บทที่ 1281 กลุ่มขุนนางขวัญผวา โดย Ink Stone_Fantasy
อ๋องสวรรค์โค่วมองดูลูกชายคนโตพลางยิ้มบางๆ พอใจกับการเตรียมการที่ทันเวลากับการวิเคราะห์ที่แม่นยำของลูกชายคนโต การให้ลูกชายคนโตดูแลตระกูลก็ไม่ถือว่ามองคนผิด เขาเอามือเคาะโต๊ะพร้อมบอกว่า “พูดถึงกำไลเก็บสมบัติที่มือสังหารคนนั้นทิ้งไว้…ลูกสาม เหวินหลานกับหนิวโหย่วเต๋อมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลว ให้ลูกชายเจ้าถามหนิวโหย่วเต๋อสักหน่อย ว่าเขาพบเบาะแสอะไรจากในกำไลเก็บสมบัติหรือเปล่า ถ้าเกี่ยวข้องกับตระกูลโค่วจริงๆ ก็จะได้เตรียมตัวได้สะดวก เจรจากับเขาดีๆ สักหน่อย แต่ถ้าไม่เกี่ยวข้อง ข้าเองก็อยากจะรู้ว่าเป็นแผนลับของตระกูลไหน”
“ขอรับ!” โค่วเหมี่ยนลูกชายคนที่สามหยิบระฆังดาราติดต่อกับโค่วเหวินหลานทันที บอกต่อเจตนา ส่วนที่เหลือก็แค่รอฟังข่าวแล้ว
มีระฆังดาราไว้ติดต่อนั้นสะดวกมาก รอเพียงครู่เดียว โค่วเหวินหลานก็ตอบกลับมา โค่วเหมี่ยนถ่ายทอดคำพูดเหมียวอี้ต่อหน้าทุกคนว่า “ท่านพ่อ หนิวโหย่วเต๋อบอกแล้ว ว่าเขาจดจำบุญคุณของตระกูลโค่วมาตลอด ที่จับคนของตระกูลโค่วไปก็เพราะไม่มีทางเลือกเหมือนกัน แค่ทำพอเป็นพิธีเท่านั้น หวังว่าจะเข้าใจ หนิวโหย่วเต๋อบอกว่าเขายังหาเบาะแสอะไรจากสมบัติของมือสังหารไม่ได้ แต่เขาบอกว่าให้เหวินหลานวางใจได้ เรื่องกำไลเก็บสมบัติต่อให้สาวไปถึงตระกูลโค่ว แต่ก็จะไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลโค่วแน่นอน!”
ประโยคหลังฟังดูอ้อมค้อมนิดหน่อย แต่ความหมายชัดเจนมากแล้ว นั่นก็คือหนิวโหย่วเต๋อรับประกันต่อตระกูลโค่ว รับประกันว่าจะไม่ให้เกี่ยวข้องกับตระกูลโค่ว
“สืบหาเบาะแสไม่เจอหรือไม่ว่าไม่ยอมบอกกันแน่? ปากแข็งจริงๆ” อ๋องสวรรค์โค่วหัวเราะเบาๆ “เจ้าเด็กนี่น่าสนใจอยู่นะ เจ้าเล่ห์สับปลับ ทั้งยังรู้จักถือโอกาสซื้อน้ำใจคน ยิ่งเขาทำแบบนี้ความสัมพันธ์ของเขาก็ยิ่งใกล้ชิดกับตระกูลโค่วแล้ว ตระกูลโค่วของเราก็ไม่ใช่ว่าคนทั่วไปจะมาปีนป่ายอาศัยบารมีอำนาจได้ แบบนี้ถือว่าให้เขาสานสัมพันธ์หรือยัง? จะว่าไปเจ้าเด็กนี่ก็นับว่ามีฝีมือเหมือนกัน เพียงแต่น่าเสียดายไปหน่อย พอเกิดเรื่องในครั้งนี้ขึ้น อนาคตของเขาที่ตลาดสวรรค์ก็นับว่าถูกตัวเองทำลายไปแล้ว แต่นี่ก็เป็นโอกาสที่จะดึงตัวเขามาเช่นกัน เวลานี้นางเด็กของตระกูลเซี่ยโห้วจะต้องปล่อยคนแน่นอน เพียงแต่ตระกูลโค่วของพวกเราก็ต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้ตกเป็นที่ต้องสงสัยเหมือนกัน! จะได้ไม่มีคนสงสัยว่าตระกูลเราให้ผลประโยชน์กับเขาเพราะต้องการปิดปากเขาหรือเปล่า ไม่ว่าใครก็คงอยากจะหลบเจ้าเด็กนั่นให้ไกล จุจุ! ขนาดผู้มีอำนาจทั้งราชสำนักก็ยังกลัวเขาเลย อยู่เป็นเหมือนกันนะ ไม่เหลือทางหนีทีไล่ให้คนอื่นเลย เพียงแต่เจ้าเด็กนั่นเป็นโรคบ้าอะไรกันแน่ ทำไมรู้สึกว่าเขาทำงานแบบไม่พิจารณาให้รอบด้านล่ะ เมื่อศีรษะนี้เงยขึ้น ศีรษะนั้นก็ต้องทุ่มลง ดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจอะไรระยะยาว เอาแต่ทำเรื่องแบบนี้ไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรอกหรือ ถ้าไม่โดนลอบสังหาร ก็ยากที่จะหลุดพ้นข้อหาที่จ้างคนมาช่วยเหลือ แต่ดันไม่รู้จักปิดปาก เขาอ้อมไปอ้อมมาจนข้าแทบจะมึนไปหมดแล้ว เจ้าเล่ห์จริงหรือว่าโง่กันแน่ ไม่เข้าใจเลยว่าเขาคิดยังไง”
ผู้เฒ่าถังหัวเราะเบาๆ อย่างรู้จังหวะเวลา “คนเรามีด้านที่ไร้ที่เดียงสาก็ดีเหมือนกัน คนแบบนี้ต่อให้เลวก็เลวไม่เท่าไร ถ้าคำนึงถึงทุกด้านมากเกินไป แบบนั้นก็ต้องระวังเขาแล้วจริงๆ”
“อืม!” อ๋องสวรรค์โค่วพยักหน้า เคาะนิ้วทั้งห้าบนโต๊ะพร้อมบอกว่า “เจ้าใหญ่ เรื่องที่สมาคมร้านค้าร่วมกันวางแผนลอบฆ่าหนิวโหย่วเต๋อลือกันให้ทั่วแล้ว ทั้งยังโดนลอบสังหารจริงๆ ด้วย เกรงว่าท่านนั้นที่อยู่เบื้องบนจะต้องสงสัยผีระแวงเทพแน่นาน ตระกูลโค่วก็ต้องแสดงท่าทีเดียวกัน! ไว้หน้าเจ้าเด็กนั่นสักครั้งแล้วกัน”
“ลูกทราบว่าต้องทำอย่างไรขอรับ” โค่วเจิงตอบ
อ๋องสวรรค์โค่วยกมือขึ้น “นอกจากนี้ ส่งคนไปจับตาดูทางดาวเทียนหยวนไว้หน่อย ข้าเองก็อยากจะเห็นจริงๆ ว่าตระกูลไหนที่กินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำ กลัวจะไม่ได้ตายดี ตามหลักการแล้ว ถ้ามีคนทำเรื่องแบบนี้จริงๆ ก็ไม่มีทางที่จะทิ้งหลักฐานไว้หรอก กลัวก็แต่ว่าจะมีคนคาดการณ์ผิดพลาด นึกไม่ถึงว่านักพรตบงกชรุ้งจะพลาดท่าให้หนิวโหย่วเต๋อยิงตาย ขนาดข้าได้ยินข่าวตอนนั้นยังรู้สึกคิดไม่ถึงเลย ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ เหอะๆ! งั้นก็บันเทิงแล้ว คงจะมีบางคนที่ยอมแลกทุกอย่างเพื่อไม่ให้หลักฐานตกอยู่ในมือเกาก้วน”
ผู้เฒ่าถังยิ้มบางๆ “มีความเป็นไปได้นี้จริงๆ วรยุทธ์บงกชทองกับวรยุทธ์บงกชรุ้งสู้กัน ทั้งยังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ได้เตรียมตัวเลยสักนิด บวกกับวรยุทธ์ที่ห่างกันไกลมาก ภายใต้สถานการณ์ที่เร่งด่วนแบบนั้น สามารถคว้าโอกาสที่แวบผ่านมาเพียงชั่วครู่เพื่อพลิกสถานการณ์อันตรายให้กลายเป็นชนะ ทำให้คนรู้สึกเหนือความคาดหมายมากจริงๆ ตอนนั้นถ้าชักช้าเพียงนิดเดียว หรือทำท่าจะหนีเพียงนิดเดียว ทำให้ถ่วงเวลาที่จะลงมือออกไป แบบนั้นเขาก็จะตายแน่นอน ส่วนธนูดอกที่สองที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ยามเผชิญกับการโจมตีนั้นของมือสังหารแต่ยังเยือกเย็นได้ขนาดนี้ บรรยายได้เพียงว่าแสดงฝีมือได้อย่างน่าทึ่งจริงๆ เกรงว่ามือสังหารนั่นก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน การที่เขาเลือกลงมือหลังจากหนิวโหย่วเต๋อหันหลัง เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ประมาท แน่ใจแล้วว่าฆ่าได้ถึงลงมือ คาดคะเนแบบนี้แล้วแต่ยังมีโอกาสพลาดจนพลั้งมือ ดีไม่ดีอาจจะทิ้งเบาะแสอะไรไว้จริงๆ ก็ได้”
คนที่นี่อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุไกลมาก แต่กลับรู้สถานการณ์ตอนนั้นอย่างกระจ่าง เห็นได้ชัดว่าการจ่ายทรัพยากรมากขนาดนั้นเพื่อเลี้ยงคนไปทั่วก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล ถึงอย่างไรต่อให้วรยุทธ์ของอ๋องสวรรค์โค่วสูงกว่านี้ แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะแก้ปัญหาได้ด้วยตัวคนเดียว
หลังจากฟังการวิเคราะห์จบแล้ว โค่วเจิงก็พยักหน้าบอกว่า “ลูกเข้าใจแล้ว จะส่งคนไปเฝ้าจับตาดูเดี๋ยวนี้”
ที่จริงนี่คือเรื่องที่จะบอกว่าไม่ใหญ่ก็ไม่ใหญ่ จะบอกว่าไม่เล็กก็ไม่เล็ก สำหรับนักพรตส่วนใหญ่ย่อมไม่ใช่เรื่องเล็กอยู่แล้ว แน่นอนว่าการล้างเลือดที่ตลาดสวรรค์เป็นเรื่องใหญ่
แต่สำหรับคนระดับบนของตำหนักสวรรค์ สำหรับผู้มีอำนาจเหล่านั้นของตำหนักสวรรค์ เรื่องที่เหมียวอี้ทำหรือความเสียหายที่สร้างให้กับพวกเขา ที่จริงก็ไม่ได้นับว่ามากมายอะไรนัก ในตระกูลมีข้าทาสตายไปไม่กี่คน ร้านค้าเสียหายไปหนึ่งร้านเท่านั้น ถ้ายินดีที่จะลงมือก็สามารถมอบสิ่งของให้เป็นรางวัลได้ เหมียวอี้ตบหน้าพวกเขา กล้าเล่นหัวพวกเขา สิ่งนี้สำคัญยิ่งกว่าการทำให้ผลกำไรของพวกเขาเสียหายเสียอีก พวกเขาพุ่งเป้าไปที่สิ่งนี้
ทว่าในตอนนี้ หน้าของคนอีกคนสำคัญยิ่งกว่าหน้าของพวกเขา หน้าตาศักดิ์ศรีของคนคนนั้นไม่ใช่สิ่งที่ความเสียหายของร้านค้าหนึ่งร้านหรือชีวิตของข้าทาสไม่กี่คนจะเทียบติด แต่เป็นหน้าตาของทั้งใต้หล้า! โดยเฉพาะหลังจากเกาก้วนออกโรงด้วยตัวเอง ลักษณะของเรื่องนี้ก็เปลี่ยนไปแล้ว เรื่องที่ไม่ใหญ่โตนี้ได้ไปจี้เส้นประสาทอันอ่อนไหวของคนจำนวนมาก ทำให้คนจำนวนมากต้องเริ่มเผชิญหน้า ไม่ได้มีเพียงตระกูลโค่วที่เตรียมการเรื่องแบบนี้
เรื่องที่เกิดขึ้นที่ตลาดสวรรค์ดาวเทียนหยวนปิดบังผู้การสองหลันเซียงที่จวนแม่ทัพภาคตงหัวไม่ได้ หลันเซียงรู้แล้ว ปี้เยว่ฮูหยินที่โดนขังอยู่ในนรกก็รู้แล้วเช่นกัน
ปี้เยว่ฮูหยินที่ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำโมโหแทบบ้า นางติดต่อเหมียวอี้ไม่ได้ ถึงได้ติดต่อท่านโหวเทียนหยวนอีกครั้ง : ตอนนี้จะทำยังไงดี? เจ้าเวรนั่นไม่ยอมติดต่อกับข้า คะแนนทดสอบนั่นยังจะเอาหรือไม่เอา?
ความหมายที่นางสื่อนั้นชัดเจน คิดว่าเหมียวอี้กำลังเอาคะแนนทดสอบมาบีบนาง
ท่านโหวเทียนหยวน : ฮูหยิน เรื่องนี้เจ้ายังไม่ต้องสนใจ ดูสถานการณ์ก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ปี้เยว่ฮูหยิน : ไม่สนใจแล้วเหรอ? หมายความว่ายังไง? เมื่อครู่นี้เจ้าใส่อารมณ์กับข้าด้วยใช่มั้ย?
ท่านโหวเทียนหยวน : ที่ประตูตำหนักคุ้มเมือง ลอบสังหารผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ต่อหน้าฝูงชน เกรงว่าจะทำให้ท่านนั้นที่อยู่เบื้องบนสงสัยผีระแวงเทพแล้ว เกาก้วนอาจจะเข้ามาแทรกแซงแล้ว คาดว่าตอนนี้คงไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งเรื่องนี้ง่ายๆ อีก เจ้าเองก็อย่าเข้าไปยุ่งเหมือนกัน จะได้ไม่สร้างปัญหาให้ตัวเอง
เกาก้วน? พอเอ่ยถึงชื่อนี้ ปี้เยว่ฮูหยินก็อกสั่นขวัญแขวนนิดหน่อย : หนิวโหย่วเต๋อเป็นลูกน้องสายตรงของข้า มิหนำซ้ำตอนเกิดเรื่องที่ตลาดสวรรค์ครั้งก่อน พวกเราก็เสนอตัวเข้าไปรับผิดชอบเอง ฉวยโอกาสสร้างผลงาน! ข้าจะพ้นความเกี่ยวข้องได้เหรอ?
ท่านโหวเทียนหยวน : วันนี้กับวันนั้นไม่เหมือนกัน ตอนนี้เจ้ากำลังเข้าร่วมการทดสอบที่แดนอเวจี เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า เจ้าสามารถแสร้งทำเหมือนไม่รู้อะไรเลยก็ได้ ถ้ามีคนติดต่อเจ้า ให้เจ้าไปทำอะไรกับเหมียวอี้ เจ้าอย่าตอบตกลงเด็ดขาด ระวังจะโดนคนอื่นหลอกใช้ประโยชน์
ปี้เยว่ฮูหยินตกใจ : เจ้าสงสัยจริงเหรอว่าผู้มีอำนาจในราชสำนักลอบสังหารเหมียวอี้ ใครจะทำเรื่องโง่เง่าแบบนี้ได้?
ท่านโหวเทียนหยวน : ก็ใช่น่ะสิ! ข้าเองก็คิดไม่ตกว่าคนตระกูลไหนทำเรื่องโง่แบบนี้ แต่ถึงขนาดให้เกาก้วนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยก็ต้องระวังเอาไว้ ไม่กลัวเรื่องที่แน่นอน ก็กลัวเหตุไม่คาดฝัน กันไว้ดีกว่าแก้ เรื่องแบบนี้พวกเราไม่ต้องเข้าไปยุ่ง ถ้าท่านนั้นที่อยู่เบื้องบนเดือดดาลขึ้นมา พวกเราก็เล่นด้วยไม่ไหวหรอก ถ้าเข้าไปเกี่ยวข้องก็จะเป็นปัญหาใหญ่ ดีไม่ดีอาจจะโดนประหารทั้งตระกูล! ใช่แล้ว เจ้าไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น ใครติดต่อไปเจ้าก็ไม่ต้องสนใจ ถึงอย่างไรการที่ตัวเจ้าอยู่นรกก็เป็นข้ออ้างที่ดีที่สุด หลังจากจบเรื่องถ้ามีคนถามถึง เจ้าก็แค่บอกว่าตอนนั้นกำลังหนีเอาชีวิตรอด แบ่งสมาธิมาสนใจไม่ได้เลย เข้าใจมั้ย?
ถึงขนาดประหารทั้งตระกูลเลยเหรอ! ปี้เยว่ฮูหยินอกสั่นขวัญแขวน รีบตอบกลับมาว่า : เข้าใจแล้ว! เดี๋ยวข้าจะสั่งให้หลันเซียงกลับมาเดี๋ยวนี้ เมื่อครู่ข้าเพิ่งส่งให้หลันเซียงไปจับกุมหนิวโหย่วเต๋อ
ท่านโหวเทียนหยวนตกใจทันที : โง่เง่า! เจ้าไปจัดการหนิวโหย่วเต๋อตอนนี้ อยากจะให้เบื้องบนนึกว่าเจ้าอยากจะฆ่าปิดปากเหรอ? ถ้ามีใครในราชสำนักทำเรื่องนี้จริงๆ แล้วได้โอกาสยืมมือบุคคลที่สามมารับผิดแบบนี้ มีหรือที่จะพลาดโอกาส จะต้องฉวยโอกาสลงมือแน่นอน แล้วถ้าหนิวโหย่วเต๋อตายด้วยน้ำมือเจ้า ถึงตอนนั้นต่อให้เจ้ามีพันปากก็แก้ตัวไม่ได้อยู่ดี! เจ้าเบื่อหน่ายที่จะมีชีวิตอยู่แล้วใช่มั้ย อยากจะอยู่ในนรกไปทั้งชีวิตจริงเหรอ? เจ้าสามารถหลบอยู่ในนรกไปทั้งชีวิตได้ แต่ข้าล่ะ? ผู้หญิงโง่เง่า ข้าจะต้องตายเพราะเจ้าแน่นอน!
ปี้เยว่ฮูหยิน : เจ้าจะร้อนใจอะไร? ข้าจะไปรู้เหรอว่าเบื้องบนจะวกวนซับซ้อนแบบนั้น ตอนนี้หลันเซียงอาจจะยังไม่ออกเดินทางก็ได้ ต่อให้ออกเดินทางแล้ว ตอนนี้ก็สามารถรั้งกลับมาได้ ไม่ทำให้เจ้าเสียงานหรอก!
ท่านโหวเทียนหยวน : เลิกพูดเหลวไหลได้แล้ว รีบเรียกตัวนางกลับมา!
เมื่อราชันสวรรค์เดือดดาล กลุ่มขุนนางก็หวาดผวา!
จวนเทพประจำดาวฟ้าเถาะ กินพื้นที่กว้างใหญ่ ในนั้นมียอดเขาที่โดดเดี่ยวลูกหนึ่ง บนยอดเขามีตึกหนึ่งหลังที่เขียนว่า “หองามสง่าน้อย” เป็นห้องทำงานของเทพประจำดาวฟ้าเถาะผังก้วน
ชื่อว่า ‘งามสง่าน้อย’’ ที่จริงเป็นศูนย์กลางอำนาจในอาณาเขตดาวฟ้าเถาะ ผังก้วนใช้เวลาส่วนใหญ่ทำงานอยู่ที่นี่ ที่นี่มีข้อดีอยู่อย่างหนึ่ง สภาพพื้นที่สูงโดดเดี่ยว ถ้ารอบข้างเกิดสถานการณ์ผิดปกติอะไรก็ไม่รอดจากสายตาของตึกนี้ได้ แม้แต่ฮูหยินของเทพประจำดาวก็บุกมาที่นี่ไม่ได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาต เป็นสถานที่สำคัญ!
นอกตึกมีแสงอาทิตย์สดใส ผังก้วนสวมชุดผ้าแพรทั้งตัว หุ่นกำยำล่ำสันเหมือนหมี มีหนวดสามช่อและตรงหว่างคิ้วปรากฏรูปจริงของพลังอิทธิฤทธิ์ เขากำลังยืนถือพู่กันอยู่ริมหน้าต่าง โบกพู่กันจุ่มหมึก งามสง่าสมกับคำว่า ‘งามสง่าน้อย’ จริงๆ
ตรงตีนเขา ฮูหยินเทพประจำดาวที่รูปร่างละมุนละไม ใบหน้างดงามดุจดอกไห่ถังเดินบิดเอวเข้ามา เป็นความงามที่พบเห็นได้น้อยในโลกมนุษย์จริงๆ
“ฮูหยิน!” ทหารยามที่ยืนเฝ้าตรงตีนเขากุมหมัดคารวะ
“อืม!” จาหรูเยี่ยนขานรับแล้วหันกลับมาโบกมือให้กลุ่มบ่าวหญิงที่ติดตามมา “นี่เป็นสถานที่สำคัญที่มีความลับทางการทหาร คนที่ไม่เกี่ยวข้องห้ามบุกเข้ามาโดยพลการ พวกเจ้ารออยู่ตรงนี้แล้วกัน” ที่จริงนางก็มาที่นี่ไม่บ่อย มาครั้งหนึ่งก็จะโดนตำหนิอย่างรุนแรง ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่สถานที่ที่คนธรรมดาจะมาได้
กลุ่มบ่าวรับใช้หญิงย่อมรออยู่ตรงตีนเขา
จาหรูเยี่ยนขึ้นมาบนยอดเขาแล้วเข้ามาในตึก พอเห็นผังก้วนกำลังเขียนอักษรอยู่ นางก็ย่อเข่าอยู่ข้างหลัง พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “นายท่าน!”
“อืม!” ผังก้วนขานรับ หยุดเขียนพู่กันในมือแล้วชื่นชมผลงานบนกระดาษครู่หนึ่ง จากนั้นวางพู่กันไว้ด้านข้างอย่างพึงพอใจ ก่อนจะหันตัวมาทักทายด้วยรอยยิ้ม “ฮูหยินมาแล้วเหรอ”
จาหรูเยี่ยนก้าวขึ้นมาคล้องแขนเขาทันที แล้วกล่าวออดอ้อนว่า “คืนนี้ข้าจะค้างที่นี่นะ”
ผังก้วนหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ปฏิเสธอะไร นั่นก็แปลว่าตอบตกลงแล้ว
…………………………