ตอนที่ 1084 กลิ่นดินปืน โดย Ink Stone_Fantasy
แต่การโจมตีของศัตรูไม่ได้หยุดแต่เพียงเท่านั้น หากแต่ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น
เสาหินอีกสิบกว่าแท่งลอยร่วงลงมาจากทางฟ้า ฝุ่นควันและหมอกแดงฟุ้งกระจายจนแทบจะบดบังแสงจันทร์เอาไว้จนหมด เศษหินแตกกระจายเต็มพื้น แม้แต่จะเงยหน้าก็ยังทำได้ลำบาก ภาพที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ต่างอะไรกับวันสิ้นโลกเลย เสาหินแท่งหนึ่งลงมาตกลงตรงกล่องเหล็กพอดี แรงกระแทกอย่างรุนแรงทำให้แดนนี่กระเด็นลอยออกไป ในตอนที่เขาได้สติอีกครั้ง เขาก็พบว่าตัวเองมานอนอยู่บนพื้นแล้ว
“อ๊อก…บ้าเอ้ย” เขาไอออกมาเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาตรงหน้าอก ขณะเดียวกันในปากก็เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด “มอลต์…เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“ข้าไม่เป็นไร” เสียงร้อนใจของมอลต์ดังขึ้นมาตรงข้างหูเขา “แต่ท่านบาดเจ็บ!”
“ข้าเดาว่าน่าจะกระดูกซี่โครงหัก?” แดนนี่พยายามหอบหายใจอย่างเจ็บปวด “ไม่เป็นไร ขอเพียงข้ายังเหนี่ยวไกได้ ข้าก็ยังสู้ต่อไปได้…”
เขาเอามือคลำข้างๆ ตัว จนกระทั่งมือรับรู้ได้ถึงสัมผัสที่คุ้นเคย เขาถึงได้รู้สึกสบายใจขึ้น…ยังดี ปืนยังไม่หายไปไหน
“ไม่ได้ ท่านต้องหนีไปจากที่นี่ ยิ่งเร็วยิ่งดี!” เสียงของมอลต์เกือบจะเป็นการขอร้อง
แดนนี่ฝืนยันตัวขึ้นมา ก่อนจะนั่งพิงไปบนลังเหล็กที่บิดเบี้ยว
แค่เคลื่อนไหวแค่นี้เขาก็ใช้แรงไปเกือบหมดแล้ว
ตรงหน้าเขา เสาหินสีดำที่เหมือนกำแพงพ่นหมอกสีแดงออกมา ดูแล้วเหมือนมันกำลังจะเปิดออก
แดนนี่ยกปืนขึ้นมา หน้าอกเขาไม่สามารถออกแรงได้อีกแล้ว อย่างนั้นก็พาดเอาไว้บนไหล่แล้วใช้เข่าเป็นที่วางปืน ในระยะไม่ถึงสิบเมตร เขาไม่มีทางยิงพลาดแน่
“พอได้แล้ว อย่าฝืนเลย! ทำไมท่านถึงไม่หนีไป?”
มีอยู่ชั่วแวบหนึ่ง เขารู้สึกว่านี่เป็นทั้งเสียงร้องของมอลต์ แล้วก็เหมือนเป็นเสียงที่เขากำลังถามตัวเอง
เพราะว่าข้าไม่อยากจะจากกลิ่นดินปืนนี้ไป แล้วก็ไม่อยากให้เจ้าหายไปด้วย…
แผ่นหินหลุดออกมา เสียงปืนก็ดังขึ้นมาในเวลาเดียวกัน
เพื่อนเก่าที่อยู่ในมือเขาไม่ทำให้เขาผิดหวัง
ศัตรูยังไม่ทันจะได้ฉีกถุงเมือกออกมา กระสุนก็เจาะเข้าไปที่กลางหน้าผากของเป้าหมายแล้ว
เพียงแต่ครั้งนี้ ปีศาจไม่ได้ล้มลง
มันเดินออกมาจากเสาหินเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะหยิบเอาเศษถุงเมือกที่ติดอยู่บนตัวทิ้งไปแล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าแดนนี่
มันเป็นปีศาจที่ตัวใหญ่กว่าปีศาจคุ้มคลั่ง ทั่วทั้งร่างกายของมันมีเกราะแปลกๆ หุ้มเอาไว้อยู่ ในตอนที่มันยืดตัวตรงขึ้นมา เงาจากร่างกายของมันบดบังตัวแดนนี่เอาไว้จนมิด ภายใต้ความมืดนี้ แดนนี่มองเห็นแค่เพียงดวงตาของมันที่ส่องแสงสีแดงออกมา
แดนนี่ใส่กระสุนนัดที่สองเข้าไปในรังเพลิง ก่อนจะเหนี่ยวไกอีกครั้ง
จากนั้นเขาได้ยินเพียงแค่เสียง ‘ติง’ เบาๆ ดังขึ้นมา ตรงหน้าอกของปีศาจมีประกายไฟสว่างขึ้นมาแวบหนึ่ง ขณะเดียวกันก็มีคลื่นสีน้ำเงินจางๆ กระเพื่อมขึ้นมาเหมือนผิวน้ำ
ปีศาจมองดูเขาด้วยสายตาเยือกเย็น ก่อนจะเดินเข้ามาหาเขาอย่างช้าๆ
ไม่มีการชักอาวุธ แล้วก็ไม่มีความเร่งรีบ นี่คือการดูถูกอย่างหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
แดนนี่ทำการเคลื่อนไหวเหมือนกับเครื่องจักร —- ดึงลูกเลื่อน ยิงออกไป แต่อีกฝ่ายกลับไม่เป็นอะไรเลย
“ไม่…” มอลต์ร้องสะอื้นขึ้นมาอย่างสิ้นหวัง
ในขณะที่เขากำลังจะยิงนัดที่สี่ออกไป ตรงหน้าอกของปีศาจพลันมีแสงไฟสว่างวาบขึ้นมา!
“ปัง!”
ท่ามกลางเสียงที่ดังสั่นสะเทือน อีกฝ่ายกระเด็นลอยออกไป ก่อนจะไปกระแทกเข้ากับลังเหล็กที่วางกองอยู่
แดนนี่มองดูปากกระบอกปืนที่ีมีควันลอยฟุ้งออกมาด้วยความงุนงง
จากนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งมายืนอยู่ตรงหน้าเขา
“ถอยไปซะ เจ้าคนธรรมดา” คนๆ นั้นค่อยๆ หันหน้ามา “เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน เดี๋ยวพวกข้าจัดการที่นี่เอง”
ในมือของชายคนนั้นถือปืนที่มีปากกระบอกปืนใหญ่จนน่าตกใจอยู่กระบอกหนึ่ง กระสุนที่ห้อยอยู่ตรงเอวเขามีขนาดใหญ่ประมาณข้อมือ เห็นได้ชัดว่านั่นไม่ใช่อาวุธที่คนธรรมดาจะแบกได้ ยิ่งไปกว่านั้นชายคนนั้นยังสวมชุดเกราะเอาไว้ตั้งแต่หัวจรดเท้า ดูแล้วคล้ายๆ กับปีศาจทีเดียว
‘หน่วยจู่โจมพิเศษ’
ภายในหัวแดนนี่มีความคิดนี้แวบขึ้นมา
หลังจากที่เข้าร่วมการรบครั้งแรกกับปีศาจ หน่วยรบนี้ก็กลายเป็นหน่วยที่ดูลึกลับที่สุดในกองทัพที่หนึ่ง พวกเขาไม่เคยปรากฏตัวในการฝึกซ้อม แล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าจำนวนกับที่อยู่อย่างแน่ชัดของพวกเขา สิ่งเดียวที่ทุกคนรู้ก็คือพวกเขาล้วนแต่เป็นนักรบที่ฝ่าบาททรงคัดเลือกมา เรียกได้ว่าเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเมืองเนเวอร์วินเทอร์
“โฮกกกก…..!”
ปีศาจตัวนั้นปีนขึ้นมาจากลังเหล็กพร้อมกับส่งเสียงคำรามน่ากลัวออกมา เมื่อเทียบกับการดูถูกก่อนหน้านี้แล้ว ในที่สุดมันก็เปลี่ยนท่าทีด้วยการชักดาบคู่เล่มยักษ์ออกมาจากด้านหลัง
“หึ ปีศาจระดับสูงที่พัฒนาขึ้นมาจากเจ้าแห่งนรกอย่างนั้นเหรอ มิน่าล่ะปฏิกิริยาเวทมนตร์ถึงได้รุนแรงขนาดนี้” ชายคนนั้นพุ่งใส่ศัตรูโดยไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย “ที่พวกข้าอยู่มาจนถึงตอนนี้ก็เพื่อเวลานี้นี่แหละ!”
นักรบอีกหลายคนที่แต่งกายเหมือนกับเขาต่างวิ่งตามเข้าไป หลังนักรบเหล่านี้เข้าร่วมการต่อสู้ สถานการณ์ก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป เห็นๆ อยู่ว่าด้านหลังแบกอาวุธปืนที่หนักอึ้งเอาไว้ แต่พวกเขากลับยังวิ่งได้เร็วกว่าคนทั่วไป แล้วก็บีบศัตรูให้จนมุม แถมวิธีการโจมตียังเรียกได้ว่าป่าเถื่อนอย่างมาก หลังยิงจนกระสุนหมด พวกเขาไม่ได้หาที่กำบังเพื่อเติมกระสุน หากแต่เปลี่ยนไปใช้ดาบปลายปืนรุมแทงศัตรูอย่างบ้าคลั่ง!
ถึงแม้ปีศาจจะมีความคล่องตัวที่ดูไม่เข้ากับร่างกายของมัน แต่เมื่อถูกรุมโจมตีพร้อมๆ กันจากรอบด้าน สุดท้ายคลื่นสีน้ำเงินบนร่างกายของมันก็เริ่มจางลงอย่างเห็นได้ชัด
สมแล้วที่เป็นนักรบที่ฝ่าบาททรงแอบเลี้ยงดูเอาไว้
แต่นี่ก็เป็นเวทีของเขาเหมือนกัน
จะให้ตัวเองถอยไปงั้นเหรอ? นั่นก็ต้องรอให้เขาตายซะก่อน
แดนนี่กัดฟันขยับตัว ก่อนจะใช้ร่างกายตัวเองเป็นฐานวางปืนแล้วเล็งเป้าไปยังสนามรบ
หลังจากที่ปีศาจคุ้มคลั่งตัวหนึ่งที่กำลังแอบโจมตีหน่วยจู่โจมพิเศษจากด้านหลังถูกยิงล้มลงไป ผู้ชายคนนั้นพลันหันหน้ากลับมามองดูเขา
แดนนี่ดึงลูกเลื่อนคัดกระสุนออก พร้อมกับสูดกลิ่นดินปืนเข้าไปเต็มปอด ความเจ็บปวดกับความลุ่มหลงผสมเข้าด้วยกันกลายเป็นกลิ่นที่ยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
ความรู้สึกแบบนี้มันยอดไปเลยใช่ไหม? มอลต์
….
“บ้าเอ้ย! กองพันปืนใหญ่มัวทำอะไรอยู่เนี่ย?”
“ทำให้ไอเข็มหินพวกนี้มันหยุดก่อนได้ไหม!”
“อย่าบอกนะว่าพวกเขาส่งทหารใหม่ที่เพิ่งเข้ากองทัพไปอยู่แนวหน้า”
ในหลุมเพลาะที่อยู่รอบๆ ค่าย เหล่าทหารหลบอยู่ใต้แผ่นไม้พร้อมบ่นออกมา ฟิชบอลเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ถึงแม้เขาจะอยู่ในตำแหน่งหน่วยปืนกลต่อต้านทางอากาศ แต่สิ่งที่บินไปบินมาอยู่บนท้องฟ้าในเวลานี้นั้นไม่ใช่อสูรสยอง หากแต่เป็นอาวุธที่่น่าเหลือเชื่อบางอย่างของพวกปีศาจ การออกไปยืนยิงปืนอยู่ข้างนอกในเวลานี้นั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีซักเท่าไร
หลังพวกเขาถูกลอบโจมตีจนตื่นขึ้นมา พวกเขาก็รีบวิ่งไปยังแนวป้องกันตามกฎการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน ระหว่างทางไม่ใช่ว่าจะไม่เจอปีศาจ แต่พวกมันก็ถูกอาวุธปืนกับปืนครกฆ่าตายอย่างรวดเร็ว แนวป้องกันนั้นไม่ได้ถูกโจมตี เพื่อนทหารที่ประจำการอยู่ตรงแนวป้องกันยังถามพวกเขาอย่างงงๆ ว่าพวกเขากำลังยิงปืนใส่ใคร และในขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าหลังจากนี้คือขั้นตอนการเก็บกวาดผู้บุกรุก เบื้องบนพลันมีคำสั่งออกมาใหม่ —- ไม่ว่าสถานการณ์ภายในค่ายจะเป็นอย่างไรก็ห้ามไม่ให้พวกเขาออกไปจากหลุมเพลาะ ให้เตรียมรอรับมือศัตรูที่แท้จริงอยู่กับที่
ปีศาจกลุ่มหนึ่งกำลังกระหนาบโจมตีค่ายจากทางตะวันออกและทางใต้ พวกมันต่างหากที่เป็นกำลังหลักในการลอบโจมตีครั้งนี้
ฟิชบอลนึกถึงสงครามเมื่อหลายเดือนก่อนนี้ขึ้นมา ศัตรูที่ถาโถมกันเข้ามานั้นเหมือนกับสายน้ำไม่มีผิด ความเร็วในการวิ่งของพวกมันเร็วยิ่งว่าม้า พวกแค่มองดูก็ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวได้แล้ว โชคดีที่กองทัพที่หนึ่งเตรียมพร้อมเอาไว้แต่แรก กระสุนปืนจำนวนนับไม่ถ้วนปลิดชีวิตศัตรูที่ระยะ 200 เมตร
แต่ตอนนี้ตรงแนวป้องกันไม่มีบังเกอร์ที่แข็งแรงที่ทำให้คนรู้สึกอุ่นใจ การยิงสนับสนุนจากกองพันปืนใหญ่ก็ยังไม่มาซักที ด้านบนก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นอยู่เป็นระยะๆ อีกทั้งช่วงเวลากลางคืนที่ทำให้มองอะไรไม่เห็น เขาไม่รู้ว่าครั้งนี้ตัวเองจะรอดกลับไปได้อย่างปลอดภัยเหมือนครั้งที่แล้วหรือเปล่า
“พวกมันมาแล้ว!” จู่ๆ พลันมีคนตะโกนขึ้นมา “ระยะ 1,500 เมตร ทุกคนเตรียมตัว!”
1,500 เมตร? กลางคืนแบบนี้มองเห็นเป้าที่ระยะ 200 เมตรก็ถือว่าดีมากแล้ว! เห็นได้ชัดว่าคนที่ให้ข้อมูลนี้ืคือคุณหนูแม่มดที่มีดวงตามองทะลุได้ แต่คำสั่งจากเบื้องบนถือเป็นเด็ดขาด ขอเพียงออกคำสั่งยิงออกมา ต่อให้มีมีดร่วงลงมาจากท้องฟ้าก็ห้ามถอยหลังแม้แต่ก้าวเดียว ฟิชบอลกัดฟันเตรียมพร้อมที่จะเข้าไปประจำตำแหน่งยิงปืนกล
ทันใดนั้นเอง จู่ๆ พลันมีเสียงหวูดยาวๆ ของรถไฟดังขึ้นมา!
…………………………………………………………..