ส่วนที่ 4 ตอนที่ 225 ความผันผวนของสีเขียว

ความลับแห่งจินเหลียน

เจียหยวนฮวาน่าจะสนิทสนมกับเจ้าของที่นี่ดี เมื่อจอดรถเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็พาซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายเดินเข้าไปข้างใน ในนั้นมีชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินออกมาพร้อมยิ้มต้อนรับ เมื่อเห็นเจียหยวนฮวาแล้วก็อดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ได้ “ผู้อาวุโสเจี่ยมาแล้ว มาๆ เชิญเข้าข้างในก่อน!” ปากก็พูดอยู่ แต่สายตากลับตกไปอยู่บนตัวซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายแล้ว “หลานสองคนนี้ก็หน้าตาดีทั้งคู่เลย ผู้อาวุโสเจี่ย โชคดีของแกจริงๆ!”

 

 

“ไปไหนก็ไปเถอะ” เจียหยวนฮวาด่าออกไป “เหล่าหลี่ แกไม่รู้ก็อย่าพูดจาซี้ซั้ว! มาๆๆ ฉันจะแนะนำให้รู้จัก…” พูดจบเขาก็หันไปมองซีเหมินจินเหลียนและพูดขึ้นว่า “นี่คือประธานใหญ่ของบริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่ ซีเหมินจินเหลียน ส่วนท่านนี้คือคุณจ่าน!”

 

 

“ที่แท้ก็เจ้าหญิงหยกนี่เอง!” เหล่าหลี่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ได้ยินชื่อเสียงเล่าลือมานานแล้ว!”

 

 

“จินเหลียน ท่านนี้ก็คือคุณหลี่!” เจียหยวนฮวาแนะนำชายวัยกลางคนแซ่หลี่ให้ซีเหมินจินเหลียนรู้จัก

 

 

“คุณหลี่พูดเกินไปแล้วค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนอมยิ้ม “เจ้าหญิงหยกอะไรกันคะ ก็แค่คนอื่นคุยเล่นกันทั้งนั้น”

 

 

“มาเถิดๆๆ เข้ามานั่งข้างในกันก่อน สินค้ายังมาไม่ถึงเลย! ผู้อาวุโสเจี่ย วันนี้แกมาเร็วไปหน่อยนะ!” เหล่าหลี่พูดพลางเดินนำทั้งสามคนเข้าไป ข้างในเป็นโกดังมีสำนักงานอยู่ในนั้น ตอนนี้โกดังข้างในกองไปด้วยหินหยกเดิมพันทั้งเต็มตัว ครึ่งตัว ใกล้กับกำแพงมีเครื่องเจียระไนหินแม่นยำอยู่ในนั้น

 

 

ซีเหมินจินเหลียนมองไปแวบหนึ่ง ในใจก็พูดขึ้นว่า นี่มันก็ครบครันจริงๆ!

 

 

“เชิญนั่งลงก่อน” คุณหลี่รีบพาซีเหมินจินเหลียนและคนอื่นๆ เข้ามานั่งในสำนักงาน สำนักงานทำจากกระจก สามารถมองเห็นทุกอย่างที่อยู่ในโกดังได้

 

 

ทั้งสามนั่งลงบนโซฟา เหล่าหลี่รินน้ำชา ส่วนเจียหยวนฮวาถามขึ้นว่า “อีกนานแค่ไหนกว่าสินค้าจะมาถึง วันนี้ยังมีคนอื่นมาดูสินค้าอีกหรือเปล่า”

 

 

“แน่นอนว่าต้องมีอยู่แล้วสิ” เหล่าหลี่พูด “ช่วงนี้ทางพม่าคุมเข้ม อยากจะขนส่งสินค้าเข้ามาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”

 

 

“ครั้งนี้ก็เหมือนกับครั้งก่อนๆ หรือเปล่า” เจียหยวนฮวาถาม

 

 

“ใช่ ลักษณะของหินหยกดีเยี่ยม ยังคงใช้วิธีประมูลแบบเดิม จะได้หลีกเลี่ยงการทะเลาะวิวาท และไม่เป็นการทำร้ายมิตรภาพของทุกคน!” คุณหลี่พูด

 

 

“พูดเสียสวยหรูเชียวว่าเลือกใช้วิธีประมูลซื้อของ แต่ถ้ามีหินหยกไหนที่ดูดี หลายคนชอบในเวลาเดียวกัน ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ใช่ว่าขึ้นราคาหรอกเหรอ?” เจียหยวนฮวาด่าออกมา “มิตรไมตรีหรือทำร้ายกัน คนที่เอาเปรียบก็เป็นเถ้าแก่อย่างพวกแก!”

 

 

คุณหลี่ยิ้มออกมาอย่างกระดากอาย ซีเหมินจินเหลียนฟังแล้วเข้าใจขึ้นมาได้ ที่แท้ความรู้สึกในการเดิมพันวันนี้ก็แตกต่างไปจากอดีตเหมือนกัน? เธอเคยเข้าร่วมงานประมูลหยกที่เจียหยาง รู้วิธีว่าจะเสนอราคาอย่างไร ส่วนราคาก็ไม่ได้เปิดเผย ผู้ซื้อทั้งหมดรู้แค่ว่าราคาสูงสุดคือเท่าไหร่ แต่ไม่รู้ว่าใครซื้อได้ไปครอบครอง มีแค่เจ้าของงานเท่านั้นที่รู้

 

 

แน่นอนว่านี่เพื่อมาตรการความปลอดภัยที่ดีขึ้น เพราะหากหินหยกราคาหลักสิบล้านเผยสีเขียวออกมา ราคาก็คงลากยาวต่อไปเป็นทอดๆ

 

 

ร้านค้าขายหินหยกส่วนตัวแบบร้านนี้รวดเร็วและเรียบง่าย พวกเขาใช้วิธีประมูล…โดยการนำทุกอย่างมาเปิดเผยไว้ตรงหน้า

 

 

ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วไม่หยุด ตอนนี้เธอก็นับว่ามีชื่อเสียงโด่งดังระดับหนึ่ง หากอีกเดี๋ยวต้องเสนอราคา แล้วมีคนตามกระแสแย่งราคาไป เกรงว่าหินหยกที่เธอชื่นชอบคงซื้อไม่ได้ด้วยราคาต่ำๆ แล้ว แต่ถ้าเสนอราคาที่น่าเกียจเกินไป คนที่เสียเปรียบก็คือเถ้าแก่ขายหินหยก

 

 

“มีแต่หินหยกประมูลเหรอคะ” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้น

 

 

“แน่นอนว่าไม่ใช่” คุณหลี่ชี้ไปที่กองหินหยกสะเปะสะปะพวกนั้น “พวกนี้ขายตามราคาที่ตกลงไว้ นอกจากนี้เพราะหินหยกที่ขนมาจากพม่ามีทั้งดีร้ายปนกันไป ในนั้นยังมีหินหยกเกรดต่ำจำนวนหนึ่ง ขายชั่งกิโลโดยปกติก็หนึ่งพันหยวนต่อหนึ่งกิโล…ผมว่าคุณซีเหมินคงไม่สนใจสินค้าแบบนี้หรอกใช่ไหมครับ? ได้ยินว่าบริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่มีแต่หยกชั้นดีทั้งนั้น”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนทำได้แค่เผยยิ้มออกมา นักธุรกิจค้าหินหยกในเจียหยางพวกนี้ มั่นใจในสายตาของตัวเองเวลาเดิมพันหินพอสมควร พวกเขาเชื่อมั่นว่าหินหยกดิบที่ตนเองซื้อมาต้องเผยสีเขียวออกมาอย่างแน่นอน และสามารถขึ้นบนเวทีประมูลให้ผู้ชมต่อรองราคาได้ตามสบาย

 

 

ขอให้สายตาของพวกเขาอย่าดีจนเกินไปนัก ไม่อย่างนั้นของเหลือที่พวกเขาไม่เลือก เธอก็ยังพอเก็บๆ เศษเหลือได้บ้าง ไม่อย่างนั้นคืนนี้อยากจะได้ของอย่างไรคงต้องถึงขั้นขูดเลือดขูดเนื้อจำนวนมากแน่

 

 

“เดี๋ยวสักพักฉันว่าจะไปดูค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้น “ประมูล ฉันยังไม่รู้ว่าจะร่วมเล่นได้ไหม ช่วงนี้เงินยิ่งขัดข้องอยู่บ้าง”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนมีเงินเท่าไหร่ ในใจของเจียหยวนฮวารู้ดี คนที่มาเล่นหยกเกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่มีเงินสดมากกว่าเธอ ถ้าเธอยังขัดข้องทางการเงิน คนอื่นๆ ก็คงขัดสนเสียยิ่งกว่าเธอแล้ว

 

 

แต่เธออยากจะเก็บเงินไว้ใช้ในงานประมูลหยกใต้ดินที่พม่า ไม่ใช่เอามาสิ้นเปลืองในสถานที่เล็กๆ น้อยๆ นี้ เพราะเหล่าหลี่ใช้วิธีในการประมูล เดิมทีก็เป็นวิธีเสนอราคาที่น่าสยองและหลีกเลี่ยงการตามกระแสไม่ได้

 

 

“ถ้าคุณซีเหมินอยากจะดูก็ตามสบายเลยครับ” คุณหลี่ยิ้มและสื่อไปทางหินหยกที่กองอยู่นอกกระจกหน้าต่าง “ผมเป็นนักธุรกิจอย่างแท้จริง และไม่ได้ซี้ซั้ว ราคาภาพรวมผมก็ให้ราคาต่ำก่อน…ส่วนหินหยกเดิมพันทั้งตัวกองนั้น คุณเห็นแล้วหรือยังครับ?”

 

 

“ค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า เมื่อสักครู่ตอนที่เธอเข้ามาก็เห็นหินหยกเดิมพันทั้งก้อนกองนั้น เพียงแต่ไม่ใหญ่และผิวข้างนอกดูเฉยๆ

 

 

“พวกนั้นเป็นหินหยกเกรดต่ำ โดยรวมก็แสนหยวนต่อก้อน ราคาไม่น่าจะสูงมาก” คุณหลี่หัวเราะแห้ง

 

 

จ่านป๋ายกับซีเหมินจินเหลียนก่นด่าในใจหนึ่งประโยคว่า หมื่นไปแสนไม่ถือว่าราคาสูงเหรอ?

 

 

 “พวกเดิมพันครึ่งหนึ่ง อย่างน้อยก็มีสีเผยให้เห็นบ้างแล้ว ดูจากขนาดเล็กใหญ่และลักษณะที่ไม่เหมือนกัน ราคาส่วนมากก็น่าจะสักแสนถึงห้าแสน หินหยกที่อยู่บนชั้นสิบกว่าก้อน หากน้อยกว่าห้าแสน ผมไม่ขายออกไปหรอก!” คุณหลี่ยิ้ม

 

 

ซีเหมินจินเหลียนอยากจะด่าคน แต่ก็ได้แต่พยายามอดกลั้นไว้ เหล่าหลี่คนนี้สูบเลือดสูบเนื้อเหมือนผี! นี่เขาก็ทำธุรกิจแบบนี้เหรอ?

 

 

แต่ตอนนี้เขาพูดอย่างไรก็ต้องเป็นอย่างนั้น ซีเหมินจินเหลียนคิดดูแล้วก็ตัดสินใจไปดูสักหน่อย ไม่อย่างนั้นนั่งแห้งเ**่ยวไม่ทำอะไรเลยก็น่าเบื่อเหลือเกิน

 

 

เจียหยวนฮวาพูดขึ้นว่า “สินค้าในวันนี้เมื่อไหร่จะมาถึง”

 

 

“น่าจะถึงตอนดึกๆ คืนนี้น่าจะช้าหน่อยน่ะ!” เหล่าหลี่ขมวดคิ้วพูด “ตอนแรกที่บอกว่าสามสี่โมงเย็นก็ถึงแล้ว ฉันยังโทรไปบอกทุกคนอยู่เลย สุดท้ายเมื่อครู่เพิ่งได้รับสายบอกว่ามีปัญหาระหว่างทางนิดหน่อย น่าจะมาถึงช้าประมาณหนึ่งทุ่ม จากนั้นรอให้หุ้นส่วนไม่กี่คนของฉันมาดูก็ค่อยว่ากัน!”

 

 

“ในเมื่อพูดอย่างนี้ สามทุ่มสี่ทุ่มก็น่าจะไม่ทันหรอก” เจียหยวนฮวาพูด “พวกเรามาเร็วไป!”

 

 

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวอยู่กินข้าวกับฉันก่อน จากนั้นค่อยดูทีวีรอไปพลางๆ ไม่รีบร้อน” เหล่าหลี่พูด

 

 

“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ฉันขอออกไปดูสินค้านะคะ?” ซีเหมินจินเหลียนลุกขึ้นยืนและยิ้ม

 

 

“คุณซีเหมินตามสบายเถอะครับ” เหล่าหลี่พูด “หากสนใจอันไหน เรียกผมได้เลยนะครับ!”

 

 

เห็นซีเหมินจินเหลียนออกไปแล้ว จ่านป๋ายก็รีบลุกขึ้นอยากจะตามไปด้วย แต่เหล่าหลี่พูดขึ้นเสียก่อนว่า “คุณจ่าน ไม่ไว้ใจอะไรขนาดนั้นกันครับ มองผ่านกระจกก็มองเห็นเหมือนกันนี่ครับ?”

 

 

จ่านป๋ายทำได้แค่ยิ้มออกมา เขาและพวกเขานั่งด้วยกันก็คุยอะไรไม่ได้

 

 

“ผมไปดูสินค้าเป็นเพื่อนจินเหลียนดีกว่าครับ พวกคุณนั่งเถอะ!” จ่านป๋ายยิ้ม

 

 

ซีเหมินจินเหลียนได้ยินอย่างชัดเจน เหล่าหลี่บ่นพึมพำว่า “หนุ่มสาวสมัยนี้ วันๆ ตัวติดกันเป็นตังเมเลย ไม่รู้สึกเบื่อบ้างหรือไง!”

 

 

ดังนั้นหลังจากออกจากสำนักงานแล้ว ซีเหมินจินเหลียนก็กระซิบพูดกับจ่านป๋ายว่า “วันๆ คุณก็คอยอยู่แต่กับฉัน ไม่รู้สึกเบื่อบ้างหรือไงกัน?”

 

 

“จินเหลียน คุณไม่ต้องการผมไม่ได้นะครับ!” จ่านป๋ายเลียนแบบสวี่อี้หราน แกล้งทำเป็นคนน่าสงสาร ทำให้ซีเหมินจินเหลียนยิ้มออกมา

 

 

“ฉันไม่ได้บอกสักหน่อยว่าไม่ต้องการคุณ” ซีเหมินจินเหลียนกลอกตาใส่เขาและเดินไปที่ชั้นเหล็กที่วางอยู่หัวมุมห้อง

 

 

บนชั้นพวกนั้นมีหินหยกที่เปิดช่องหน้าต่างไว้แล้ว และไม่ผิดไปจากที่คาดการณ์ไว้ หินหยกที่เปิดช่องหน้าต่างนั้นเผยสีเขียวออกมาทั้งหมด แต่เธอดูสิบกว่าก้อนติดกันก็ไม่เห็นจะมีสักก้อนที่เตะตา จะบอกว่าสีข้างในไม่ดีก็ไม่ใช่ แต่สีข้างในไม่ได้แย่ แค่ไม่เป็นไปตามที่เธอต้องการ

 

 

จู่ๆ สายตาของซีเหมินจินเหลียนก็ตกไปอยู่ที่หินหยกถูกตัดเป็นสี่เหลี่ยม หินหยกก้อนนั้นถูกตัดผิวรอบด้านออกไปทั้งหมด แต่ก็ไม่มีวี่แววที่จะตัดเผยสีเขียวมาสักนิด นี่ยังไม่นับว่าคนเจียหินคงอยากเล่นตลกกับทุกคนตัดหินหยกพวกนี้เป็นก้อนเต้าหู้เล็กๆ

 

 

ซีเหมินจินเหลียนใช้มือลองทำท่าทางเปรียบเทียบ ขนาดน่าจะใหญ่ประมาณสิบเซนติเมตรได้ กว้างและสูงประมาณเจ็ดเซนติเมตร แต่รอยที่ตัดหกแห่งนั้นไม่ได้เผยสีเขียวสักนิด ดูแล้วล้มเหลวไม่เป็นท่า

 

 

ไม่น่าล่ะถึงได้วางบนชั้นเหล็กในมุมห้องที่ไม่ได้ดึงดูดสายตาใคร

 

 

“เสี่ยวป๋าย คุณดูนี่สิ คุณเจอเพื่อนร่วมงานแล้ว!” ซีเหมินจินเหลียนชี้ไปที่หินก้อนเต้าหู้และมองไปทางจ่านป๋าย

 

 

จ่านป๋ายเดิมทีที่กำลังมองหินหยกที่กองอยู่เต็มพื้นนั้น เมื่อได้ยินก็เลยเดินเข้ามาและกวาดสายตามองดู ก่อนจะได้แต่ปัดมือยิ้ม “ผมบอกแล้ว คนที่มีความชอบแบบนี้ก็ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวสักหน่อย!”

 

 

 ซีเหมินจินเหลียนทำเพียงแค่ยิ้ม นอกจากเขาแล้วยังจะมีใครที่สุรุ่ยสุร่ายกับหินหยกมากไปกว่าเขาได้อีก? แต่เพราะว่าหินก้อนเต้าหู้ลักษณะพิเศษก้อนนี้ ในขณะที่พูดมือขวาของเธอก็แตะไปบนหินหยก สัมผัสไม่เลว น่าจะเป็นเนื้อแก้วผิวสีขาว แต่เมื่อดูลึกต่อไปก็ไม่ได้สวยงามเท่าไหร่

 

 

แต่เมื่อทะลุสีขาวไปได้สองเซนติเมตร สีสันที่ผันผวนเข้ากระแทกไปในจิตใจของซีเหมินจินเหลียน

 

 

ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกสงสัยอยู่ในใจ สีเขียว…เธอก็เห็นมาไม่น้อย เขียวสด เขียวอ่อน เขียวหญ้า เขียวถั่ว เขียวแอปเปิล…แต่ไม่เคยเห็นสีเขียวที่ไหนเต็มไปด้วยก้นบึ้งของชีวิตที่ผันผวน ใช่แล้วสีเขียวแบบนั้นเข้มมาก และมีสีเหลืองเล็กๆ ที่บรรยายความรู้สึกไม่ออก ดูแล้วเหมือนเส้นสีเหลืองทำให้หินหยกก้อนนี้ดูตกต่ำและหมดหนทาง ราวกับดวงตาที่เคยผ่านเรื่องราวมากมายมาก่อน และหนักหนาจนหาทางรับไม่ไหว…

 

 

และในสีเขียวไร้ชีวิตชีวานั้น ไม่ได้เยอะ มีแค่บางๆ ชั้นหนึ่ง ซีเหมินจินเหลียนคาดการณ์ว่าไม่น่าจะลึกถึงหนึ่งเซนติเมตร ขนาดเล็กใหญ่น่าจะประมาณสี่ถึงห้าเซนติเมตร…