บทที่ 698 ข้าตั้งความหวังกับเจ้าไว้สูง

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

ราชาทูตสวรรค์เมแคนทรอน วาดมือเป็นรูปไม้กางเขนก่อนที่จะพูดอย่างจริงจังว่า “พระสันตปาปาไวเค็นขโมยอำนาจของพระเจ้าในตอนที่พระเจ้าหลับใหล ตอนนี้ข้ากำลังมองหานักบุญผู้เคร่งศาสนาเพื่อที่จะเป็นผู้ตัดสินผู้ที่ดูหมิ่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!”

ร่างของราชาทูตสวรรค์ล้อมรอบไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์และปีกสิบแปดคู่ที่กางสยายเต็มห้องจนทำให้เกิดภาพที่ศักดิ์สิทธิ์นี้

“ไวเค็น?” เคลเมนต์ก้าวถอยหลังออกจากอ้อมกอดของปีกทั้งสามสิบหกปีก ในที่สุด ราชาทูตสวรรค์ก็เชื่อว่าศาสนจักรที่ชักนำโดยเจ้าแห่งหายนะ ไวเค็นใช้ไหม?

เมื่ออีวาน เฟลิกซ์ จีโนและนักบุญคนอื่น ๆ ที่อยู่รอบ ๆ ปรมาจารย์แห่งหัตถ์ไร้ชีวา วิลเฟรด พวกเขาได้ค้นพบรอยแยกของโลกแห่งวิญญาณโดยบังเอิญ และได้เรียนรู้ความลับส่วนหนึ่งของพระเจ้าแห่งสัจธรรม และพระสันตปาปาจากอสุรกายระดับตำนานเช่น ราชันเทพอสูร-ลิช อีกทั้งพวกเขายังปล้นสะดมจากอารามแห่งวิญญาณ และเรียนรู้วิธีการขโมยพลังของเทพเจ้ามากมาย

ดังนั้นพวกเขาจึงแอบปลอมเป็นฝ่ายพันธมิตร และทรยศต่อพระสันตะปาปาในระหว่างการประชุมเทววิทยาสูงสุด โดยกล่าวหาว่าเขาเป็นศูนย์รวมของเจ้าแห่งนรก หลังจากนั้นพวกเขาก็แบ่งศาสนจักรสำเร็จ ไวเค็นได้ส่งอีวาน และคนอื่น ๆ ไปตามล่าวิลเฟรดเพียงเพราะเขาเชื่อว่าวิลเฟรดที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการเดินทางไปยังโลกแห่งวิญญาณ แต่เขามีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับพระเจ้าจอมปลอม และยังไม่ล่วงรู้ความลับของเขา มิฉะนั้นเขาจะตัดสินใจฆ่าศัตรูด้วยตัวเอง

อย่างไรก็ตาม ในบางช่วงเวลาปรมาจารย์แห่งหัตถ์ไร้ชีวาผู้เป็นตำนานของสำนักเวทมนตร์ก็ได้ผูกมิตรกับอสุรกายระดับตำนานของโลกแห่งวิญญาณอยู่บ้าง นั้นเป็นผลที่ทำให้แผนการที่สมบูรณ์แบบของไวเค็นมีข้อบกพร่อง และศาสนจักรก็ถูกแบ่งแยกออกไปซึ่งนั้นเป็นการเปิดโอกาสให้ดักลาสจัดตั้งสภาแห่งเวทมนตร์ขึ้นมาได้

ในระหว่างความพยายามของอีวาน และเฟลิกซ์ พวกเขาพยายามติดต่อกับราชาทูตสวรรค์โดยหวังว่าจะเกลี้ยกล่อมให้ราชาทูตสวรรค์อยู่เคียงข้างพวกเขา ด้วยวิธีนี้อำนาจของพระสันตะปาปาจะถูกสั่นคลอนอย่างสมบูรณ์ แต่อย่างไรก็ตามเมแคนทรอนปฏิเสธที่จะยอมรับว่าพระสันตะปาปาคือ ไวเค็น และเขายังคงสนับสนุนศาสนจักรทางใต้ต่อไป

ดังนั้นในขณะที่ศาสนจักรเหนือนั้นดีพอ ๆ กับศาสนจักรใต้ในแง่ของพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ถูก ‘พระเจ้าแห่งสัจธรรม’ มอบให้ เพราะพวกเขาไม่สามารถอัญเชิญทูตสวรรค์ในระดับเซราฟหรือใช้ความแข็งแกร่งระดับนี้ได้!

“ใช่ ครั้งหนึ่งข้าเคยหลงกลเขา แต่การสำรวจโลกแห่งจิตวิญญาณของสภาได้เปิดโปงความลับของเขาอย่างสมบูรณ์ ข้าต้องปกป้องพระสิริของพระเจ้าเมื่อพระองค์ทรงหลับใหล” เมแคนทรอนกล่าวประกาศอย่างน่าสงสาร

“การสำรวจโลกแห่งจิตวิญญาณของสภา…” เคลเมนต์ตกใจมาก เขาได้เรียนรู้เรื่องราวของ ‘พระเจ้าแห่งสัจธรรม ธานอส และพระสันตะปาปาไวเค็น’ ที่สภาแห่งเวทมนตร์เผยแพร่ผ่านช่องทางต่างๆ

ในขณะที่เรื่องนี้เป็นเรื่องตลกสำหรับหลาย ๆ คน แต่ในฐานะผู้ที่สืบทอดพลัง และความรู้ของนักบุญจีโน และผู้ที่ร่วมมือกับเจ้าแห่งนรกอย่างลับๆ เคลเมนต์ตกใจมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้เพราะเห็นด้วยกับข้อมูลที่เขารู้ และมีรายละเอียดที่น่าเชื่อมากขึ้น ดังนั้นเขาต้องยอมรับว่าสภาเวทมนตร์ทำเงินได้มากจากการผจญภัย!

ตอนนี้ราชาทูตสวรรค์ยังต้องยอมรับว่าการสำรวจของสภาเวทมนต์ได้ไปสัมผัสกับแกนของความลับเสียแล้ว?

ที่สำคัญที่สุดจากเรื่องราวของสภาเวทมนต์ก็คือ เมแคนทรอนเป็นร่างอวตารของ ‘พระเจ้าแห่งสัจธรรม’ และการทำให้พระองค์ฟื้นขึ้นมาขึ้นอยู่กับเขา ดังนั้นเมแคนทรอนจึงเป็นรองเพียงสวรรค์ และเป็น ‘พระเจ้าแห่งสัจธรรมขั้นต้น’!

เป็นเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมเขาถึงเชื่อว่าพระสันตะปาปาคือไวเค็น?

ความคิดมากมายผุดขึ้นในใจของเคลเมนต์มากมาย ในที่สุดเมื่อเข้าใจถึงความโลภเขาจึงได้กล้าพูดต่อไปว่า “ราชาทูตสวรรค์ผู้ทรงเกียรติ การมาถึงของท่านหมายความว่าท่านได้รับรู้ถึงความจงรักภักดีของข้า และการสนับสนุนของข้าที่มีต่อพระเจ้าใช้หรือไม่”

“ ใช่ เจ้าเป็นผู้ศรัทธาที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมากกว่าที่เบลคอฟสกีเป็น” ใบหน้าเปี่ยมเมตตาของเมแคนทรอน เต็มไปด้วยคำชม “ข้ามีเอกสารคัดลอกของ ‘คัมภีร์แห่งศีลธรรม’ ที่บันทึกความลับของมนุษย์ครึ่งเทพไว้ ข้าบอกได้ว่าเจ้ามีจิตใจที่สูงส่ง และการกระทำของเจ้าก็ตรงกับคำสอนของพระเจ้า อีกทั้งเจ้ายังมุ่งมั่น และเต็มใจที่จะเสียสละ ดังนั้นข้าจึงวางแผนที่จะมอบมันให้กับเจ้าเพื่อที่เจ้าจะได้แข็งแกร่งพอที่จะปกป้องพระสิริของพระเจ้า และลงโทษคนบาปไวเค็น!

หลังจากหยุดช่วงสั้น ๆ หนังสือทองคำก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา “เคลเมนต์ เจ้าต้องการไหม เจ้าต้องการทำภารกิจที่ยากลำบากนี้หรือไม่?”

ความลับของมนุษย์ครึ่งเทพ? ความลับที่ดีกว่าวิธีส่งต่อพลังที่พวกเขารู้? เคลเมนต์รู้สึกว่าเขาหายใจหนักขึ้น เขาร่วมมือกับเจ้าแห่งนรกเท่านั้นเพื่อที่จะได้รับความลับของมนุษย์ครึ่งเทพจากเขา แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าแห่งนรกก็เป็นมนุษย์ครึ่งเทพที่เกิดตามธรรมชาติ เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเป็น ในทางกลับกันธานอส และไวเค็นที่เป็นคนธรรมดามาก่อนก็มีหลักฐานชัดเจนว่าพวกเขาได้เติบโตขึ้นเป็นมนุษย์ครึ่งเทพ!

แต่ในกรณีนี้ ความลับของมนุษย์ครึ่งเทพมีอยู่ในคัมภีร์แห่งศีลธรรมหรือไม่?

เมื่อชั่งน้ำหนักคำพูดของเขาแล้ว เคลเมนต์ก็อดกลั้นความตื่นเต้น และความโลภของเขาเอาไว้ จากนั้นเขากล่าวว่า “ข้าเต็มใจที่จะปกป้องพระสิริของพระเจ้า แต่ไวเค็นกลายเป็นปีศาจหลังจากขโมยพลังของพระเจ้า และแข็งแกร่งเกินไป การเสียสละเป็นสิ่งสำคัญ แต่การเสียสละโดยไม่จำเป็นนั้นไม่มีความหมาย ข้าสามารถสัญญาด้วยหัวใจแห่งศรัทธาว่าเมื่อข้าแข็งแกร่งเทียบเท่าไวเค็น ข้าจะปกป้องเกียรติของพระเจ้า และลงโทษไวเค็นผู้บาปหนาด้วยชีวิตของข้า”

ถ้าท่านต้องการให้ข้าร่วมมือกับท่าน ก็ต้องให้ข้ากลายเป็นมนุษย์ครึ่งเทพด้วยคัมภีร์แห่งศีลธรรมซะก่อน!

จิ้งจอกเฒ่าอย่างเขาจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่ได้ของตอบแทน

เมแคนทรอนโยนหนังสือทองคำให้กับเคลเมนต์ “ข้าพอใจกับคำตอบของเจ้า”

เมื่อหยิบหนังสือขึ้นมา จักรวาลวายป่วงก็เปิดดูอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจว่าเมแคนทรอนจะยังอยู่หรือไม่ ยิ่งอ่านเขาก็ยิ่งตื่นเต้น เนื่องจากความยากลำบากในการขโมยพลังแห่งศรัทธา และส่งต่อพลัง อัตราการเปลี่ยนแปลงจึงต่ำมากและบรรดานักบุญของศาสนจักรทางเหนือพยายามปรับเปลี่ยนวิธีการต่างๆ แต่ทันทีที่เขาเห็นคัมภีร์แห่งศีลธรรมความยากลำบากเหล่านั้นดูเหมือนจะไม่มีอีกแล้วเพราะหนังสือเล่มนี้ได้ชี้ให้เห็นถึงที่มาของพวกเขา!

ยิ่งอ่านเขาก็ยิ่งตื่นเต้น เขารู้สึกว่าคัมภีร์แห่งศีลธรรมมีความลับของมนุษย์ครึ่งเทพอยู่

“ก่อนที่เจ้าจะจัดการกับไวเค็น ข้ามีภารกิจให้เจ้านิดหน่อย” เมแคนทรอนพูดด้วยเสียงเบา “ที่แกนกลางของ ‘จักรวาลวายป่วง’ ที่ชั้น 555 ของอเวจีมีวัสดุระดับตำนานที่เรียกว่า ‘แผ่นกาลเวลา’ เราต้องเอามันมาให้ข้า แล้วข้าจะตอบแทนเจ้าในภายหลัง”

“จักรวาลวายป่วงหรือ?” เคลเมนต์ถามด้วยความสับสน เขากังวลว่าราชาทูตสวรรค์จะมอบภารกิจที่อันตรายให้กับเขา แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรเลยเพราะนี่เป็นการเดินทางสู่อเวจีเพื่อหาวัตถุดิบระดับตำนาน?

เมแคนทรอนอธิบายเกี่ยวกับจักรวาลวายป่วงให้กับเขา และกล่าวในตอนท้ายว่า “คำทำนายของข้าบอกว่า ‘ผู้บัญชาอะตอม’ ลูเซียน อีวานส์ต้องการวัสดุที่เกี่ยวกับห้วงอวกาศระดับตำนาน และเรียนรู้เรื่อง ‘แผ่นกาลเวลา’ จากเอลฟ์ ดังนั้นระวังไว้ เพราะเขาอาจไปที่จักรวาลวายป่วงด้วย”

“แน่นอนครับท่าน” เคลเมนต์รู้สึกโล่งใจไม่มากก็น้อย ลูเซียน อีวานส์อยู่ระดับไล่เลี่ยกับเขา แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเอาชนะได้ แต่เขาก็สามารถหลบหนีได้เสมอ ระหว่างพวกเขาไม่มีความขุ่นเคืองใจต่อกัน หากตกอยู่ในอันตรายเขาสามารถโยนแผ่นกาลเวลาออกไปได้เสมอ ลูเซียน อีวานส์จะไม่ไล่ตามเขาอย่างแน่นอน

ที่สำคัญกว่านั้นคือตราบใดที่เขาถ่วงเวลาได้ เขาก็สามารถอ้างสิทธิความเป็นเจ้าของแผ่นกาลเวลาได้เร็วกว่า ลูเซียน อีวานส์ และพวกเขาก็จะไม่ได้พบกันอีกเลย

ราชาทูตสวรรค์ยิ้มด้วยความพึงพอใจ ร่างของเขาแตกกระจายเป็นเทวดาตัวเล็ก ๆ นับไม่ถ้วนที่กำลังร้องเพลงสรรเสริญ และอธิษฐาน ไม่นานนักในที่สุดเทวดาตัวเล็ก ๆ เหล่านี้ก็หายไป

ภายในป้อมปราการเยือกแข็งบนชั้นที่ 666 ของอเวจี

กอนไฮล์ม เดโมกอร์กอนแห่งความมืด มองไปที่ความว่างเปล่าตรงหน้าเขาด้วยรอยยิ้มที่คลุมเครือ และถือบัลลังก์สีดำด้วยมือขวา

บัลลังก์สร้างจากอัญมณีสีสลัวมายา นิ้วยาวๆ ของกอนไฮล์มเต้นรำระบำอยู่บนบัลลังก์ราวกับว่ากำลังเล่นดนตรี วี่แววแห่งความโกลาหลผุดออกมาจากเล็บมือดำๆ ของเขา

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หัวเราะเบา ๆ และความว่างเปล่าตรงหน้าเขาก็จะแยกออกเป็นมหาสมุทรแมกมาที่กำลังเดือดพล่านไม่หยุดอย่างไร้ขอบเขต!

“เจ้าเพลิงน้อย…” กอนไฮล์มเรียกด้วยน้ำเสียงล้อเลียน

ฮู กระแสน้ำวนปรากฏขึ้นเหนือหินหนืด และปีศาจเปลวไฟขนาดมหึมาก็ลุกขึ้นยืน “กอนไฮล์มอย่าทดสอบความอดทนของข้า”

ความร้อนอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมาจนดูเหมือนกับจะหลอมละลายทุกสิ่ง!

เขาเป็นเจ้าแห่งเพลิงบรรพกาล และเป็นผู้ครอบครอง ‘ทะเลเดือด’ ชั้นที่ 554 ของอเวจี เขาเป็นอสูรระดับตำนานขั้นสาม

“ข้าจะเรียกเจ้าได้อย่างไรในเมื่อเจ้าวุ่นวายเกินกว่าจะมีชื่อ? ในฐานะเจ้าชายปีศาจคนใหม่ เจ้าคิดว่าข้าจะเรียกเจ้าว่า ‘เจ้าแห่งเพลิง’ หรือไง?” เดโมกอร์กอนแห่งความมืดคลี่ยิ้ม “ถ้าเจ้าไม่ชอบให้ข้าเรียกว่าเจ้าเพลิงน้อย งั้น เจ้าแดงน้อย เจ้าเปลวไฟน้อย หรือเจ้าปีศาจน้อยล่ะ?”

ฮูววว แมกมาปะทุขึ้นจากมหาสมุทรเปลี่ยนมิติพิเศษให้กลายเป็นโลกแห่งไฟ เจ้าแห่งเพลิงบรรพกาลดูเหมือนจะโกรธจัด!

“เอาล่ะ ข้าเรียกหาเจ้าเพียงเพื่อบอกเจ้าว่านักเวทระดับตำนานจะเข้าสู่จักรวาลวายป่วงผ่าน ‘ทะเลเดือด’ ของเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะหยุดเขาได้สักพัก” โดยไม่ต้องกระตุ้นเจ้าแห่งเพลิงบรรพกาลอีกต่อไป กอนไฮล์มเริ่มพูดถึง ‘ธุรกิจ’

‘เจ้าแห่งเพลิง’ คำราม “ข้าต้องให้เจ้าเตือนหรือไง? ข้าจะไม่ปล่อยให้สิ่งมีชีวิตหน้าไหนผ่าน ‘ทะเลเดือด’ ไปได้!”

มีเพียงสองวิธีที่ซ่อนอยู่ในการเข้าสู่จักรวาลวายป่วงเท่านั้น วิธีแรกคือไปถึงจุดสิ้นสุดของทะเลเดือด และอีกทางหนึ่งคือขอความช่วยเหลือจากเจ้าชายปีศาจ

หลังจากความว่างเปล่าถูกปิด กอนไฮล์มก็ส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้ม

แคทรีนายืนอยู่ต่อหน้าลูเซียน ภายในสถาบันอะตอม

“ท่านอาจารย์ ข้ายอมรับภารกิจบังคับที่ให้ไปที่จักรวรรดิชาชราน ข้าได้มอบหมายงานของในสถาบันให้กับผู้ช่วยของข้าแล้ว เลย์เรียอยู่ที่นี่จะไม่มีอะไรผิดพลาด” แคทรีนา ‘กล่าวลา’

ในฐานะสมาชิกของสภาสูงสุด ลูเซียนไม่มีนิสัยชอบแหกกฎ ดังนั้นนักเรียนของเขาจึงต้องปฏิบัติภารกิจบังคับมาโดยตลอด

“จักรวรรดิชาชราน?” ลูเซียนถามอย่างครุ่นคิด

“ใช่ เหตุการณ์ที่เกิดจากการบูชาปีศาจเกิดขึ้นในเมืองทางตอนเหนือของจักรวรรดิชาชราน นักเวทระดับต่ำของสภามีส่วนเกี่ยวข้อง และถูกสังหาร ดังนั้นคณะกรรมการกิจการจึงขอให้ข้าไปตรวจสอบ” แคทรีนาก้มศีรษะลง ผมสีทองของเธอปลิวไสว “อันที่จริง ข้าเป็นคนในพื้นที่ด้วย ข้าโตมาทางตอนใต้ของจักรวรรดิ ข้าคิดว่าหากมีโอกาสก็จะกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดด้วย”

ในครอบครัวของนางมีเพียงพ่อ แม่ เท่านั้นที่มากับนาง

ลูเซียนพยักหน้า “ต้องใส่ใจกับความปลอดภัยของเจ้า เมื่อมีอะไรเกิดขึ้น ข้าต้องการให้เจ้าทำเพื่อข้า หลังจากที่เจ้าทำภารกิจเสร็จแล้ว เจ้าจงไปที่ดูมิวท์ และวางสิ่งนี้ไว้ด้านนอกวิหารของไฮต์ ‘พระเจ้าแห่งช่างฝีมือ’ ถ้าจะบอกที่อยู่ให้เจ้าในภายหลัง”

“ไม่มีปัญหาค่ะ อาจารย์” แคทรีนารับภารกิจจากอาจารย์อย่างมีความสุข นับตั้งแต่ได้รู้จักกับอาจารย์ของพวกเขา นักเรียนก็แทบไม่ได้ให้ความช่วยเหลือใด ๆ กับเขาเลย แม้ว่าพวกเขาจะมีผลิตภัณฑ์การวิจัยที่เป็นประโยชน์สำหรับอาจารย์ แต่ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นก็ไม่สามารถสำเร็จได้หากปราศจากการจัดการ และคำแนะนำของอาจารย์

หลังจากแคทรีนาจากไป ลูเซียนก็กลับไปที่สถาบันอะตอม เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมในการไปจักรวาลวายป่วง

………………………………….