เมื่อได้ยินคำพูดของชูฮันหวังเฉินเองก็เริ่มไม่แน่ใจ…ไม่รู้ว่าชูฮันไม่รู้เรื่องจริงๆหรือว่ากำลังเสแสร้งกันแน่?
เรื่องการล่มสลายของค่ายจินหยางอย่างกระทันหันนั้นกลายเป็นเรื่องแตกตื่นตั้งแต่เช้ามืดไปทั่วทุกค่ายยิ่งโดยเฉพาะเรื่องนี้ที่ดังและแพร่กระจายไปทั่วทั้งจีนขนาดนี้
เป็นไปได้จริงหรือที่ชูฮันจะไม่รู้…
ทันใดนั้นหวังเฉินก็จำได้ถึงภาพของชูฮันในเต้นท์ที่เขาเข้าไปเห็นก่อนหน้านี้ทำให้ความโกรธและความสงสัยก่อนหน้านี้สลายลงไปอย่างรวดเร็ว…ไอ้เด็กนี่มันมัวแต่มั่วผู้หญิงอยู่ในค่ายรบเลยเป็นไปได้ที่จะไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงๆ
แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าช่องทางการติดตามข่าวสารของเขี้ยวหมาป่าจะไม่ทำงานไปด้วยเป็นไปได้เหรอที่หน่วยข่าวกรองของเขี้ยวหมาป่าจะไม่รู้เรื่องข่าวของค่ายจินหยางที่ดังไปทั่วทั้งๆที่ทุกค่ายรู้กันหมด?
ต้องบอกเลยว่าการแสดงของชูฮันทำให้หวังเฉินคิดไปไกล
เมื่อได้เห็นสีหน้าสับสนและเต็มไปด้วยความข้องใจของหวังเฉินหลิวยู่ติงก็อดไม่ได้ที่ลอบยิ้มอย่างชอบใจหากก็ไม่พูดอะไรออกมา เขาเพียงเหลือบมองหัวหน้าชูฮันอย่างชื่นชมและมองไปที่หวังเฉินอย่างสะใจสลับไปมา
อย่างไรก็ตามเพราะคำพูดของหวังเฉิน มันทำให้หลิวยู่ติงเองก็อยากรู้เรื่องราวที่กำลังเป็นประเด็นในตอนนี้เช่นกัน หัวหน้าทำอะไรกับค่ายจินหยาง? หรือว่าที่หัวหน้ากลับมาก่อนกำหนดนั้นหมายความว่าค่ายจินหยางถูกทำลายเรียบร้อยหมดแล้วละสิ!
ผลลัพธ์คือความชื่นชมและเคารพนับถือที่หลิวยู่ติงมีต่อชูฮันนั้นพุ่งขึ้นอีกครั้ง เขาแทบจะกราบสักการะบูชาชูฮันอยู่ร่อมร่อแล้ว
ชูฮันที่กำลังอยู่ในบทบาทการแสดงการเป็นคนที่เย่อหยิ่งอวดดีเมื่อเห็นหวังเฉินเงียบและไม่พูดอะไรอีก ชูฮันจึงแสยะยิ้มออกมาและเล่นละครต่อ เขาตบโต๊ะลั่นและตะคอกใส่อีกฝ่าย “ตกลงจะพูดเรื่องอะไรกันแน่? ฉันไม่จำเป็นต้องเอาเวลามาเสียกับคุณ!”
การระเบิดอารมณ์ของชูฮันทำให้หวังเฉินกลัวจนลนลานรีบพูดต่อด้วยความนอบน้อมต่อชูฮันและสรรพนามที่เปลี่ยนไป “ไม่ ไม่ คือผมพึ่งจะเริ่มเกริ่นเท่านั้นเอง ถ้าอย่างนั้น ผมขอแจ้งท่านพลเอกเกี่ยวกับค่ายจินหยางเลยแล้วกัน”
หวังเฉินรีบพูดต่อด้วยสีหน้าแปลกๆและน้ำเสียงอ่อยๆ”ค่ายจินหยางถูกสังหารหมู่ครับ”
”ฟู่~~~~!”ชูฮันที่กำลังดื่มน้ำชาอยู่เผลอพ่นน้ำออกมาใส่หน้าหวังเฉินเพื่อแสดงให้สมบทบาทว่าเขาตกใจอย่างมากและไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน
หวังเฉินได้แต่กัดฟันระงับอารมณ์ตัวเองเอาไว้แม้ในใจจะต่อต้านและอยากจะเอาชนะชูฮันมากเท่าไหร่หากก็รู้ตัวดีว่าทำไม่ได้ หวังเฉินเพียงแค่ปาดน้ำออกจากหน้าเงียบๆ หวังเฉินที่เป็นคนของตระกูลลึกลับมีอำนาจเหนือซางจิงกลับต้องถูกทำให้อับอายแบบนี้?!
หากไม่นานหวังเฉินก็ต้องเปลี่ยนความคิดอีกครั้ง เพราะมันดูเหมือนว่าชูฮันจะไม่รู้เรื่องค่ายจินหยางจริงๆ เป็นไปได้ว่าหน่วยข่าวกรองของเขี้ยวหมาป่าอาจจะทำงานได้ด้อยกว่าห้าทีมพิเศษของกองทัพเขี้ยวหมาป่า
นี้ถือเป็นข่าวดี!
เป็นอีกครั้งที่หวังเฉินถูกการแสดงของชูฮันหลอกเข้าให้ชูฮันที่ดื่มชาเสร็จแล้วจู่ๆก็แสดงสีหน้าพอใจออกมาและระเบิดหัวเราะลั่น “ฮ่าฮ่าฮ่า! ค่ายจินหยางถูกสังหารหมู่จริงๆงั้นเหรอ? ใครทำล่ะ? ฉันนี่อยากจะไปขอบคุณซะเหลือเกิน! ทำดีมาก!”
หวังเฉินที่ไม่รู้จะต้องตอบชูฮันยังไงแม้ว่าทุกคนจะรู้ว่าสองพ่อลูกจงคุยจงไคนั้นเกลียดชังชูฮัน ซึ่งชูฮันก็เช่นกัน ดังนั้นทุกคนจึงคาดว่ายังไงครั้งนี้จะต้องเป็นฝีมือของชูฮันเป็นแน่
”อ้อใช่แล้วสองพ่อลูกชั่วนั้นเป็นยังไงล่ะ?” ชูฮันที่รู้ทุกอย่างดีแก่ใจแต่ยังคงสวมบทบาทอยู่ เขารีบชักนำคำถามไปในทิศทางที่ตัวเองต้องการ ไม่คิดปิดบังความรู้สึกภายในของตัวเองแม้แต่น้อย
เมื่อได้ยินชูฮันถามเช่นนั้นหวังเฉินก็จัดเก็บชื่อของชูฮันไว้ว่าเป็นคนอันตรายทันทีอย่างไม่ลังเล ชูฮันไม่คิดจะปิดบังความรู้สึกแท้จริงของตัวเองเลยสักนิด คนประเภทนี้ประกอบกับมีตำแหน่งพลเอกในมือและยังเป็นผู้นำของค่าย…ถือเป็นบุคคลอันตรายที่ไม่ควรจะต่อกร
ดูเหมือนว่าเขาไม่จำเป็นต้องเล่นงานค่ายเขี้ยวหมาป่าให้เหนื่อยเปล่าแล้วเพราะอีกไม่นานมันคงจะต้องพังทลายเพราะคนแบบชูฮัน!
กองทัพเขี้ยวหมาป่าที่ทำการต่อสู้อยู่เสมอแต่กลับมีผู้นำไร้สมองสิ้นดีไม่นานผู้คนก็คงมองเห็นความจริงและสิ้นศรัทธา
”ทั้งสองพลเอกถูกฆ่าตาย”หวังเฉินตอบเสร็จก็เงียบทันทีเพื่อรอดูปฏิกิริยาของชูฮัน เขาต้องการสังเกตพฤติกรรมของชูฮันเพื่อสืบหาความจริง
และในเวลาเดียวกันหวังเฉินก็กำลังจะคิดแอบลอบกลับไปหาตระกูลลึกลับอย่างลับๆหลังจากออกจากค่ายตั้งรบเพื่อรายงานเรื่องของชูฮันให้ทางนั้นได้รับรู้
”ตายหมดแล้ว?!”ชูฮันแสดงสีหน้าตกใจอย่างมากออกมาชัดเจน ก่อนจะเผยปีศาจที่แฝงกายอยู่ในตัวออกมาให้หวังเฉินได้เห็น “ร่างพวกมันอยู่ที่ไหน? ฉันจะไปสับให้เละ”
”อะแฮ่ม!อะฮึ่ม!” หวังเฉินกระแอมในลำคอเสียงดังอยู่สองสามทีก่อนจะเอ่ยถามชูฮันด้วยน้ำเสียงสุภาพ “นี้คือสองข่าวที่ผมนำมารายงานจากซางจิง ไม่ทราบว่าท่านพลเอกพอใจหรือไม่?”
ในเมื่อได้พูดทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยหวังเฉินก็กังวลและอยากจะออกไปจากค่ายรบซะเดี๋ยวนี้ในเมื่อเขาได้ทำการยืนยันแล้วว่าชูฮันไม่ใช่ผู้กระทำความผิด ดังนั้นมันจึงไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องมาเสียเวลาอยู่ท่ามกลางกองทัพที่น่ากลัวและอันตรายแบบนี้ ชูฮันยิ้มออกมาอย่างพอใจพายมือออกไปทางซ้าย “หลิวยู่ติง ส่งแขก”
”ครับ”หลิวยู่ติงยืนตัวตรงพร้อมรับคำสั่งเสียงชัด จากนั้นก็เดินไปพาตัวหวังเฉินลุกขึ้นและเดินออกไปจากเต้นท์
ไม่นานภายในเต้นท์ที่เหลือแค่ชูฮันคนเดียวสีหน้าที่เคยอวดดีและมีความดุดันตามการเล่นละครก่อนหน้านี้ก็หายไปทันที เขาถอนหายใจออกมา ยิ้มอย่างสะใจและมองตามหลังของหวังเฉินและหลิวยู่ติงไปด้วยสายตาแวววาว
หลังจากการพบเจอกับหวังเฉินในครั้งนี้ชูฮันก็คาดการณ์ได้ว่าตระกูลลึกลับที่คอยสนับสนุนหวังเฉินอยู่จะต้องทบทวนความคิดใหม่ การมอบอำนาจให้หวังเฉินควบคุมซางจิงเองกจะต้องถูกตรวจสอบคุณสมบัติอีกครั้ง
มันคือความเสี่ยงที่ดีโชคดีที่เขาออกมาจากค่ายจินหยางก่อนเวลา ไม่คิดเลยว่าซางจิงจะลงมือเร็วขนาดนี้!
”แค่ยังไม่รู้ว่าตระกูลไหนก็แน่ที่คอยหนุนหลังหวังเฉินอยู่?”
ชูฮันส่ายหัวและเลิกสนใจปัญหานี้เขาลุกขึ้นและเดินออกไปจากเต้นท์ ชูฮันรู้ดีว่าตอนนี้ข่าวของค่ายจินหยางได้กระจายไปทั่วในค่ายรบแล้วซึ่งมันได้ถูกส่งต่อข้อมูลมาจากค่ายเขี้ยวหมาป่า
แน่นอนว่าชูฮันคาดไว้แล้วว่าพอเขากลับมาถึงเต้นท์ที่ใช้เป็นที่ประชุมนอกเหนือจากหลิวยู่ติงที่ไปส่งหวังเฉินขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เหล่าสมาชิกหลักของกองทัพเขี้ยวหมาป่าจะต้องมานั่งประจำที่ของตัวเองในเต้นท์ของเขาเรียบร้อยพร้อมกับกระดาษมากมายก่ายกองบนโต๊ะจนรกไปหมด ภาพที่เห็นนั่นสื่อออกมาชัดเจนว่าทุกคนน่าจะประชุมกันมาสักพักได้แล้ว
”ท่านพลเอก”
”หัวหน้า”
”ท่าน”
เสียงเรียกหลากหลายแบบดังขึ้นพร้อมๆกันจากทุกคนทันทีที่เห็นชูฮันกลับมาแล้วทุกคนต่างโล่งใจและตื่นเต้นอย่างมากกับการรอคอยมาตลอดทั้งเช้า
”ทุกคนนั่งเถอะ”ชูฮันเอ่ยบอกทุกคนให้นั่งลงพร้อมกับเดินไปนั่งที่หัวโต๊ะ จากนั้นก็หันไปพูดกับเหอเฟิงทันที “การฝึกฝนทหารเกณฑ์ใหม่เป็นยังไง?”
คำถามที่ตรงไปตรงมาและไร้ซึ่งการเกริ่นนำใดๆทำให้ทุกคนตั้งตัวไม่ทัน
”ผมว่าหัวหน้าถามผิดเรื่องแล้ว”เฉินช่าวเย่เป็นคนแรกที่พูดขึ้น “เวลานี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมาถามเรื่องของทหารเกณฑ์ใหม่ซะหน่อย? เร็วเข้า เล่ามาเร็วว่าหัวหน้าไปทำอะไรที่ค่ายจินหยางบ้าง?”
”ใช่ครับ!ผมอยากรู้!” เจียงเทียนชิงรีบเสริมอย่างตื่นเต้น “ตอนที่ผมได้ข่าวจากหน่วยข่าวกรองลับเมื่อเช้านี้ ผมตกใจมาก ไม่คิดเลยว่าหัวหน้าจะสุดโต่งขนาดนี้ พูดจริงทำลายจริง!”
”ไม่จำเป็น”ซูเฟิงลุกขึ้นยืน ฟาดปึกกระดาษในมือลงกลางโต๊ะทันที “ผมได้เรียกทีมความลับของพระเจ้ามาสอบถามแล้ว พวกเขาได้บอกเล่าทุกอย่างแล้ว นี่คือรายงานที่บันทึกรายละเอียดทั้งหมด”
”พรึบ!”
แทบจะทันทีมือนับไม่ถ้วนรีบยื่นออกมาแย่งรายงานตรงหน้ากันจ้าละหวั่น ทำให้ภาพในเต้นท์ที่ใช้เป็นห้องประชุมกลายเป็นภาพที่ทุกคนกำลังเล่นสนุก แย่งกระดาษกันไปมา
ชูฮันมองภาพตรงหน้าอย่างมีความสุขและก็พอจะเดาได้ว่าโปรแกรมการฝึกทหารเกณฑ์น่าจะสมบูรณ์แบบ เพราะงั้นทุกคนถึงดูไม่มีเรื่องกังวลใจกันแบบนี้
”เหอเฟิง”ชูฮันเรียกเหอเฟิงด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป จากนั้นก็ลุกขึ้นและเดินนำออกไป
เหอเฟิงกระพริบตาปริบๆอย่างไม่เข้าใจหากก็ลุกขึ้นเดินตามหลังชูฮันออกไปเพราะทั้งคู่ต่างมีเรื่องมากมายให้ต้องคุยกัน