ในที่สุดไค่เอ๋อร์และมารดาก็เกิดความเชื่อมั่นว่าเซียวอวี๋จะสามารถบุกยึดเมืองเม็กได้ ทั้งสองจึงกอดกันร้องไห้ด้วยความยินดี ในที่สุดพวกนางแม่ลูกก็จะสามารถหลุดพ้นชะตากรรมอันเลวร้ายได้แล้ว
เซียวอวี๋เอ่ยปลอบทั้งสอง “ไม่ต้องกังวล มันจะต้องสำเร็จ จากนั้นพวกท่านก็ติดตามข้ากลับดินแดนไลอ้อน ที่นั่นพวกท่านจะมีอิสระ” หลังจากสตรีทั้งสองหยุดร่ำไห้ พวกนางก็เริ่มไต่ถามสถานการณ์ของสกาเล็ต เซียวอวี๋จึงเล่าเรื่องราวทั้งหมด เว้นก็แต่เรื่องที่เขากับสกาเล็ตมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน…. เซียวอวี๋ค่อยข้างอายที่จะเอ่ยเรื่องนี้ เขากลับหลับนอนกับพวกนางสองพี่น้อง เซียวอวี๋เรียกเจ้าหน้าที่หญิงประจำคฤหาสน์ให้จัดอาหารมา ทั้งสามนั่งร่วมโต๊ะด้วยกันพลางเพลิดเพลินกับอาหาร ไค่เอ๋อร์และมารดาไม่ได้รู้สึกสงบเช่นนี้ตั้งนานแล้ว รับประทานอาหารไปได้พักหนึ่ง ไค่เอ๋อร์ก็เอ่ยถามขึ้น “คุณชายเซียว ท่านวางแผนจะช่วยผู้จัดการเซี่ยอย่างไรหรือ?” เนื่องเพราะได้รับการดูแลจากเซี่ยชานตั้งแต่เด็ก ไค่เอ๋อรืจึงกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเซี่ยชาน เซียวอวี๋นิ่งคิดครู่หนึ่งจึงกล่าวตอบ “ข้ายังคิดไม่ออก เอาไว้พรุ่งนี้ข้าจะลองไปเลียบเคียงจากมิรันด้าดูก่อน และต่อให้มันไม่สำเร็จ ข้าก็ยังมีกองทัพ ข้าไม่หวั่นเกรงเจ้าพวกนั้นแม้แต่น้อย” ไค่เอ๋อร์ผงกศีรษะและกำลังจะกล่าวบางอย่าง ตอนนั้นเอง เสียงระเบิดอันรุนแรงพลันดังขึ้น คฤหาสน์ทั้งหลังพลันสั่นสะเทือนราวกับเกิดแผ่นดินไหว เซียวอวี๋ลุกขึ้นพรวด “อิลิดัน เกิดอะไรขึ้น?” “เซียวอวี๋ ไอ้ลูกเต่า! หากวันนี้ข้าไม่ฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ เช่นนั้นข้าจะไม่ขอใช้ชื่อมิรันด้า!” เสียงคำรามพลันดังขึ้นจากด้านนอก เจ้าของเสียงไม่ใช่ใครอื่น เป็นมิรันด้าเอง เซียวอวี๋ขมวดคิ้ว ไฉนมิรันด้าจึงมาที่นี่? ฟังจากน้ำเสียงแล้ว เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายต้องล่วงรู้บางสิ่ง หรือความตั้งใจของเขาถูกอีกฝ่ายมองออกแล้ว? เกิดอะไรขึ้นกันแน่? เมื่อเกิดเรื่องขึ้น เซียวอวี๋ก็ไม่อาจนั่งเพลิดเพลินมื้ออาหารอยู่ในคฤหาสน์อีก เขานำชุดเกราะออกมาสวมใส่ จากนัน้จึงหันไปสบตากับเมอีฟ เมอีฟเข้าใจความต้องการของเซียวอวี๋ ร่างของนางพลันเลือนลาง เซียวอวี๋เปิดประตู เขากวาดมองผู้คนที่โอบล้อมอยู่พลางเอ่ยถาม “มิรันด้า เจ้าจะทำอะไร? หรือไม่อยากทำธุรกิจกันแล้ว?” เวลานี้ มิรันด้านั่งอยู่บนหลังม้าขาวปลอด เขาจ้องมองเซียวอวี๋เขม็ง แววตาทั้งคู่อัดแน่นไปด้วยเพลิงแค้น “เซียวอวี๋ เจ้ากลับกล้ามาปั่นหัวข้าเล่น เจ้าได้ร่วมมือกับสกาเล็ตอยู่ก่อนแล้ว กระนั้นกลับกล้ามาหลอกใช้ข้า หากวันนี้ไม่ฆ่าเจ้า ข้าก็ไม่ใช่บุรุษแล้ว!” เซียวอวี๋แค่นเสียง “ต้องการฆ่าข้าหรือ? ฝันไปเถอะ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าไปล่วงรู้ว่าจากที่ใด เหอ ดูเหมือนว่าเจ้าคงติดตั้งบางสิ่งไว้สอดแนมข้าสินะ ข้าจะบอกให้เจ้าฟัง ตอนนี้กองทัพอันเกรียงไกรของข้าจ่อประชิดชายแดนของเมืองเม็กแล้ว หากยังอยากมีลมหายใจอยู่ เจ้าก็ควรทำตัวว่านอนสอนง่าย รีบส่งมอบเซี่ยชานและคนอื่นๆออกมา มิเช่นนั้นก็อย่าได้ตำหนิที่ข้าจะถล่มเมืองนี้เช่นเดียวกับที่บิดาข้าเคยกระทำ!” ได้ยินคำพูดของเซียวอวี๋ ปอดของมิรันด้าก็แทบจะมอดไหม้ด้วยเพลิงโทสะ เขาวางแผนเอาไว้มากมาย คิดว่าจะตักตวงผลประโยชนืผ่านทางเซียวอวี๋อย่างไร เขากระทั่งวางแผนพึ่งพากำลังของเซียวอวี๋เสริมสร้างอำนาจของเขา โชคดีที่เขาเป็นคนระมัดระวัง ดังนั้น ตอนที่ส่งมารดาของไค่เอ๋อร์มาที่นี่ เขาก็ลอบติดตั้งมณีสอดแนมเอาไว้ แม้ราคาจะแพงโข แต่มันก็สามารถช่วยเขาทำความเข้าใจกับอุปนิสัยใจคอของเซียวอวี๋ได้ แต่คาดไม่ถึงว่า เขาจะได้เห็นธาตุแท้ของเซียวอวี๋ ตั้งแต่เด็ก เขาเคยแต่วางแผนบงการผู้อื่น หลอกใช้ผู้อื่น เขาไม่เคยถูกหลอกใช้เช่นนี้มาก่อน ดังนั้นความโกรธของเขาในเวลานี้จึงสูงเทียมฟ้า เขาจะไม่ยอมปล่อยเซียวอวี๋ให้รอดไปได้ เซียวอวี๋จะต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ ด้วยเหตุนี้ หลังจากได้เห็นธาตุแท้ของเซียวอวี๋ เขาก็รีบส่งกองทหารชั้นสูงมาโอบล้อมคฤหาสน์เอาไว้ หลังจากมิรันด้าดีดนิ้ว กองทหารก็พุ่งเข้าหาเซียวอวี่จากสี่ทิศแปดทาง อิลิดันพลันกระโดดลงมารับมือกับพวกทหาร ขณะที่พวกทหารกำลังจะถึงตัวเซียวอวี๋ อิลิดันก็ปลดปล่อยพลังโจมตีเต็มกำลังใส่พวกทหาร หากจะมีผู้ใดสามารถต้านทานเขาได้ คนผู้นั้นจะต้องอยู่ในขั้นที่หกเป็นอย่างน้อย มิเช่นนั้น ต่อให้เป็นตัวตนขั้นที่ห้าก็เพียงต้านรับอย่างเต็มฝืน ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงการจู่โจม เมื่อไค่เอ๋อร์สองแม่ลูกเห็นเซียวอวี๋ถูกทหารจำนวนมากโอบล้อมเอาไว้ พวกนั่นก็ตัวสั่นด้วยความกลัว ไค่เอ๋อร์รวบรวมสติก่อนจะตะโกนบอกเซียวอวี๋ “คุณชาย ท่านรีบหนี ท่านช่วยพี่สาวก็เพียงพอแล้ว พวกเราไม่เป็นไร” ภายใต้การล้อมกรอบจากเหล่าศัตรู เซียวอวี๋ยืนนิ่งเฉยชา เขายกมือลูบแหวนมิติและเอาระเบิดออกมา จากนั้นพลันขว้างระเบิดเข้าไปในกลุ่มพวกทหาร บึ้ม บึ้ม บึ้ม…. เสียงระเบิดดังขึ้นหลายครั้ง พริบตาเดียว คฤหาสน์ทั้งหลังก็ลุกเป็นไฟ พวกทหารเหล่านั้นยังไม่ทันมีปฏิกริยาใดก็ถูกระเบิดเป็นเศษเนื้อ “กล้าตอแยลูกพี่หรือ?” เซียวอวี๋ตบปัดฝุ่นพลางยิ้มเยาะ “ดี ดี ยิงเวทถล่มมันเลย!” มิรันด้าโกรธแค้นถึงขีดสุด เขาหันไปตวาดสั่งพวกผู้ใช้มนตรา วิธีที่ดีที่สุดในการเผชิญหน้ากับยอดฝีมือคือถล่มด้วยเวทมนตร์ ด้วยวิธีนี้ เวทมนตร์หลายสายจะพุ่งถล่มใส่จุดเดียว พลังอำนาจของมันแน่นอนว่าน่าพรั่นพรึงเกินจินตนาการ เพื่อที่จะบดขยี้เซียวอวี๋แล้ว มิรันด้าแน่นอนว่าต้องเตรียมตัวมา เวทมนตร์หลากหลายชนิดพุ่งเข้าหาเซียวอวี๋ เซียวอวี๋แสยะยิ้มโบกมือก่อนจะใช้เทเลพอตไปอยู่ข้างกายของสองแม่ลูก ดังนั้นกลุ่มเวทมนตร์จุึงถล่มใส่พื้นที่ว่าง ครืน ครืน…… ความรุนแรงของมันถึงกับทำให้ทั่วทั้งบริเวณสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง “มันอยู่นั่น!” มีบางคนสังเกตเห็นเซียวอวี๋ พวกเขารีบพาดศรยิงออกไป เซียวอวี๋นำพรากวิญญาณออกมาปัดป้องลูกธนูเหล่านั้น “ไม่ต้องกังวล ข้าจะพาพวกท่านออกไปเดี๋ยวนี้” เซียวอวี๋ยิ้มให้สตรีทั้งสอง จากนั้นจึงกางมือโอบเอวทั้งสองเอาไว้ก่อนจะเรียกใช้ทักษะก้าวทะยาน พวกเขาพลันกระโดดข้ามศีรษะพวกทหารไปยังอีกฝั่งหนึ่ง เวลานี้ ความแข็งแกร่งของเซียวอวี่เพิ่มขึ้นจากเดิมมาก ระยะทางของทักษะเองก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ด้วยทักษะนี้ เซียวอวี๋จึงพุ่งทะยานอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้า ลูกธนูและเวทที่ยิงมาจึงพลาดเป้าไปทั้งหมด “จับมัน! จับตัวพวกมันมาให้ข้า!” มิรันด้าคาดไม่ถึงว่าเซียวอวี๋จะมีทักษะประหลาดเช่นนี้ ทีแรกเป็นเทเลพอต ตอนนี้ยังมีกระโดดสูงอีก แน่นอนว่าพวกทหารทั่วไปย่อมไม่อาจทำอย่างไรกับเซียวอวี๋ มีเพียงเหล่ายอดฝีมือที่สามารถ ดังนั้น ยอดฝีมือร้อยกว่าคนจึงพุ่งติดตามเซียวอวี๋ไป ในเวลาเดียวกันนั้น ยอดฝีมือเชิงธนูบางคนก็พาดศรเตรียมยิงสกัดเซียวอวี๋ อย่างไรก็ตาม หลังจากเซียวอวี๋กระโดดถึงพื้น เขาก็ไม่ได้กระโดต่อ หากแต่ใช้ทักษะท่าเท้าทะยานหลบหลีกไปตามบ้านเรือนภายในเมืองเม็ก เซียวอวี๋ทราบว่าหากมีเพียงเขา เขาย่อมหลบหนีได้ไม่ยาก กระทั่งตัวตนขั้นที่หกก็ยังยากจะตามจับเขาทัน ตอนนี้เมอีฟถูกส่งไปตามกองหนุนแล้ว เมื่อนางกลับมาพร้อมกับกองทัพ พวกเขาก็จะสามารถหลบหนีอย่างง่ายดาย ในขณะนั้น อิลิดันยังคอยช่วยเซียวอวี๋รับมือกับพวกยอดฝีมือขั้นที่หกไม่ให้ติดตามเซียวอวี๋ไป มิเช่นนั้น เซียวอวี๋คงไม่อาจหลบหนีอย่างสะดวกถึงเพียงนี้….