ตอนที่ 1089 พระผู้สร้าง โดย Ink Stone_Fantasy
การเชื่อมต่อกับโลกแห่งจิตสำนึกเป็นเรื่องที่เปลืองพลังเป็นอย่างมาก
ถ้าจะใช้คำอะไรมาบรรยายแล้วล่ะก็ เช่นนั้นก็ต้องเป็นความแสบร้อนและความวุ่นวาย
ความแสบร้อนที่ว่านั้นมาจากแหล่งกำเนิดเวทมนตร์ ถึงแม้มันจะเป็นแหล่งของพลังทั้งหมดทั้งมวล และจุดหมายปลายทางของสรรพสิ่ง แล้วก็เป็นฐานที่ทำให้โลกแห่งความฝันคงอยู่ แต่การจะเข้าไปใกล้มันโดยไม่มีการยกระดับนั้นไม่ได้ต่างอะไรจากการฆ่าตัวตาย
ส่วนความวุ่นวายนั้นก็มาจากตัวของจิตสำนึก
เมื่อตื่นรู้พลังเวทมนตร์ไปได้ถึงระดับหนึ่งก็จะมีการทิ้งรอยประทับของจิตสำนึกเอาไว้บนแหล่งกำเนิดพลังเวทมนตร์
จิตสำนึกจำนวนนับไม่ถ้วนจะไปรวมกันอยู่บนนั้นเหมือนเป็นมหาสมุทรที่ปกคลุมพื้นดิน บางจิตสำนึกก็จมลงไปยังก้นมหาสมุทร ยากที่จะตามหามันกลับมาได้อีก ส่วนบางจิตสำนึกก็ล่องลอยไปตามกระแสน้ำ
ความแตกต่างของจิตสำนึกทั้งสองแบบนั้นอยู่ที่ว่าตัวจิตสำนึกจะรู้ถึงจุดนี้หรือไมj
ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในคุณลักษณะที่เอาไว้แยกระหว่างพวกชั้นต่ำกับชั้นสูง
จิตสำนึกที่จมอยู่ด้านล่างคือพวกที่ตายแล้ว ไม่มีค่าใดๆ อีก ส่วนจิตสำนึกที่ลอยอยู่นั้นแสดงให้เห็นว่าเคยมายังโลกแห่งจิตสำนึกแล้ว ต่อให้เคยเห็นแค่เพียงแวบเดียว มันก็ยังแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อยู่
เฮคซอดคือหนึ่งในผู้ที่เชี่ยวชาญเรื่องโลกแห่งจิตสำนึก
มันไม่เพียงแต่จะได้รับการยอมรับจากแหล่งกำเนิดเวทมนตร์ แต่มันยังมีความสามารถในการเชื่อมต่อกับโลกแห่งจิตสำนึกด้วย
นี่ทำให้มันสามารถหาข้อมูลที่มีค่าบางอย่างได้
แต่ว่าเรื่องแบบนี้มันไม่เหมาะกับการที่จะทำบ่อยๆ
จิตสำนึกมักจะมีอิทธิพลซึ่งกันและกัน การอยู่ในนั้นเป็นเวลานานจะทำให้จิตสำนึกของตัวเองปนเปื้อนได้ง่าย บวกกับการเคลื่อนไหวอยู่ในนั้นเหมือนกับการเดินอยู่ในกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก หากไม่ระวังจะทำให้หลงทิศทางได้ง่าย มีปีศาจจำนวนมากที่เข้าไปในโลกแห่งจิตสำนึกแล้วไม่สามารถกลับออกมาได้ มันไม่อยากที่จะทำผิดพลาดเหมือนอย่างปีศาจเหล่านั้น
เมื่อโยนเหตุผลทั้งสองข้อทิ้งไป เหตุผลที่สำคัญกว่านั้นก็คือแฮคซอดไม่ชอบที่นี่
ต่อให้เชื่อมต่อเข้ากับโลกแห่งจิตสำนึกเก่งแค่ไหน แต่จิตสำนึกที่ลอยอยู่ด้านบนมหาสมุทรก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น
เมื่อสูญเสียร่างกายที่คอยค้ำจุนไป ช้าเร็วจิตสำนึกก็ต้องจมลงไปในแหล่งกำเนิดเวทมนตร์ ส่วนด้านบนก็จะมีผู้ตื่นรู้ใหม่เข้ามาแทนที่ ภาพเหตุการณ์เหล่านี้คอยย้ำเตือนว่าตัวมันไม่ใช่อมตะ ถ้าไม่ได้รับการยกระดับจนถึงที่สุดแล้ว มันก็ยังมีโอกาสที่จะดับสูญได้อยู่ การรับรู้ถึงจิตสำนึกที่ไหลทะลักออกมาก็เหมือนกับว่ามันกำลังมองดูความตายของตัวเองอยู่ นี่จึงยากที่มันจะปล่อยให้ตัวเองจมอยู่ในทะเลแห่งจิตสำนึกได้
ทันใดนั้นเอง แฮคซอดพลันพบเข้ากับกลิ่นที่คุ้นเคย
นี่มัน….คาบราดาบีเหรอ?”
มันค่อนข้างแปลกใจ
ทำไมอีกฝ่ายถึงดูอ่อนแอขนาดนี้? เหมือนกับว่ากำลังตายอย่างไรอย่างนั้น
ต่อให้แมลงพวกนั้นฆ่ามัน มันก็ไม่น่าจะมีสภาพเป็นแบบนี้นี่นา เพราะว่านั่นเป็นจิตสำนึกของผู้ที่ถูกยกระดับ ในฐานะที่เป็นแม่ทัพผู้กล้าของกองทัพตะวันตก การตายไม่มีทางทำให้จิตสำนึกของมันหายไป มันน่าจะมีหลงเหลือเพียงพอให้ตัวเองได้ใช้ค้นหาข้อมูลถึงจะถูก
แต่คาบราดาบีที่อยู่ตรงหน้า…ไม่เพียงแต่จะดูไม่เหมือนผู้ที่ถูกยกระดับ แต่มันยังดูอ่อนแอกว่าแมลงตัวเมียด้วยซ้ำ ด้วยพลังเวทมนตร์ที่อีกฝ่ายมีอยู่ในตอนนี้ จริงๆ มันไม่ควรจะเข้ามาในโลกแห่งจิตสำนึกได้ด้วยซ้ำ
เฮคซอดจินตนาการว่าตัวเองค่อยๆ ยื่นมือทั้งสองข้างไปจับจิตสำนึกนี้เอาไว้
“ท่ายสกายลอร์ด” จากนั้นก็มีเสียงหนึ่งปลุกมันให้ตื่นขึ้นมาจากโลกแห่งจิตสำนึก “ท่านจักรพรรดิเรียกท่านขอรับ”
มันหันหน้ากลับไปมององครักษ์ “ข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปก่อนไป”
“ขอรับ”
เฮคซอดปล่อยเศษชิ้นส่วนสืบทอดที่กำลังส่องแสงสีแดงอย่างอ่อนแรง ก่อนจะบินขึ้นไปยังยอดหอคอยแห่งการถือกำเนิด
นับตั้งแต่ที่ได้ชิ้นส่วนสืบทอดทางอารยธรรมส่วนหนึ่งมา การศึกษาวิจัยพลังเวทมนตร์ของพวกมันก็เรียกได้ว่าก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อพวกมันมีการคิดค้นระบบการอยู่อาศัยแบบพึ่งพาอาศัยกันขึ้นมา พวกมันก็เริ่มไม่จำเป็นต้องพึ่งพาหินเวทมนตร์อีก แม้แต่หอคอยแห่งการถือกำเนิดนี้ก็มีพลังอะไรหลายๆ อย่างที่เมื่อก่อนนี้ไม่มี อย่างเช่นการขยายผลของพลังเวทมนตร์ให้รุนแรงขึ้น หรืออย่างเช่นทำให้สามารถเชื่อมต่อกับหอคอยแห่งการถือกำเนิดหออื่นได้
โดยเฉพาะอย่างหลังที่ให้ราชาซึ่งกระจัดกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ สามารถพูดคุยกับจักรพรรดิได้โดยตรง
บนยอดหอคอยมีหมอกแดงอยู่หนาแน่นมากที่สุด ความรู้สึกเปียกชื้นแบบนี้ได้พัดเอาความรู้สึกไม่ดีจากการเชื่อมต่อโลกแห่งจิตสำนึกออกไป เฮคซอดวางมือลงบนตัวหอคอยพร้อมกับรวบรวมสมาธิ
‘สกายลอร์ดรายงานตัวขอรับ ท่านจักรพรรดิ’
‘แผนการเป็นยังไงบ้าง?’ เสียงของจักรพรรดิค่อยๆ ดังขึ้นมา ‘เวลาเหลืออยู่ไม่เท่าไรแล้ว’
‘อาณาจักรซีสกายมีความเคลื่อนไหวหรือขอรับ?’ มันถามขึ้นมาทันที
‘ถูกต้อง แถมยังดูอันตรายอย่างมากด้วย หลายฝ่ายแนะนำว่าให้ถอยก่อน เพราะว่าพระผู้สร้างให้จะเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อไรที่มันใช้การได้ เราก็จะเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีกลับใส่พวกมัน แทนที่จะตั้งรับเพียงอย่างเดียว’
พระผู้สร้าง!
เฮคซอดตกตะลึง
สุดยอดอาวุธในตำนาน ในที่สุด…ก็จะกลายเป็นจริงแล้วเหรอ?
สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระไปยังทั่วทุกมุมโลกได้โดยไม่ต้องพึ่งพาสายแร่หินเวทมนตร์ นี่เคยเป็นเป้าหมายที่ปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนต่างเฝ้าปรารถนา และตอนนี้มันก็ใกล้จะกลายเป็นจริงแล้ว
มันเป็นทั้งของขวัญจากพระเจ้า แล้วก็เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าพวกมันเข้าใกล้แหล่งกำเนิดเวทมนตร์เข้าไปอีกก้าว
สกายลอร์ดใช้จิตสำนึกในการแสดงความชื่นชมต่อจักรพรรดิ
‘แล้วคำตอบของเจ้าล่ะ?’
‘กองทัพตะวันตกเจอเรื่องที่ไม่คาดคิดนิดหน่อยขอรับ’ เดิมเฮคซอดอยากจะตอบไปว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี เพราะจักรพรรดิได้รับความกดดันจากทางอาณาจักรซีสกาย มันไม่ควรจะไปเพิ่มความลำบากใจอะไรให้เขา แต่มันก็ควรจะจงรักภักดีต่อจักรพรรดิ การไปคิดแทนจักรพรรดินั้นคือสิ่งที่มันไม่ควรทำ ‘แม่ทัพของข้ารายงานว่า ….’ มันชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจใช้คำเรียกอย่างเป็นทางการ เพราะนี่ก็เป็นคำเรียกที่อีกฝ่ายใช้เรียกตัวเองในอดีต ‘มนุษย์พวกนั้นแตกต่างไปจากเมื่อ 400 ปีก่อนอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องการทำสงคราม ทัพหน้าของเราได้รับความเสียหายนิดหน่อย แต่ว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแผนการของพวกเราขอรับ’
หลังฟังรายงานจบ จักรพรรดิก็นิ่งไปเล็กน้อย ‘ผลจากการวิวัฒนาการเหรอ?’
‘ไม่เกี่ยวกับการวิวัฒนาการขอรับ เหมือนจะเป็นการใช้อาวุธกับธาตุในธรรมชาติมากกว่า อย่างเช่นไฟที่พวกเราไม่ชอบ’
‘ไม่ใช่แม้กระทั่งพลังเวทมนตร์?’
‘เกรงว่าจะเป็นเช่นนั้นขอรับ เดิมแม่ทัพของข้าคิดจะจับมนุษย์เหล่านั้นกลับมาเป็นๆ แล้วก็ยึดอาวุธของพวกมันมาซักสองสามชิ้นเหมือนกับเมื่อก่อนนี้ แต่เสียดายที่ไม่สำเร็จ’ เฮคซอดพูด ‘มันแนะนำให้ข้าส่งกำลังส่วนหนึ่งไปเพิ่มให้ทางทัพตะวันตก หรือไม่ก็ใช้โลกแห่งจิตสำนึกในการหาสาเหตุที่แท้จริงขอรับ’
‘มีผู้ที่ถูกยกระดับยกอยู่ในมือของมนุษย์เหรอ?’ จักรพรรดิพูดอย่างไม่สบอารมณ์ ‘ถึงแม้ข้าจะคิดเอาไว้แล้วว่าช้าเร็วมันก็ต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นหลังจากที่เราผ่อนปรนเรื่องเงื่อนไขของผู้ที่จะทำการยกระดับ แต่นี่มันค่อนข้างจะเร็วไปหน่อยนะ ข้าจำได้ว่าแม่ทัพของกองทัพตะวันตกเป็นลูกน้องที่เจ้าภาคภูมิใจ แถมยังมีฉายาว่าแม่ทัพอัจฉริยะด้วย เจ้าแน่ใจนะว่ามันไม่ได้ละเลยหน้าที่?’
เฮคซอดรับก้มหน้าลงทันที
‘แล้วเจออะไรไหม?’
‘ไม่เจออะไรเลยขอรับ พลังเวทมนตร์ของมันก็อ่อนแรงจนแทบจะไม่มี สภาพแบบนี้ข้าไม่สามารถหารายละเอียดอะไรได้’ มันลังเลเล็กน้อย ‘แต่ว่า..’
‘แต่ว่าอะไร?’
‘วินาทีที่ข้าสัมผัสกับจิตสำนึกของมัน ข้าเหมือนจะมองเห็นเปลวไฟที่สว่างอย่างมาก…ข้าน่าจะมองผิดไปเองขอรับ’
‘ถ้าเป็นไฟจริงก็ไม่ต้องไปสนใจมัน’ จักรพรรดิตอบ ‘ถึงแม้พวกเราจะไม่ค่อยใช้มัน แต่เราก็รู้จักมันมากพอ ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่เราเรียนรู้มาจากพวกมนุษย์มันก็กลายเป็นอดีตไปนานแล้ว ส่วนคำขออันแรกนั้น ข้าขอปฏิเสธมันแทนเจ้าเอง การโจมตีของอาณาจักรซีสกายต่างหากถึงเป็นสิ่งสำคัญ ข้าไม่สามารถแบ่งกองทัพให้เจ้ามากไปกว่านี้ได้ เจ้าเองก็ห้ามเคลื่อนทัพที่มีอยู่ในตอนนี้ออกไปจนหมด อย่าลืมซะล่ะ ตอนนี้ชิ้นส่วนสืบทอดที่เกี่ยวพันถึงการยกระดับของเผ่าพันธุ์อยู่ในการดูแลของเจ้านะ!’
‘ข้าทราบแล้วขอรับ’
‘ดีมาก ระวังอย่าให้แผนการผิดพลาดล่ะ ทันทีที่พระผู้สร้างเสร็จสมบูรณ์ พวกเราจะกลายเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด’ เสียงของจักรพรรดิค่อยๆ หายไปในหัวของเฮคซอด
…………………………………………………………….