ชิงเกอเอ่ยจบ มุมปากของตนยังกระตุกไปเล็กน้อย
อย่างไรเสียชื่อเสียงของเตี้ยนเซี่ยที่มีภายนอก โดยเฉพาะหลังจากราชวงศ์จงเจิ้งจบสิ้นก็ยิ่งโด่งดัง ด้วยเหตุนี้หลายปีที่ผ่านมาต่อให้ท่านอ๋องไม่ออกจากจวน คนทั้งหลายก็ยังเคารพท่านอ๋องมาก
ไม่มีเหตุผลอื่น นอกจากกลัวล่วงเกินท่านอ๋อง ตัวเองถูกให้ร้าย จะตายอย่างไรก็ยังไม่รู้เลย
แต่ว่าแม่นางเยี่ยเม่ยผู้นี้…
ถึงกับปฏิเสธมาต้อนรับ
ปฏิเสธ?
ต่อให้เป็นบรรดาองค์ชาย ยามอยู่ต่อหน้าเตี้ยนเซี่ยก็ยังร้องเรียกว่าเสด็จอา เกรงว่าต่อให้เป็นเสินเซ่อเทียนก็ยังไม่ดูแคลนเตี้ยนเซี่ย
แต่แม่นางเยี่ยเม่ยผู้นี้ เป็นสามัญชน ถึงกับปฏิเสธที่จะมาต้อนรับ…
ชิงเกอเอ่ยปากว่า “ท่านอ๋อง ท่านว่าเพราะว่าแม่นางเยี่ยเม่ยผู้นี้ได้รับตราคุมทัพ ถึงได้กำเริบเสินสานแล้ว…”
นี่ไม่ใช่กำเริบเสิบสานไม่รู้ความ ไม่แยกแยะหนักเบาหรอกหรือ
เป่ยเฉินอี้ฟังแล้ว ดวงตาเรียวยาวคู่นั้นก็สงบนิ่งทอแววสนใจ เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “นางไม่มาพบข้า อย่างนั้นข้าจะไปพบนางด้วยตัวเอง”
ดีมาก ส่งข่าวเข้าไปแล้วยังกล้าไม่ออกมารับอีกหรือ
ชิงเกอไม่กล้าพูดจา รู้แล้วว่า เตี้ยนเซี่ยของเขาโกรธขึง อย่างไรเสียหลายปีที่ผ่านมามีน้อยคนที่ไม่ไว้หน้าเตี้ยนเซี่ย
ในขณะที่ชิงเกอแผ่นหลังชาวาบ รถม้าพลันหยุดลง
ชิงเกอตระหนักได้ทันที เปิดม่านรถออก
ไม่ช้า เป่ยเฉินอี้บนรถม้าสบตากับเซียวชินข้างทาง เซียวชินมองเป่ยเฉินอี้ทีหนึ่ง ชิงเอ่ยปากก่อนว่า “อี้อ๋อง ไม่พบกันหลายปี”
องค์รักษ์ทั้งหลายต่างก็ตื่นตระหนกมองเซียวชิน
เป่ยเฉินอี้หัวเราะเสียงเบา สายตาล้ำลึกยากคาดเดาจ้องเซียวชิน “ไม่ได้พบกันหลายปีแล้วจริงๆ ข้าคิดไม่ถึงว่า ซือหม่าหรุ่ยผู้เดียวจะสามารถทำให้หมอปีศาจยินยอมรักษาให้ข้า”
เซียวชินมองเป่ยเฉินอี้ เขาไม่กัดกลุ้ม เอ่ยช้าๆ ว่า “หากมิใช่ปีนั้นท่านหลงรักจงเจิ้งซี ตำแหน่งฮ่องเต้เป่ยเฉินในวันนี้ ก็เป็นของท่านไปนานแล้วมิใช่หรือ ต่างก็เป็นคนยึดมั่นในรัก อี้อ๋องไฉนต้องหัวเราะเยาะข้าด้วย”
เมื่อเขาเอ่ยประโยคนี้ออกมา สีหน้าเป่ยเฉินอี้พลันขรึมลง
จู่ๆ เป่ยเฉินอี้ก็หัวเราะขึ้น เอ่ยเสียงเข้มขรึม “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นเชิญท่านหมอปีศาจขึ้นรถม้า ตรวจชีพจรให้ข้าเถอะ”
เซียวชินกลับชื่นชม เป่ยเฉินอี้คำหนึ่ง “อี้อ๋องช่างเก็บอารมณ์ได้ดีนัก”
หลังจากสองฝ่ายโต้ตอบกันไปมา เป่ยเฉินอี้ยังไม่เกิดโทสะ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกคนเจ้าแผนการอย่างเป่ยเฉินอี้ไม่มีทางแสดงความรู้สึกออกมาตรงๆ
หลังจาก เซียวชินเอ่ยจบ ก็ขึ้นรถม้ายื่นมือออกไปจับชีพจรให้เป่ยเฉินอี้
ชิงเกอที่อยู่ด้านข้างจ้องเซียวชินอย่างระวัง คล้ายกลัวอีกฝ่ายจะลงมือ
ในยามนี้เป่ยเฉินอี้หันกลับมองหน้าชิงเกอ น้ำเสียงทุ้มต่ำเสนาะหูกล่าวช้าๆ “ทำไมต้องตื่นตระหนกนัก ท่านหมอปีศาจย่อมเข้าใจ คนที่จิตใจเจ้าเล่ห์เพทุบายอย่างเป่ยเฉินอี้ สั่งการลงไปแต่แรกแล้ว หากเป่ยเฉินอี้เกิดอะไรขึ้นในมือของหมอปีศาจ จะมีคนมากมายนับไม่ถ้วนไล่ฆ่าซือหม่าหรุ่ย ไม่ตายไม่เลิกรา”
เมื่อเขาเอ่ยเช่นนี้ มือที่จับชีพจรของ เซียวชินพลันชะงักไปเล็กน้อย
สายตาของเซียวชินหรี่ลงเผยความอำมหิต มองเป่ยเฉินอี้ “อี้อ๋องยั่วโมโหข้า ไม่เป็นผลดีกับท่าน”
“ท่านหมอปีศาจอย่าได้โมโห ในเมื่อล้วนเป็นคนยึดมั่นในความรัก อย่างนั้นก็เชื่อว่าหมอปีศาจคงเข้าใจ ตราบใดที่ข้ายังไม่บรรลุเป้าหมายจะตายไม่ได้ ข้าเตรียมการพวกนี้เอาไว้ เพื่อรักษาชีวิตเท่านั้น” มุมปากเป่ยเฉินอี้ยกยิ้ม แต่นัยน์ตาหาได้มีรอยยิ้มไม่
เซียวชินเห็นท่าทางไม่เจ็บไม่คันของเขา ก็สะกดโทสะไว้ ก้มหน้าตั้งใจจับชีพจรต่อไป “ที่อี้อ๋องข่มขู่เซียวชินได้ ก็ไม่ใช่เพราะข้ามีจุดอ่อน แต่ท่านไม่มีจุดอ่อนก็เท่านั้น”
เมื่อเขาเอ่ยออกมา บรรยากาศในรถม้าก็กดดันขึ้นหลายส่วน
เป่ยเฉินอี้ย่อมเข้าใจ เพราะเขาสั่งการว่าหากตนเองเป็นอะไรขึ้นมา ไม่อาจปล่อยซือหม่าหรุ่ยถึงได้ยั่วโทสะเซียวชิน
ดังนั้นเมื่อครู่ เซียวชินถึงจงใจประชดเขา ย้ำเตือนเขาว่า จงเจิ้งซีที่เป็นจุดอ่อนเดียวของเป่ยเฉินอี้ตายไปแล้ว
เป่ยเฉินอี้หาได้ใส่ใจ กลับถามเซียวชินคำหนึ่ง “อย่างนั้นหนีตายมาสี่ปี หมอปีศาจที่ถูกคนนับไม่ถ้วนไล่ฆ่า คิดว่าคนมีจุดอ่อนดีหรือไม่มีจุดอ่อนดีกัน”
เซียวชินพลันเงยหน้าขึ้น มองเป่ยเฉินอี้ ตอบเสียงเย็นเยียบ “ข้าพูดไม่เก่งเท่าท่านอ๋อง ขอยอมแพ้”
เซียวชินเคยมีฐานะหมอเทวดา ยามนี้แบกรับชื่อเสียงหมอปีศาจ บุรุษชาตรีผู้หนึ่งเคยช่วยเหลือผู้คน กลับถูกคนตามฆ่าหลายปี คล้ายสุนัขไร้บ้านหนีไปหลบที่ต้ามั่ว คำพูดของเป่ยเฉินอี้ช่างแทงใจเขา
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เซียวชินก็ไม่อยากเถียงอีก อย่างไรคนตรงหน้าก็สามารถคาดคำนวณเรื่องราวในแผ่นดินได้ หากยังเถียงต่อไป ตัวเองคงเสียเปรียบแล้ว
เมื่อเซียวชินยอมแพ้ คำพูดทิ่มแทงอีกฝ่ายก็เก็บเอาไว้
เซียวชินตรวจอีกครู่หนึ่ง เอ่ยปากว่า “พื้นฐานกำลังภายในของอี้อ๋องล้ำลึกมาก พิษในร่างถอนออกมาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว ดังนั้นคาดว่าขาของท่านคงหายดีแล้ว”
“ใช่” เป่ยเฉินอี้ไม่ปิดบังเขา
เซียวชินเอ่ยต่อไป “แต่ยามนี้พิษอีกครึ่งหนึ่ง ทำให้ไม่อาจใช้กำลังภายใน เซียวชินรักษาให้ท่านสามเดือน พิษที่เหลืออยู่ก็จะกำจัดหมด”
เป่ยเฉินอี้พยักหน้า คำตอบของเซียวชินไม่ต่างจากการคาดการณ์ของเขา
เมื่อเซียวชินเอ่ยถึงตรงนี้กลับมองอี้อ๋องทีหนึ่ง คำพูดแฝงความชื่นชม “ดื่มยาพิษคร่าชีวิตลงไป อี้อ๋องกลับใช้กำลังภายในปกป้องหัวใจเอาไว้ทันที ทั้งยังปิดจุดชีพจร สะกดพิษทั้งหมดไว้ที่ขา ใช้ขาสองข้างและการสูญสิ้นวรยุทธ์แลกชีวิตไว้ กลับยังแอบซ่อนกำลังภายในไว้อวัยวะภายใน ใช้เวลาสี่ปีกำจัดพิษทีละน้อยฟื้นฟูรากฐาน แผนการของอี้อ๋อง ข้าน้อยนับถือมาก”
พิษเช่นนี้ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นๆ เกรงว่าจะมีแต่ทางตายแล้ว
ทว่าเป่ยเฉินอี้ไม่เพียงแค่มีชีวิตอยู่ ทั้งยังค่อยๆ กำจัดพิษออกไป กำลังภายในที่แอบไว้ในอวัยวะภายในค่อยๆ ฟื้นฟูรากฐาน เป็นประโยชน์อย่างมาก หากมิใช่เป่ยเฉินอี้มีความสามารถและคาดการณ์เรื่องราวได้เช่นนี้ กำจัดพิษส่วนมากออกไป ต่อให้เขาเซียวชินมีกำลังสูงส่งคับฟ้า ก็ยังทำอะไรพิษชนิดนี้ไม่ได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เซียวชินเสริมขึ้นอีกประโยค “หากมิใช่เพราะซือหม่าหรุ่ยเกลียดท่านจนเข้ากระดูก อาศัยความฉลาดเช่นนี้ของท่านอ๋อง ข้ายินยอมคบท่านเป็นสหาย”
น่าเสียดาย
คำพูดนี้กลับทำให้เป่ยเฉินอี้เงียบไป
เป่ยเฉินอี้สงบไปสักพัก น้ำเสียงน่าฟังก็ดังขึ้นว่า “ซือหม่าหรุ่ยแค้นข้า ไม่ใช่เพราะอาซี แต่เป็นเพราะเจ้า”
สิ้นเสียง รถม้าสงบเงียบลง
ชิงเกอฟังแล้ว ถอนหายใจ เรื่องในปีนั้น ความจริงช่างทำร้ายคน คนในเหตุการณ์บ้างก็ตาย บ้างก็มีชีวิตอย่างทุกข์ตรม
คนที่ไม่รู้เรื่องราวทั้งหลาย ต่างคิดว่าท่านอ๋องเป็นผู้ชนะ แต่เขารู้ดีว่าคนที่พ่ายแพ้ราบคาบก็คืออี้อ๋อง
สูญเสียตำแหน่งฮ่องเต้ในมือ ทั้งยังไม่อาจแลกชีวิตของหญิงที่รักมากที่สุดได้ ซ้ำถูกบีบให้อยู่ในจวนหลายปี ยังไม่เรียกว่าพ่ายแพ้ราบคาบหรือ
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ คนทั้งหมดไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องในปีนั้นอีก
เซียวชินพลันกล่าวว่า “ความจริงข้ารู้สึกแปลกใจไม่น้อย ถ้าท่านอ๋องได้พบแม่นางเยี่ยเม่ยผู้นั้นจะตกใจหรือไม่”