หญิงสาวคนนั้นประหลาดใจที่ชิงสุ่ยหยุดการโจมตีเพราะอาการบาดเจ็บของเธอแต่ในขณะเดียวกันมันก็ไม่ได้ดูแปลกกันไป เธอจึงส่ายหน้า “ข้าจะไม่โทษสิ่งอื่นเพราะสุดท้ายข้าก็เป็นฝ่ายแพ้”
เนื่องจากเธอพ่ายแพ้คำขอร้องทั้งหมดก็จะกลายเป็นโมฆะ เธอไม่มีทางหายจากอาการบาดเจ็บอีกแล้ว แต่เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกแปลกๆ ท้ายที่สุดความพ่ายแพ้ของเธอได้ทำให้เธอรู้ว่าเธอคิดผิด เธอไม่รู้ว่าชิงสุ่ยสามารถเพิ่มพลังขึ้นมาอยู่ในระดับที่น่ากลัวนี้ได้ มิฉะนั้นอาจจะระวังมากกว่านี้
เธอคือหนึ่งในผู้นำของมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์หนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ในขณะเดียวกันเธอก็เป็นสมาชิกของพระราชวังหมากรุกสวรรค์อมตะ สถานที่ที่อยู่ห่างไกลจากที่นี่ และด้วยเวลาชีวิตที่เหลือเธอคงไม่อยากกลับไปยังสถานที่แห่งนั้นได้ทัน
ดังนั้นในช่วงเวลาสั้นๆ2-3 วันนี้ เธอไม่มีทางรู้ตัวคนที่ทำให้เธอต้องบาดเจ็บ เธอถูกวางยาพิษแต่ไม่รู้ว่าใครทำ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอโดนวางยาพิษตอนไหน แต่คนที่ทำจะต้องเป็นใครสักคนที่อาศัยอยู่ในมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ น่าเสียดายที่เธอหาคนวางยาพิษไม่ได้เธอจึงไม่มีโอกาสหายาแก้พิษเจอ
มีบางอย่างในพระราชวังหมากรุกสวรรค์อมตะที่พอจะช่วยเธอได้แล้วด้วยพลังของพระราชวังอมตะ มันอาจจะทำให้เธอรอดพ้นจากความตาย แต่เวลาที่เหลืออยู่มันสั้นเกินไป
ครั้งนี้เมื่อเธอได้พบกับชิงสุ่ยเขารับรู้ถึงชีวิตที่เหลือของเธอได้ภายในการมองเห็นแค่แวบเดียว เธอจึงสงสัยว่าชายคนนี้อาจเป็นคนที่วางยาพิษเธอ และพลังของเขาก็เป็นพลังที่น่าสงสัย แม้แต่ตอนนี้เธอก็ยังคงสงสัยอยู่
เธอคิดเหตุผลไปต่างๆนานาแล้วเธอรู้ดีว่าตัวเธอเองก็มีรูปลักษณ์ที่งดงาม ผู้ชายมากมายไม่กล้าเผชิญหน้าที่โดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหญิงสาวที่แข็งแกร่ง และเป็นถึงผู้นำมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์
ดังนั้นเธอจริงๆสงสัยอีกว่าชิงสุ่ยอาจจะพยายามวางยาพิษ โดยมีแรงจูงใจมีบังคับให้เธอออกจากมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ เพื่อจะได้สร้างผลประโยชน์ให้กับตนเอง
”ข้าสามารถรักษาเจ้าได้!!”ชิงสุ่ยกล่าวหลังจากคิดอะไรบางอย่าง
”เจ้าบอกข้าว่าเจ้ามีเงื่อนไขและจะไม่ยอมรักษาให้กับข้าไม่ใช่เหรอ?” หญิงสาวคนนั้นรู้ถึงเงื่อนไขก่อนหน้า ฉะนั้นเธอจึงพยายามเสาะหาว่าชายคนนี้คือคนวางยาพิษหรือไม่ หมอที่เก่งกาจที่สุดในโลกย่อมรู้จักการใช้พิษที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเช่นกัน
”แล้วจะเอาให้ประโยชน์อะไรกับข้าได้บ้าง?”ชิงสุ่ยถามด้วยคำพูดผ่อนคลาย
”เจ้าไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินแล้วดูจากสภาพที่เจ้าเป็นอยู่ก็ไม่มีอะไรดูแย่ ต้องคิดว่าถ้าเป็นคนสวยใช่หรือไม่?”หญิงสาวผู้นั้นยิ้มให้กับชิงสุ่ย ”ใช่จ้าเป็นคนสวยและงดงาม”ชิงสุ่ยกล่าวยกยอเธอ
”ในเมื่อมันเป็นเช่นนั้นข้าก็ไม่มั่นใจว่าเจ้าจะเป็น………”หญิงสาวพยายามจะพูดสิ่งที่เธอต้องการบอก แต่จิตใจของเธอกลับไม่ยอมทำเช่นนั้น
ซึ่งชิงสุ่ยรู้และเข้าใจในสิ่งที่เธอพยายามจะบอก
ชิงสุ่ยไม่ใช่เด็กเขาจึงสามารถรับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่ผันแปรในตัวหญิงสาวคนนี้ได้เป็นอย่างดี เธอกำลังรู้สึกไม่สบายใจ เธอเป็นคนประเภทที่เชื่อว่าความตายนั้นดีกว่าต้องอยู่กับความอัปยศ ดังนั้นเธอจึงพยายามไม่พูดใส่ร้าย แม้ว่าเธอจะรู้สึกเช่นนั้นก็ตาม
”ข้ายอมรับว่าเจ้าเป็นคนสวยและข้าเองก็มีความปรารถนาตอนที่ได้เจอเจ้าครั้งแรก หากชายใดไม่ต้องการตัวเจ้า คนคนนั้นจะต้องเป็นขันทีไม่ก็แย่กว่า แต่น่าเสียดาย ที่เขาไม่ชอบใช้กลยุทธ์สกปรก และที่สำคัญ ข้าเองก็มีลูกและภรรยาอยู่แล้ว”ชิงสุ่ยยิ้มและส่ายหน้า
สีหน้าการแสดงออกของหญิงสาวแปรเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจแต่เธอก็ยังกล่าวต่อไปว่า ” แต่ข้าไม่รู้ว่าข้าจะชดใช้คืนตอบแทนบุญคุณเจ้าได้อย่างไร”
”ความจริงใจ เจ้าจะต้องใช้ความจริงใจ แม่นาง ในเมื่อเจ้ามีนิสัยเช่นนี้ ข้าคงไม่แปลกใจเลยที่เจ้าจะยังบริสุทธิ์อยู่”
ใบหน้าของหญิงสาวแดงกล่ำความสามารถในการตรวจสอบของชายหนุ่มล้ำเลิศยิ่งนัก แม้แต่พรหมจารีเขาก็ยังรับรู้ได้ คงมีแต่คนชั่วร้ายเท่านั้นที่สนใจเรื่องแบบนี้…….
”ทำไมเจ้าไม่กลับไปก่อนล่ะ!!”หญิงสาวหันไปมองนายน้อยที่สองแห่งตระกูลฮัว
”นายท่านข้ามีบางอย่างแต่ข้าไม่แน่ใจว่าควรจะพูดดีหรือไม่?”นายน้อยที่สองแห่งตระกูลฮัวกำลังจะกล่าวอะไรบางอย่าง
”พูดมา!!”
”ก่อนหน้าที่ท่านจะมาที่นี่ข้าได้ทำข้อตกลงไว้กับเขา แม้เรื่องราวจะยังไม่ได้แก้ไข แต่เขาคือคนรักษาอาการบาดเจ็บของข้า ก่อนหน้านี้ข้าเกลียดชายผู้นี้เข้ากระดูกดำ เกลียดถึงขั้นที่ข้าพร้อมจะตายเพื่อฆ่าชายคนนี้ แม้ว่าข้าจะเอาชนะชายผู้นี้ไม่ได้ แต่หลังจากเรื่องราวผ่านไป มันได้เปลี่ยนความคิดของข้า ข้าไม่ต้องการที่จะเป็นศัตรูกับชายคนนี้ ชายคนนี้เป็นคนดี โดยเฉพาะกับพวกพ้องพันธมิตร ฉะนั้นเขาจึงเป็นคนที่ไว้ใจได้”นายน้อยที่สองแห่งตระกูลฮัวกล่าวกับหญิงสาวโฉมงามอย่างช้า
”ชายคนนี้คือผู้รักษาเจ้า?”หญิงสาวกล่าวด้วยท่าทีประหลาด
”อาการบาดเจ็บของข้าเกือบหายสนิทภายในไม่กี่วัน”นายน้อยที่สองแห่งตระกูลฮัวพยักหน้า
”อืม ดูเหมือนว่าความสามารถในการรักษาของชายคนนี้เป็นเลิศจริงๆ ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว”
”ถ้าเช่นนั้นข้าน้อยขอตัวลา”นายน้อยที่สองแห่งตระกูลฮัวโค้งคำนับแล้วจากไป
ก่อนหน้านี้ชิงสุ่ยได้ใช้พลังทำให้เธอบาดเจ็บถึงจะไม่มากแต่ก็ไม่น้อยเลยทีเดียวเธอยังคงยืนอยู่บนอากาศพร้อมผ้าไหมที่พริ้วไสวราวกับเทพธิดาสวรรค์กำลังจะมาจุติบนโลก
เธอยังคงยืนนิ่งเฝ้ามองดูชิงสุ่ยมุ่งหน้ากลับไปยังหอคอยจักรพรรดิจากนั้นเมื่อเธอเห็นชิงสุ่ยเข้าไปในหอคอยจักรพรรดิ เธอก็ค่อยๆอ่านลงมาสู่พื้นดินและเดินตรงไปยังหอคอยจักรพรรดิอย่างนุ่มนวล
ทันทีที่ทุกคนเห็นชิงสุ่ยกลับมาทุกคนก็รู้สึกผ่อนคลายและรู้ดีว่าชิงสุ่ยแข็งแกร่งพอจะรับมือ แต่ที่พวกเขาไม่มั่นใจเพราะคนที่ชิงสุ่ยต้องเผชิญเป็นถึงผู้นำของมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ แต่เมื่อเห็นเขากลับมาในสภาพสมบูรณ์ ทุกคนก็ยิ่งมีความสุข
ชิงสุ่ยรับเอาชิงซิ่วตัวน้อยมาจากอ้อมแขนอีเย่เจี้ยนเก้อตอนนี้เด็กน้อยพัฒนาการเรียนรู้ไปถึงขั้นหัดเดิน ตอนนี้ก็เป็นเวลาใกล้เที่ยง เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างจบสิ้นไม่มีเรื่องเลวร้ายมาย่างกราย หญิงสาวส่วนใหญ่จึงช่วยกันทำอาหารเพื่อมาทานเป็นมื้อเที่ยง
”ผู้นำเทวะคนนั้นแข็งแรงหรือไม่?”เหลียนหลิงเฟิงถามด้วยความสงสัย
”เจ้าเคยเห็นคนผู้นั้นด้วยหรือ?”ชิงสุ่ยตอบกลับ
”ผู้นำเทวะ?ไม่เลย ข้าไม่เคยเห็น”เหลียนหลิงเฟิงตอบกลับอย่างรวดเร็ว
”เช่นนั้นเจ้าก็ลองดูตรงนั้นสิ เธออยู่ตรงนั้น!!”ชิงสุ่ยชี้ตรงไปยังหญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามา
เหลียนหลิงเฟิงและหยินต่งจ้องมองตามไปยังทิศทางที่ชิงสุ่ยชี้นำก่อนจะเห็นหญิงสาวที่สวมชุดคลุมสีม่วงปักลายทองราคาหรูหรา เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นคนที่มีเกียรติสูงส่ง พร้อมกับกลิ่นอายที่อยู่เหนือเจ้าคนนายคน สิ่งที่เหลียนหลิงเฟิงเห็นทำให้เธอตกตะลึงถึงกับพูดไม่ออก