บทที่ 1609 สามวิธี

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1609 สามวิธี

 

มิติช่องว่างจักรพรรดิ สวรรค์สีแดงน้อย

 

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนดึงดูดความสนใจของอสูรปีจํานวนนับไม่ถ้วน

 

“โฮก…”

 

อสูรปีบรรพกาลและอสูรปีเดียวดายยืนเคียงข้ามกันและคํารามด้วยความดุร้าย

 

ครู่ต่อมาอสูรประกาแรกกําเนิดก็ปรากฏตัวขึ้นขณะที่อสูรปีบรรพกาลและอสูรปีเดียวดายเร่งเปิดทางให้มัน

 

อสูรปีระกาแรกกําเนิดมาถึงด้านหน้าร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาและก้มศีรษะลง

 

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มและลูบมงกุฏสีแดงสดบนศีรษะของอสูรประกาแรกกําเนิด จากนั้นเขาก็สะบัดแขนเสื้อส่งวิญญาณประดับมนุษย์จํานวนมากออกไป

 

อสูรประกาแรกกําเนิดอ้าปากกว้างและดูดกลืนวิญญาณปีเกือบทั้งหมด เข้าไปในท้องของมันมีวิญญาณปีเพียงไม่กี่ดวงที่กระจายไปรอบๆ นั่นทําให้ฝูงอสูรปีเริ่มต่อสู้เพื่อ แย่งชิงพวกมัน

 

อสูรประกาแรกกําเนิดมีความสุขที่ได้รับอาหารแต่มันยังไม่พอใจ มันมองร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนด้วยดวงตาส่องประกาย

 

ฟางหยวนสะบัดแขนเสื้อซ้ำแล้วซ้ำอีก วิญญาณที่กระจัดกระจายออกไปราวกับสายฝน

 

ครั้งนี้มีวิญญาณปีเพียงพอสําหรับกองทัพอสูรปีทั้งหมด ดังนั้นพวกมันจึงเต็มไปด้วยความสุข

 

หลังจากไม่นานกองทัพอสูรปรวมถึงอสูรประกาแรกกําเนิดก็กินอาหารจนอิ่มและเริ่มทิ้งตัวลงนอนพักผ่อน

 

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลากวาดตามองไปรอบๆ พยักหน้า และบินจากไป

 

สวรรค์สีแดงน้อยกลายเป็นที่อยู่ของกองทัพอสูรปี นี่เป็นกองทัพที่สามที่ฟางหยวนเลี้ยงไว้

 

ไม่นานมานี้ฟางหยวนใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะปีแห่งความตายเพื่อต่อต้านกลุ่มผู้อมตะภาคใต้อย่างไร้ปรานี นอกจากจับกุมพวกเขา การต่อสู้ที่ดุเดือดยังทําให้ฟางหยวนได้รับอสูรปีแรกกําเนิดมาถึงเจ็ดตัว

 

สิ่งที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงก็คือมีอสูรประกาแรกกําเนิดสามตัว อีกสี่ตัวเป็นอสูรปีขาลแรกกําเนิด อสูรปีมะโรงแรกกําเนิด อสูรปีเถาะแรกกําเนิด และอสูรปีมะเมียแรกกําเนิด

 

ในสายธารแห่งกาลเวลา ทุกๆปีจะมีอสูรปีแรกกําเนิดบางชนิดถือกําเนิดขึ้นมากกว่าอสูรบีชนิดอื่น ปัจจุบันเป็นช่วงเวลาของอสูรประกาแรกกําเนิด

 

อย่างไรก็ตามแม้ฟางหยวนจะมีอสูรปีแรกกําเนิดเจ็ดตัว แต่ความแข็งแกร่งของอสูรปีแรกกําเนิดแต่ละตัวไม่เท่ากัน อสูรปีแรกกําเนิดทั้งเจ็ดตัวอ่อนแอกว่าอสูรปีวอกแรกกําเนิด น่าเสียดายที่อสูรปีวอกแรกกําเนิดตายไปแล้วในสนามรบ

 

แน่นอนว่าหากอสูรปีแรกกําเนิดทั้งเจ็ดตัวรวมพลังกัน พวกมันจะดุร้ายกว่าอสูรปีวอกแรกกําเนิดเพียงตัวเดียว

 

มีความแตกต่างด้านพลังการต่อสู้ระหว่างอสูรปีแรกกําเนิดแต่ละชนิด สิ่งนี้แตกต่างจากผู้อมตะระดับแปด

 

ฟางหยวนให้อาหารอสูรเหล่านี้และคิด ค่าอาหารของอสูรปีเพิ่มขึ้นหลายเท่า หากไม่ใช่เพราะหินวิญญาณอมตะที่ข้าขูดรีดมาในครั้งนี้ ข้าคงไม่สามารถให้อาหารพวกมัน”

 

ยิ่งอสูรประดับสูงเท่าใด ความอยากอาหารของพวกมันก็ยิ่งมากเท่านั้น และอาหารของอสูรปีก็คือวิญญาณปี

 

ฟางหยวนต้องใช้วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ําสร้างวิญญาณประดับม นุษย์จํานวนนับไม่ถ้วนขึ้นมาเพื่อเติมเต็มความหิวโหยของอสูรปีเหล่านี้

 

การกระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ําระดับแปดต้องใช้ลูกพลัมแดงอมตะของฟางหยวน

 

ค่าใช้จ่ายของฟางหยวนในการให้อาหารอสูรเหล่านี้ไม่ใช่เล็กน้อยโดยเฉพาะการคงอยู่ของอสูรปีแรกกําเนิดเจ็ดตัวที่เป็นภาระที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฟางหยวน

 

ตอนนี้ภูเขาตงอันฟื้นตัวขึ้นแปดสิบส่วนแล้ว มันสามารถผลิตวิญญาณความเด็ดเดี่ยวได้พอสมควร สถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายมากนัก ข้าเพียงต้องรออีกสักพักเท่านั้น”

 

“เมื่อภูเขาตงฮันฟื้นตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ ภาระที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้าจะเหลือเพียงกองทัพอสูรปีเหล่านี้”

 

ฟางหยวนต้องให้อาหารอสูรปทุกช่วงเวลาหนึ่ง การสร้างวิญญาณปด้วยวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ําเป็นวิธีที่ประหยัดที่สุดแต่มันยังมีค่าใช้จ่ายมหาศาล

 

ฟางหยวนไม่สามารถละทิ้งกองทัพอสูรปีเหล่านี้เพราะเขาต้องเตรียมตัวรับมือการต่อสู้ในสายธารแห่งกาลเวลาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้นเขาจึงต้องแก้ปัญหาเรื่องอาหารให้กับพวกมัน

 

ในความเป็นจริงปัญหาไม่ได้มาจากกองทัพอสูรปีเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงฝูงอินทรีย์อีกด้วย

 

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนสะกดข่มอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดโดยพึ่งพาฝูงอินทรีย์จํานวนมาก การให้อาหารนกอินทรีย์เหล่านี้ก็เป็นภาระเช่นกัน

 

หากเขาต้องการให้พวกมันดูแลตัวเองในมิติช่องว่างจักรพรรดิ เขาต้องใช้เงินทุนมหา ศาลเพื่อสร้างห่วงโซ่อาหารที่สมบูรณ์แบบ

 

ปลาใหญ่กินปลาเล็กและปลาเล็กกินกุ้ง

 

การสร้างห่วงโซ่อาหารที่เหมาะสมเป็นรูปแบบหนึ่งของการทําความเข้าใจสวรรค์พิภพ

 

แต่เปรียบเทียบกับฝูงอินทรีย์ จํานวนของฝูงอสูรที่มีขนาดใหญ่กว่ามาก ดังนั้นปัญหาของพวกมันจึงต้องได้รับการจัดการเป็นอันดับแรก

 

ด้วยลักษณะเฉพาะตัวของอสูรปี การสร้างห่วงโซ่อาหารที่สมบูรณ์แบบให้กับพวกมันจึงง่ายกว่า

 

ฟางหยวนมีมรดกที่แท้จริงมากมาย เขามีหลายวิธีที่สามารถจัดการปัญหานี้

 

ปัจจุบันเขาต้องเลือกหนึ่งในสามวิธี

 

วิธีแรกคือการสร้างสระแก่นแท้ปี

 

สระแก่นแท้ปีอาจถูกมองว่าสายธารแห่งกาลเวลาขนาดย่อม มันคือการจําลองสภาพ แวดล้อมของสายธารแห่งกาลเวลาเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของอสูรปี

 

สระแก่นแท้ปีอาจใหญ่หรือเล็ก มันถูกแบ่งออกเป็นระดับหก ระดับเจ็ด และระดับแปด

 

ข้อดีของวิธีนี้คือช่วยประหยัดพื้นที่ นอกจากนั้นเมื่ออสูรที่อาศัยอยู่ที่นี่ มันจะผลิตวิญญาณปีออกมาจํานวนหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไปมันจะให้กําเนิดวิญญาณบนเส้นทางแห่งกาลเวลาชนิดอื่นๆและกลายเป็นสายธารแห่งกาลเวลาขนาดย่อม

 

ข้อเสียของมันคือค่าใช้จ่ายที่สูงจนไร้เหตุผล เพียงการสร้างสระแก่นแท้ประดับหกก็ต้องใช้หินวิญญาณอมตะนับล้านก้อน

 

สระแก่นแท้ประดับเจ็ดยิ่งยากกว่า มันต้องการทรัพยากรอมตะจํานวนมาก สระแก่นแท้ประดับหกสามารถสร้างได้หากคนผู้หนึ่งมีความมั่งคั่งเพียงพอ แต่สระแก่นแท้ประดับเจ็ดไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถสร้างได้ด้วยหินวิญญาณอมตะเท่านั้น

 

สําหรับฟางหยวน เขาต้องสร้างสระแก่นแท้ประดับแปดเพื่อเป็นที่อยู่ของอสูรูปีแรกกํา เนิดทั้งเจ็ดตัว!

 

วิธีที่สองคือปีทองแห่งจันทร์

 

นี่คือคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ด มันไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเหมือนคฤหาสวิญญาณอมตะทั่วไป เมื่อมันถูกสร้างขึ้น มันจะกลายเป็นดวงจันทร์ที่สว่างไสวลอยอยู่บนท้องฟ้าของแดนศักดิ์สิทธิ์

 

คฤหาสน์วิญญาณอมตะปีทองแห่งจันทร์สามารถเก็บอสูรปีจํานวนมากและทําให้พวกมันเข้าสู่การจําศีล ด้วยวิธีนี้ความอยากอาหารของพวกมันจะลดลงอย่างมาก

 

ข้อดีของวิธีนี้คือคฤหาสน์วิญญาณอมตะสามารถดึงความแข็งแกร่งของอสูรปีเหล่านั้นออกมาใช้งานโดยไม่ต้องพึ่งพาพลังงานอมตะของฟางหยวน นี่หมายความว่าฟางหยวนจะสามารถใช้งานอสูรปีได้อย่างเต็มที่และไม่จําเป็นต้องให้อาหารพวกมัน

 

ข้อเสียของวิธีนี้ชัดเจนมาก

 

ประการแรก การสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดต้องใช้วิญญาณอมตะบนเส้นทาง แห่งกาลเวลาจํานวนมากแต่ฟางหยวนต้องการใช้วิญญาณอมตะเหล่านี้เพื่อป้องกันตัวเอง

 

ประการที่สอง คฤหาสน์วิญญาณอมตะปีทองแห่งจันทร์ไม่สามารถช่วยฟางหยวนต่อสู้ในสายธารแห่งกาลเวลา

 

ประการที่สาม คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้พึ่งพาความแข็งแกร่งของอสูรปี หากพลังงานของพวกมันถูกดึงออกมาตลอดเวลา พวกมันจะตายในที่สุด ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของพวกมันจะถูกใช้จ่าย ศพของพวกมันจะกลายเป็นไร้ค่า

 

ประการสุดท้าย เมื่ออสูรปิถูกปลุกให้ตื่นขึ้น ความอยากอาหารของพวกมันจะมากกว่าปกติ

 

วิธีที่สามคือค่ายกลวิญญาณอมตะสนามรบสิบสองราศี

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะสนามรบสิบสองราศีต้องใช้อสูรปีแรกกําเนิดสิบสองชนิดเป็นแกนกลาง

 

วิธีนี้สามารถใช้ในการต่อสู้ มันแตกต่างจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะปีทองแห่งจันทร์อย่างสิ้นเชิง แม้มันจะเป็นค่ายกลวิญญาณอมตะขนาดใหญ่ แต่มันสามารถเคลื่อนย้าย

 

ในช่วงเวลาที่ไม่ได้ใช้งาน อสูรปีแรกกําเนิดจะถูกผนึกและกลายเป็นรูปปั้น พวกมันจะไม่เคลื่อนไหวและไม่ต้องการอาหาร เมื่อเข้าสู่การต่อสู้พวกมันจะถูกปลดปล่อยและร่วมมือกันโจมตีศัตรู

 

เห็นได้ชัดว่าค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ไม่ใช่ค่ายกลวิญญาณอมตะของยุคปัจจุบัน ค่ายกลวิญญาณอมตะยุคปัจจุบันจะใช้วิญญาณอมตะเป็นแกนกลาง แต่ค่ายกลวิญญาณอมตะสนามรบสิบสองราศีใช้อสูรปีแรกกําเนิดเป็นแกนกลาง

 

ข้อดีของวิธีนี้คือช่วยประหยัดค่าอาหาร

 

แต่ข้อเสียของมันคือต้องใช้อสูรปีแรกกําเนิดเท่านั้น ฟางหยวนจะไม่สามารถสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะสนามรบสิบสองราศีหากเขาใช้อสูรปีเดียวดายหรืออสูรบีบรรพกาล

 

หากฟางหยวนต้องการร้างค่ายกลวิญญาณอมตะสนามรบสิบสองราศี เขาต้องค้นหาอสูรปีแรกกําเนิดมากขึ้นและต้องเป็นอสูรปีแรกกําเนิดต่างชนิดกันอีกด้วย

 

งานรวบรวมอสูรปีแรกกําเนิดสิบสองชนิดนอกจากต้องพึ่งพาความแข็งแกร่ง มันยังต้องพึ่งพาโชค นี่เป็นงานที่ยากลําบากและต้องใช้เวลานาน

 

ฟางหยวนคิดอย่างถี่ถ้วนและตัดสินใจเลือกวิธีแรก

 

แม้วิธีแรกจะมีค่าใช้จ่ายมหาศาลแต่มันก็นํามาซึ่งผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน

 

“หากข้าต้องการสร้างสระแก่นแท้ประดับแปด สถานการณ์ทางการเงินของข้าจะตกอยู่ในสภาวะอันตรายก่อนที่ข้าจะสร้างมันได้ถึงสามสิบส่วน

 

ฟางหยวนมั่งคั่งมากแต่ทรัพยากรส่วนใหญ่ของเขาเช่นแม่น้ำหวนคืนไม่สามารถขายออก ยิ่งไปกว่านั้นเขายังต้องรับมือกับกองกําลังเช่นวังสวรรค์ เขาต้องพิจารณาทุกแง่มุมและไม่สามารถใช้จ่ายโดยไม่คํานึงถึงสิ่งใด

 

แต่ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่สุดสําหรับข้าที่จะสร้างสระแก่นแท้ปี”

 

“หากตระกูลเชี่ยต้องการเจรจากับข้า ก่อนอื่นส่งแสงเกลียวอรุณให้ข้าสามชุด” ฟางหยวนส่งวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งข้อมูลไปยังร้านค้าของตระกูลเซียอีกครั้ง

 

ในไม่ช้าคําตอบของตระกูลเชียก็มาถึง “ฟางหยวน ตระกูลของข้าสามารถผลิตแสง เกลียวอรุณ แต่แหล่งผลิตทรัพยากรชนิดนี้อยู่ในมิติช่องว่างของผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่ง มันไม่เหลืออยู่ในคลังสมบัติของตระกูล”

 

ฟางหยวนมึนงงเล็กน้อย คําตอบนี้เกินความคาดหมายของเขา แต่เขายังส่งข้อความตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มเย็นชา “ข้าจะไม่รู้เล่ห์กลของพวกเจ้าได้อย่างไร? ส่งแสง เกลียวอรุณให้ข้าสามชิ้น ไม่ส่งให้ข้าสิบชิ้นเพื่อแสดงความจริงใจของตระกูลเซี่ย มิฉะนั้น…”

 

“แต่แสงเกลียวอรุณหายากมาก มันไม่มีขายในสวรรค์สีเหลือง สามชิ้นยังพอหาได้ แต่สิบชิ้น เราไม่สามารถนํามันออกมา”

 

“นั่นไม่ใช่ปัญหาของข้า” ฟางหยวนตอบกลับอย่างโหดร้าย