได้ยินว่าคุณชายเซียวมาจากพยัคฆ์เมฆาหรือ?” มิรันด้าถามด้วยรอยยิ้ม เซียวอวี๋พยักหน้า “ถูกแล้ว ข้ามาเพื่อติดต่อกับเซี่ยชานแห่งหอการค้าฝูลู่ พวกเรามีข้อตกลงต่อกัน” มิรันด้ารินไวน์ให้ตนเองก่อนจะยกขึ้นจิบ “คุณชายเซียวอาจยังไม่ทราบ ตอนนี้ผู้ที่ดูแลหอการค้าฝูลู่อยู่นั้นไม่ใช่เซี่ยชาน” “โฮ่? มีเรื่องเช่นนี้ด้วย?” เซียวอวี๋แสร้งประหลาดใจก่อนจะเอ่ยถาม “น่าเสียดายๆ เดิมทีเซี่ยชานต้องการให้ข้าช่วยเรื่องการตั้งสาขาในอาณาจักรพยัคฆ์เมฆา ดูเหมือนตอนนี้คงเป็นไปไม่ได้แล้ว” “อ้อ เป็นว่าพวกท่านมีการตกลงเช่นนี้ ตอนนี้หอการค้าฝูลู่อยู่ในการดูแลของข้า คุณชายเซียว ข้านั้นสนใจที่จะทำธุรกิจกับท่าน พวกเราสามารถพูดคุยกันได้หรือไม่?” ที่เซียวอวี๋กล่าวว่าหอการค้าฝูลู่ต้องการจะตั้งสาขาที่อาณาจักรพยัคฆ์เมฆานั้น แน่นอนว่าเป็นการแสร้งเปิดเผยว่าสกาเล็ตนั้นมีความคิดที่จะหลบหนีไปยังอาณาจักรพยัคฆ์เมฆา ซึ่งนี่จะทำให้คำพูดของเขาไม่มีพิรุธ ขณะที่มิรันด้านั้นกระตือรื้นที่จะทำธุรกิจกับเซียวอวี๋จริงๆ โดยเฉพาะหลังได้ยินเรื่องเพิ่มผลกำไรเป็นเท่าตัว เซียวอวี๋ขมวดคิ้ว ก่อนจะเอ่ยว่า “ที่นี่มีคนมาก ไม่เหมาะจะคุยเรื่องนี้” ได้ยินคำพูดของเซียวอวี๋ มิรันด้าโบกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนออกไป เบรุตกับพวกทหารจึงออกไปทันที แน่นอน นอกจากมิรันด้าแล้ว ที่ด้านหลังของเขาก็ยังมีคนสองคนยืนอยู่กับที่ ในสองคนนั้น หนึ่งเป็นบุรุษร่างสูงที่มีบรรยากาศอึมครึม อีกคนเป็นบุรุษหน้าลิงร่างผอมท่าทางชั่วร้าย เห็นได้ชัดว่าชายสองคนนี้เป็นยอดฝีมือชั้นสูง ทั้งสองเพียงพอรับรองความปลอดภัยให้กับมิรันด้า หากไม่มียอดฝีมือทั้งสองอยู่ด้วย จะทำอย่างไรหากจู่ๆก็มีมือสังหารโผล่มา?