[ส่วนที่ 7 น้ำนิ่งคลื่นน้อย] ตอนที่ 18 ของวิเศษราคาถูก

เจาะเวลาสู่ต้าถัง

ซีถงไปแล้ว นำคำมั่นสัญญากับหน้าที่ของตัวเองไปด้วย เขาเหมือนซ่านอิงมากต่างเป็นประเภทที่ชอบเอาโซ่ตรวนคล้องคอตัวเอง คนหนึ่งเพื่อรับผิดชอบสิ่งที่บิดาทิ้งเอาไว้จึงทอดทิ้งอาชีพโจรที่ใจรัก อีกคนหนึ่งเพื่อแต่งงานกับภรรยาหลายๆ คนยอมทอดทิ้งภาพลักษณ์จอมยุทธพเนจร ขอความช่วยเหลือจากอวิ๋นเยี่ย

 

โง่เง่าจริงๆ โง่เง่าทั้งนั้น คนโง่ที่ห้อมล้อมรอบตัวเองยิ่งวันยิ่งมากขึ้นทุกที นี่ไม่ใช่สภาพการณ์ที่ดี สัญญาบ่าวไพร่ของตระกูลเหล่าหนิวกำลังทำเหมือนตระกูลอวิ๋น ตระกูลเหล่าเฉิงก็เช่นกัน ได้ยินว่าตระกูลเหล่าฉินก็เตรียมแก้กำหนดบ่าวไพร่ให้อิสระเหลือเพียงสามปี

 

บีบคั้นพวกเขาตลอดชาติอย่างถูกต้องไม่ดีกว่าหรือ ตระกูลอวิ๋นนั้นช่วยไม่ได้เพราะมีท่านย่าใจบุญสุนทาน อีกทั้งเจ้าบ้านเป็นพวกพิเรนทร์ผิดมนุษย์มนา แม้แต่ทำนาก็ยังกลายเป็นเรื่องตลกได้ ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรออกมาล้วนไม่แปลกประหลาดอยู่แล้ว พวกเจ้าตระกูลหนิว ตระกูลเฉิง ตระกูลฉินจะตามไปทำบ้าอะไรด้วย แต่ละตระกูลฆ่าคนเป็นว่าเล่นจนเลือดท่วมตัวอยู่แล้วยังจะมาทำเป็นมีใจกุศลอะไรกันอีก?

 

“เด็ดหัวทิ้ง แล้วใช้นิ้วสอดเข้าใต้หนังรอบคอใช้แรงดึงลงไปก็ถลกหนังได้หมดแล้ว ไอ้หนู เจ้าถลกหนังเป็นหรือเปล่า” สามเพื่อนเกลอนั่งอยู่ใต้ชายคาโดยมีกาชาคนละกาคุยกันอย่างรื่นรมย์ เหล่าเฉิงจะคอยหยอกเย้าอวิ๋นเยี่ยกับเฉิงฉู่มั่วที่กำลังถลกหนังกระต่ายอยู่ใต้ร่มไม้

 

สามขุนพลชราถือธนูออกไปล่าสัตว์แต่เช้า ออกไปเตร่เพียงชั่วยามกว่าก็นำกระต่ายกับไก่ป่ามาได้สิบกว่าตัว ในเมื่อผู้อาวุโสล่ามาเองอวิ๋นเยี่ยจึงต้องจัดการเอง เหล่าหนิวเรื่องอื่นไม่แคร์อะไรแต่ให้น้ำหนักลำดับอาวุโสอย่างหนัก ดีที่เฉิงฉู่มั่วก็อยู่ด้วยทั้งสองคนลงมือได้ไวมาก ขณะที่หนิวเจี้ยนหู่รีบกลับมาถึง บนพื้นเหลือไก่ป่าเพียงสามสี่ตัว

 

ทิ้งงานที่เหลือให้นิวเจี้ยนหู่แล้วอวิ๋นเยี่ยก็ล้างมือ แล้วมาเบื้องหน้าเหล่าเหยียจื่อสามคนพูดว่า “ท่านลุง ที่ผู้น้อยเชิญท่านทั้งสามมาที่อวี้ซันครั้งนี้ ก็เพราะมีเรื่องสำคัญอยากบอกท่านผู้อาวุโส ถือโอกาสขอให้ท่านลุงทั้งหลายให้ความเห็นด้วย เรื่องนี้ใหญ่โตจริงๆ เกี่ยวข้องทั้งจำนวนคนกับจำนวนเงินมหาศาล”

 

“ไอ้หนู เจ้าจะทำอะไรกันแน่ อยู่ให้สบายๆ เถอะ ถ้าว่างนักก็ไปสอนหนังสือที่สถานศึกษาให้มากหน่อย เจ้าสร้างสถานศึกษาจนใหญ่โตแต่ตัวเองกลับวุ่นวายอยู่กับเงินทองทุกวัน นี่ไม่ใช่แผนการระยะยาวที่ดี” เหล่าเฉิงรู้จักพิษสงของอวิ๋นเยี่ยเพิ่มมากขึ้น ถึงแม้ทุกครั้งมีผลได้อย่างมากมายแต่ก็ต้องคอยอกสั่นขวัญแขวนอีกด้วย

 

“ท่านลุงลองดูก่อนค่อยพูด พวกเรามาทำความรู้จักเรื่องนี้ก่อน แล้วค่อยมาปรึกษากันว่าเรื่องนี้สมควรทำหรือไม่ อีกสักครู่ รัชทายาทก็จะมาด้วย พวกเราลองคุยกันดูก่อน”

 

กลุ่มอวิ๋นเยี่ยเดินมาถึงข้างเขาจำลองในสวน เห็นเหล่าเจียงที่นั่งดื่มสุราอยู่ในศาลาดึงสายโซ่ข้างหลัง เห็นประตูทางเข้าอุโมงค์มืดดำปรากฏอยู่ต่อหน้าทุกคน

 

“ที่นี่เดิมทีเป็นที่ปรุงน้ำหอมของตระกูลอวิ๋น ถึงแม้ไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรมาก แต่ท่านย่าเข้มงวดมากไม่ยอมให้แพร่งพรายออกไป บอกว่าถ้าความลับรั่วไหลจะทำให้ลูกหลานไม่มีข้าวกิน”

 

อวิ๋นเยี่ยนึกว่าจะพูดตลกผ่อนคลายบรรยากาศ แต่ขุนพลชราทั้งสามคนกลับไม่มีอารมณ์ขันด้วย เหล่าเฉิงลากตัวอวิ๋นเยี่ยพูดว่า “รีบเลยไอ้หนู ข้าชักรู้สึกมีลางร้าย ครั้งนี้ยุ่งยากมากแน่ๆ ” เหล่าฉินกับเหล่าหนิวก็ผงกศีรษะแสดงว่าเห็นด้วย

 

 อุโมงค์ไม่ได้มืดมัว มีตะเกียงส่องแสงจนสว่างโร่ ห้องเล็กๆ ที่อยู่ข้างๆ มักจะมีสาวใช้ตระกูลอวิ๋นปรากฏตัว อวิ๋นเยี่ยเห็นเชิงซินกำลังดมกลิ่นน้ำหอมด้วยอาการเคลิบเคลิ้มในห้องเล็กห้องหนึ่ง

 

เหล่าเฉิงอยากรู้อยากเห็นให้ชัดเจนกลับโดนป้าหมุนตัวปิดประตูแน่น คลำจมูกตัวเองยิ้มพูดว่า “ข้าแค่อยากเห็น แค่สนใจเท่านั้น แค่สนใจเท่านั้น”

 

เหล่าฉินผลักเหล่าเฉิงอย่างไม่สบอารมณ์ “นี่มันสถานที่ลับของบ้านเขา เข้ามาได้ก็นับว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว แค่มารยาทการเป็นแขกก็ยังไม่รู้เลยหรือ”

 

ยิ่งเดินลึกเข้าไปกลิ่นหอมก็ยิ่งเข้มข้นขึ้น ที่นี่ล้วนเป็นคลังเก็บของ ขณะที่ท่านย่าสร้างคลังเก็บของนี้ต้องลงแรงไปมากมาย รอบๆ ล้วนเป็นหินหมาสือร่องหินยาด้วยปูน พอเห็นก็รู้เลยว่าแข็งแกร่งสุดกำลัง

 

ทหารชราสองคนกำลังนั่งเล่นหมากรุกบนโต๊ะเล็ก ได้ยินเสียงฝีเท้าก็เงยหน้าขึ้นมอง พอเห็นเป็นอวิ๋นเยี่ยก็ก้มหน้าเล่นหมากรุกต่อ

 

ประตูเหล็กตรงกลางสุดห้อยกุญแจขนาดยักษ์ ป้าหยิบกุญแจยื่นให้อวิ๋นเยี่ยแล้วก็กลับห้องตัวเองไป พอเปิดประตูแล้วอวิ๋นเยี่ยจุดตะเกียงน้ำมันในห้อง ตะเกียงน้ำมันถูกจุดขึ้นมาทีละดวง สายตาของสามขุนพลชราก็เปลี่ยนจากปิดมิดชิดกลายเป็นทรงกลดขึ้นมา

 

“โอ้สวรรค์ ไอ้หนู เจ้าไปปล้นวังมังกรทะเลตงไห่มาหรือ” เหล่าเฉิงเห็นเครื่องแก้วใสแจ๋วระยิบระยับเต็มห้องแล้วตกตะลึงเต็มที่ ลูบนี่คลำนั่น รู้สึกดีหมดทุกชิ้น นี่นกอินทรียืนบนหินก้อนใหญ่กำลังจะโผบิน นั่นม้าศึกกำลังกระโจนทั้งสี่เท้า เอ๊ะนี่หมูอ้วนสุดแสนน่ารักสองตัวก็ไม่เลว

 

เหล่าฉินสูดลมหายใจเย็นวาบ เหล่าหนิวกุมศีรษะนั่งยองๆ อย่างมีกังวล พวกเขาไม่มีอารมณ์ชื่นชมของวิเศษเช่นเหล่าเฉิง ของเต็มห้องเช่นนี้ แต่ละชิ้นพอเอาออกไปแล้วล้วนเป็นของหายากในโลก นี่มันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่เหลือหลาย

 

อวิ๋นเยี่ยหยิบลูกแก้วใสแจ๋วขนาดกำปั้นถามเหล่าฉิน “ท่านลุง ท่านดูของชิ้นนี้ควรขายเท่าไรจึงจะเหมาะสม”

 

เหล่าฉินรับไปพิจารณาดูเทพเหินฟ้าในลูกบอลแก้วอย่างละเอียดลออแล้วพูดว่า “ข้าตั้งราคาไม่เป็น แต่หากมีคนบอกข้าว่าของชิ้นนี้เขาซื้อมาในราคาห้าพันก้วน ข้าต้องเชื่อแน่นอน”

 

กระดิ่งทองแดงหลังประตูดังขึ้นมา อวิ๋นเยี่ยบอกผู้อาวุโสทั้งสามว่า “รัชทายาทมาไวกว่าที่คิด ในเมื่อพวกท่านลุงไม่มีความเห็นก็รอราชวงศ์ให้ความเห็นดู ข้าเพียงแต่อยากให้ขยะเหล่านี้ถูกกำจัดออกไปโดยเร็ว”

 

“ขยะ ไอ้หนูพูดเกินไปแล้ว” เหล่าเฉิงกำลังถือม้าบินตัวหนึ่งพิจารณาดู ได้ยินคำพูดนี้แล้วรู้สึกไม่ชอบใจเลย

 

“ท่านลุงเฉิง ของในห้องนี้ทั้งหมดยังไม่ได้มีราคาเท่าแผ่นหยกอวี้เป้ยที่เอวท่านลุงเลย พูดตรงๆ ของเหล่านี้ล้วนทำขึ้นมาจากเม็ดทราย ท่านว่าต้องใช้ทุนสักเท่าไร หนึ่งพันก้วนก็เยอะมากแล้ว นี่เป็นสิบเท่าของทุนแล้ว”

 

เหล่าเฉิงราวกับได้ยินเสียงหัวใจตัวเองแตกดังเพล้ง มองดูม้าบินในมือทั้งดูแผ่นหยกอวี้เป้ยที่เอว ถึงอย่างไรก็รู้สึกว่าแผ่นหยกตัวเองยังไม่พอซื้อขาม้าเพียงขาเดียว แต่อวิ๋นเยี่ยไม่ได้หลอกเขาแน่นอน ในเมื่อบอกว่าไม่มีราคาเท่าแผ่นหยกอวี้เป้ยก็ไม่มีราคาเท่าแผ่นหยกอวี้เป้ยจริงๆ

 

“ไอ้หนู เจ้าหมายความว่าของนี้จะตั้งราคาเท่าไรก็ได้หรือ” เหล่าหนิวฟังออกถึงความหมายในคำพูดของอวิ๋นเยี่ย

 

“พวกหูจื่อใช้ของนี้มาหลอกเงินต้าถังไปแล้วตั้งเท่าไร ต้นตระกูลเราทำของสิ่งนี้มาก่อนนานแล้ว เพียงแต่ไม่ได้ทำสืบต่อกันเท่านั้น ไอ้หนูได้ค้นพบวิธีทำกลับคืนมา ที่แท้ง่ายจนน่ากลัว เวลานี้ถึงคราวที่พวกหูจื่อที่สมควรตายต้องชำระหนี้แล้ว”

 

“ไอ้หนู ข้าดูเจ้าเหมือนจะเล่นงานคนมีเงินในฉางอันทั้งหมดในคราวเดียวกัน คนดูแลบ้านบอกว่าไม้ของเจ้าขนมาถึงฉางอันแล้วตอนนี้กำลังงมขึ้นมา ยังมีจื่อหมี่ หลงเสียนเซียง ได้ยินว่ายังมีพระธาตุ มีหนังหมีที่เปลี่ยนสีได้ รวมทั้งน้ำหอม มีดดาบ รถม้าบ้านเจ้า นี่เจ้าตั้งใจจะปล้นพวกศักดินาร่ำรวยเหล่านี้ทั้งหมดเลยหรือ”

 

“ปล้น ใครจะปล้น ที่นี่ไฟฟืนมืดมัวจึงเหมาะที่จะลงมือ” เสียงหลี่เฉิงเฉียนดังมาจากไกลๆ เลี้ยวผ่านมุมกำแพง แล้วประสานมือทำความเคารพสามผู้อาวุโส

 

เสร็จแล้วจึงถามอวิ๋นเยี่ย “เยี่ยจื่อ ปัญหาใหญ่ของเจ้าคืออะไร มีเรื่องอะไรที่เจ้ายังแก้ไขไม่ได้”

 

“ปัญหามีเงินมากเกินไป” อวิ๋นเยี่ยทำสีหน้าเจ็บปวดบอกหลี่เฉิงเฉียน หากปล่อยแก้วออกไปจะเกิดผลกระทบกับเศรษฐกิจที่อ่อนแอของต้าถังแค่ไหนอวิ๋นเยี่ยยังไม่สามารถรู้ได้ รู้เพียงว่าถ้าจัดการไม่ดีจะเกิดภัยมหันต์ ดังนั้นจึงตามตัวหลี่เฉิงเฉียนมาเพื่อหาคนตัวใหญ่พอที่จะรับมือเรื่องนี้ได้

 

“เงินมากก็ดีสิ ข้าจนจะแย่ จะแต่งงานอยู่รอมร่อแล้ววังตงกงยังโกโรโกโส เจ้าให้เงินข้า ข้าช่วยเจ้าคลายกังวล” เขาเข้าใจว่าอวิ๋นเยี่ยเล่นตลกจึงเล่นตลกด้วย ไม่ทันสังเกตเห็นอาการสมน้ำหน้าของสามผู้เฒ่าเลย

 

“ดีมาก มีคำพูดนี้ของท่านก็พอแล้ว ตอนนี้เงินทั้งหมดเป็นของท่านแล้ว” พูดจบอวิ๋นเยี่ยก็โยกตัวหลบออกจากประตู หลี่เฉิงเฉียนเงยหน้าขึ้นมองอย่างงงงวย เห็นของวิเศษสารพัดระยิบระยับเต็มห้องจนตาลายมองแทบไม่ไหว

 

“เยี่ยจื่อ เจ้าว่าของเหล่านี้ล้วนให้ข้าหรือ” หลี่เฉิงเฉียนหันหน้าอย่างยากลำบากมองที่อวิ๋นเยี่ย

 

“ถูกต้องล้วนเป็นของท่าน ตอนนี้ท่านเป็นคนรวย” อวิ๋นเยี่ยกอดไหล่หลี่เฉิงเฉียงอย่างสนิทแนบแน่นพูดกับเขาด้วยความอบอุ่นยิ่งนัก

 

ลำคอหลี่เฉิงเฉียนเกิดเสียงครอกๆ แทบจะสำลัก ยังดีที่ว่าผู้สืบทอดต้าถังผ่านประสบการณ์มามากจึงสามารถประคองตัวให้ผ่านไปได้ ดันอวิ๋นเยี่ยออกแล้วโผเข้าไปในห้องดูโน่นดูนี่ ยังคงมีอาการเดิมคือพอเห็นอะไรที่ขนาดเหมาะสมก็ยัดใส่กระเป๋า

 

อวิ๋นเยี่ยลากตัวเขาออกจากกองเครื่องแก้วแล้วบอกเขาว่า “ข้ารับผิดชอบผลิตของ ท่านรับผิดชอบขายพวกมันออกไป เงินแบ่งกันเจ็ดสามท่านเจ็ดข้าสาม ท่านกลับไปปรึกษาเหนียงเหนียงได้เลย ข้าไม่ไปพระราชวังแล้วไปแต่ละครั้งโชคร้ายบรม ท่านวางม้าตัวนั้นไว้ดีกว่ากระมัง กระเป๋าท่านยัดเข้าไปไม่ได้หรอก”

 

ไม่รู้ว่าหลี่เฉิงเฉียนจะได้ยินหรือไม่แต่เห็นเขากำลังห่อของอยู่ อวิ๋นเยี่ยพูดอีกว่า “ท่านบอกเหนียงเหนียงให้ชัดเจนว่าหากอยากได้สูตรลับ ไม่มีปัญหา ให้ส่งขุนนางที่เชื่อถือได้มาเรียน เงินเหล่านี้สามารถทำกำไรได้ราวสองสามปี หลังจากสองสามปีแล้วข้าจะขายของเหล่านี้ให้ถูกกว่าเครื่องกระเบื้องอีก”

 

หลี่เฉิงเฉียนกลับไปพร้อมด้วยข้าวของเต็มตัว ส่วนคำพูดอวิ๋นเยี่ยไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินหรือไม่ ตั้งแต่รู้ว่าของวิเศษทั้งห้องนี้เผามาจากเม็ดทรายแล้ว เหล่าเฉิงก็ไม่ได้สนใจสิ่งของระยิบระยับเหล่านี้อีกต่อไป อย่างมากก็แค่รู้สึกว่าน่าดูเท่านั้น เรื่องต่างๆ ในโลกนี้ล้วนไม่สามารถทนรับกับการขุดคุ้ยได้ เมื่อรู้ไปถึงรากเง่าแล้วรัศมีรอบตัวหายไปจนเหลือแค่เนื้อแท้ ก็จะเช่นดังเครื่องแก้วแค่มาจากการเปลี่ยนสถานะจากกองทรายเท่านั้น

 

ขณะที่ทั้งหมดล้อมวงกินกระต่ายหม้อไฟ เหล่าฉินบอกอวิ๋นเยี่ยว่า “เตรียมตัวรับฝ่าบาทได้เลย อย่างช้าพรุ่งนี้เจ้าจะต้องได้พบฝ่าบาทหรือฮองเฮาหนึ่งในสององค์นี้ ในพระราชวังคืนนี้คงมีคนนอนไม่หลับแน่นอน”

 

“ท่านอาทั้งหลายกังวลเกินเหตุแล้ว หลานรับรองว่าฝ่าบาทคืนนี้ต้องหลับได้สบายอย่างที่สุด ไม่แน่ว่าอาจหัวเราะจนตกใจตื่น เขาคิดตลอดเวลาที่จะลดทอนความแข็งแกร่งของขุนนางสืบทอด เวลานี้ได้รับโอกาสจากสวรรค์ มีหรือที่จะไม่ลงมือ เพียงแต่คราวนี้ลงมือที่เงินทองเท่านั้น การฆ่าคนโดยไม่เห็นเลือดจึงจะเป็นสุดยอดฝีมือ”