เมื่อเห็นเฉียวฉู่วิ่งอาละวาดไปทั่ว พวกฮัวเหยาก็ลงมือฆ่าอย่างอิสระ เหล่าวิญญาณมนุษย์ก็อยากจะร้องไห้
พวกเขาจะสู้อย่างไร? วิญญาณมนุษย์ที่ค่อนข้างทรงพลังกลุ่มหนึ่งต่อสู้กับยอดฝีมือระดับปีศาจร้ายหลายคน……ต่อให้พวกเขาผลัดกันเข้าสู้เพื่อทำให้คนพวกนั้นเหนื่อย ก็ยังมีฝูงวิญญาณสัตว์อสูรจ้องจะขย้ำพวกเขาอยู่ที่ด้านข้าง พวกเขาจะถูกบดขยี้จนไม่เหลืออะไรเลยอย่างแน่นอน!
ตอนแรกพวกเขายังคงได้เปรียบเรื่องจำนวน แต่เมื่อมีวิญญาณพืชที่แข็งแกร่งมากเข้ามาร่วม วิญญาณมนุษย์ก็รู้สึกทันทีว่าสถานการณ์เลวร้ายลง แม้ว่าวิญญาณอาวุธไม่ได้อ่อนแอ แต่โดยพื้นฐานแล้วพวกมันมีขนาดเล็กกว่า และงูกระดูกสองหัวคือศัตรูตามธรรมชาติที่น่ากลัวที่สุดของพวกวิญญาณอาวุธ กระดูกแข็งเหมือนเหล็กทั่วร่างมันไม่บิ่นแม้แต่น้อยเมื่อใบมีดคมฟันลงไปบนตัวมัน วิญญาณอาวุธจำนวนมากรุมอยู่รอบๆงูกระดูกสองหัว ดึงเอาไฟสงครามส่วนใหญ่มาอยู่ตรงนี้.novel-lucky.
ในบรรดาเพื่อนทั้งหกคน ฟ่านจั๋วเป็นคนเดียวที่มีภูติประจำตัวเป็นวิญญาณอาวุธ ดาบแห่งการทำลายล้างในมือของเขานั้นไม่มีใครเทียบได้ วิญญาณอาวุธตนใดก็ตามที่ต่อสู้กับพวกเขาล้วนต้องเผชิญกับชะตากรรมเดียวกัน นั่นคือถูกฟ่านจั๋วฟาดฟันจนแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ยิ่งกว่านั้นยังมีวิญญาณพืชที่ร่างกายกำยำแข็งแรง ผิวหนังและกระดูกแข็งเหมือนเหล็กเพิ่มเข้ามา แค่คนพวกนี้ก็ดึงความสนใจของวิญญาณอาวุธจำนวนมากได้แล้ว ทำให้ลดจำนวนกำลังเสริมที่จะช่วยสนับสนุนวิญญาณมนุษย์ไปได้มาก
ความสามารถในการคิดของวิญญาณอาวุธนั้นไม่ได้ดีมากนัก โดยพื้นฐานแล้วจะเป็นพวกหัวรั้น เมื่อเล็งเป้าหมายแล้วก็จะไม่ยอมเลิกรา ทำให้ดึงดูดวิญญาณอาวุธมาที่พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ และพวกมันก็ไม่สามารถล้มเป้าหมายของพวกมันได้ จึงยิ่งเป็นการดึงกำลังรบออกมามากขึ้น
เมื่อวิญญาณมนุษย์เห็นวิญญาณอาวุธต่อสู้อย่างไม่ฉลาด ก็อยากจะด่าแม่พวกมันเหลือเกิน แต่สถานการณ์ตอนนี้ทำให้พวกเขาไม่สามารถพูดจารุนแรงกับวิญญาณอาวุธได้ จึงได้แต่ด่าทอพันธมิตรของตัวเองที่โง่เหมือนหมูอยู่เงียบๆ ขณะที่ยืนหยัดต่อต้านวิญญาณสัตว์อสูรต่อไป
อันที่จริง เมื่อเทียบกับวิญญาณอาวุธแล้ว วิญญาณสัตว์อสูรเหมาะที่จะเป็นพันธมิตรกว่ามาก นั่นคือเสียงร้องที่ดังขึ้นในใจของวิญญาณมนุษย์ทุกคน!
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น
อูจิ่วถูกน่าหลานเยว่รั้งเอาไว้ ไม่สามารถเข้าสู่สนามรบใหญ่ได้
ความจริงแล้วพลังของน่าหลานเยว่นั้นด้อยกว่าอูจิ่ว แต่ครั้งนี้ใจของน่าหลานเยว่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและความแค้นอย่างเปี่ยมล้น มุ่งมั่นตั้งใจที่จะต่อสู้จนตัวตาย ทุกกระบวนท่าคือการรุกเข้าโจมตีโดยไม่มีการป้องกันตัวเลย ไม่สนใจว่าร่างกายจะบอบช้ำและบาดเจ็บเพียงใดจากการโจมตีของอูจิ่ว ไฟที่ลุกโชติช่วงในดวงตาของเขาไม่มีมอดลงเลย กลับยิ่งโหมกระหน่ำรุนแรงขึ้นจากความเจ็บปวด ผลักดันให้เขาโจมตีอย่างบ้าคลั่งขึ้นไปอีก
คนที่ไม่คำนึงถึงชีวิตตน กับคนที่พะว้าพะวังห่วงนั่นห่วงนี่ ย่อมสร้างความแตกต่างได้มากมายจากความคิดที่ต่างกันนั้น
“น่าหลานเยว่ เจ้าช่างรนหาที่ตายจริงๆ! ข้ากับเจ้าเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันมาหลายปี ข้าถึงได้ปราณีเจ้ามาตลอด แต่เจ้ายังไม่รู้จักดีชั่ว อยากให้ข้าฆ่าเจ้าจริงๆใช่ไหม!” อูจิ่วโกรธน่าหลานเยว่มากขึ้นเรื่อยๆ แววตาของเขาค่อยๆทวีความโหดร้ายมากขึ้น เขาไม่อยากเสียเวลาไปกับเจ้าโง่น่าหลานเยว่ แต่น่าหลานเยว่ก็ขวางเขาไว้แบบสู้ตาย ไม่สามารถสลัดหลุดได้เลย
“เก็บคำโกหกหลอกลวงของเจ้าไว้เถอะ อูจิ่ว ข้ารู้แล้วว่าเจ้าเป็นคนแบบไหน ข้าจะไม่เชื่อคำพูดเจ้าแม้แต่คำเดียว เจ้าลวงอาจารย์ทำลายชื่อบรรพบุรุษ กระทำความผิดที่ไม่อาจอภัยให้ได้ ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไป วันนี้ไม่ข้าฆ่าเจ้า ก็เป็นเจ้าฆ่าข้า ไม่มีหนทางที่สามเด็ดขาด!”
ร่างกายของน่าหลานเยว่เต็มไปด้วยบาดแผล แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คู่มือของอูจิ่ว แต่เขาก็ยังไม่ยอมถอยแม้แต่ครึ่งก้าว ไม่ต้องพูดถึงความเกลียดชังระหว่างเขากับอูจิ่ว แค่สถานการณ์ในตอนนี้ เขาก็รู้ว่าเขาจะปล่อยให้อูจิ่วเข้าร่วมการต่อสู้ไม่ได้เด็ดขาด
พลังของอูจิ่วดูเหมือนจะเหนือกว่าครูวิญญาณในช่วงที่แข็งแกร่งที่สุดซะอีก ถ้าปล่อยให้อูจิ่วปรากฏตัวในสนามรบได้ ไม่รู้ว่าเขาจะทำการสังหารไปมากเพียงใด!
“ไอ้คนหัวรั้น! งั้นข้าก็จะให้เจ้าสมปรารถนา!” อูจิ่วพูดอย่างดุร้าย เปลวไฟแห่งพลังวิญญาณที่ปกคลุมทั่วร่างเขาพลันขยายตัวขึ้นทันที!