ตอนที่ 717 : ทรงพระเจริญ

Virtual World – Peerless White Emperor

ตอนที่ 717 : ทรงพระเจริญ

 

เย่ฉาง, จางเจิ้งเฉียง และหลินหลี่ที่เพิ่งหลบหนีจากการไล่ล่าพ้นกําลังนั่งหอบอยู่บนพื้น

 

“ตอนนี้เราจะทํายังไงกันดี? ไอ้บ้านั่นเก่งเกินไปแล้ว ไม่แน่ว่าประตูถัดไปอาจจะมีโงกุนในร่างซุปเปอร์ไซย่าสามกําลังรอเราอยู่ก็ได้?” จางเจิ้งเฉียงหันไปมองม้าเซ็กเธาว์ที่มีดวงตาสีแดงกร่ําเนื่องจากความเหนื่อยล้า

 

“มันอาจจะเป็นฟรีสเซอร์… ผมจําได้ว่า…” เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินหลี่พูด พวกเขาทั้งสองก็ลุกขึ้นทันที เยฉางปัดฝุ่นออกจากมือแล้วพูดว่า “งั้นกลับบ้านกันเถอะ”

 

“ก็ดีเหมือนกัน ฉันรู้สึกอยากทานราเมนแล้ว นี่เพื่อนเราไปดื่มกันสักหน่อยไหม?” จางเจิ้งเฉียงขว้างง้าวมังกรเขียวทิ้งไป

 

“เป็นความคิดที่ดี! ตาแก่หลี่กําลังเตรียมอาหารค่ําอยู่พอดีเลย” เฉางทิ้งดาบของเขา

 

“แต่ผมต้องการข่มขืนเตียวเสียน!”

 

“แล้วใครกันที่ทําให้มันยุ่งเหยิงแบบนี้ล่ะ?!”

 

“เทียนน้อย”

 

“นายนั่นแหละ!”

 

เมื่อพวกเขากําลังโต้เถียงกันอยู่ อูนาก็รีบวิ่งเข้ามาในสภาพที่เหนื่อยหอบ “อย่าทะเลาะกัน!ฉันเพิ่งพบว่าแอปเปิ้ลของฉันคือแอปเปิ้ลทองคําของทวยเทพ การกัดมันเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอที่จะทําให้เสียชีวิต หรือทําให้นายกลายเป็นนักรบเทพได้ ซึ่งมันมีโอกาสห้าสิบห้าสิบ”

 

“ถึงแม้จะมีความเสี่ยงแต่มันก็คุ้มค่าที่จะลอง งั้นแบ่งออกเป็นสี่ส่วน ใครก็ตามที่ตายถือว่าดวงซวยไป” เมื่อเย่ฉางกําลังจะตัดแบ่งแอปเปิ้ลทองคํา ทันใดนั้นปากอันมหึมาก็เขมือบมันเข้าไป พวก เขาทั้งสี่ตกตะลึงและหันไปจ้องมองเจ้าของปาก มันคือม้าเซ็กเธาว์ที่กําลังกระหายน้ําอยู่นั่นเอง!

 

เย่นางกลับมาได้สติและพูดว่า “อาเฉียง, หลินหลี่ก่อไฟเร็วเข้า ฉันคิดว่าเราอาจได้รับสุดยอดบัฟถ้าเรากินม้าตัวนี้”

 

” ม้าเซ็กเธาว์หนาวสั่นทันทีเมื่อเห็นเยฉางกําลังเดินเข้ามาหามันพร้อมกับถือง้าวมังกร

 

“ เขียว

 

ในอีกด้านหนึ่ง ลุงฟรอสเลอร์และลุงแพนตี้ผู้ที่กําลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดหันมามองจากไกลๆทันใดนั้นพลังวิญญาณก็โพยพุ่งขึ้นท้องฟ้าและระเบิดออกมาในทันที พวกเขาทั้งสองตกใจมากเมื่อเห็นท้องฟ้าเต็มไปด้วยพายุสีแดง

 

“!” เสียงม้าดังขึ้นมาเหมือนเสียงมังกรคําราม

 

ครู่ต่อมาม้าเทพเจ้าสีแดงบินดิ่งลงมาจากท้องฟ้า และพุ่งไปที่พวกเขาด้วยเปลวไฟสีขาวที่ส้นเท้าของมัน มีร่องรอยของพายุในทุกที่ที่มันผ่านไป มันตัวใหญ่มาก! ขนาดมันแบกชายสามคนและผู้หญิงหนึ่งคนแต่ก็ยังคงมีพื้นที่ว่างเหลืออยู่ เมื่อพวกเขาทั้งสองเพ่งมองให้แน่ใจพวกเขาก็เห็นเย่ฉางและพรรคพวก

 

ก่อนที่ลุงฟรอสเลอร์และลุงแพนตี้จะได้สติ ม้าเซ็กเธาว์ก็เร่งความเร็วขึ้นและพุ่งผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเหล่าปีศาจ พายุเฮอร์ริเคนที่อยู่ข้างหลังมันกวาดล้างทุกชีวิตในบริเวณใกล้เคียงมันเร่งความเร็วขึ้นอีกครั้งและพุ่งผ่านลุงทั้งสองไป ทันใดนั้นพวกเขาทั้งสองก็ถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆภายในพายุสีแดง ลุงแพนที่พึมพําก่อนที่จะตาย “ท้องฟ้าสีครามตายลงแล้ว!ท้องฟ้าสีเหลืองก็เช่ นกัน! โลกนี้ คือ สีแดง…”

 

“ม้าแบบไหนกันเนี่ย!” ลุงฟรอสเลอร์ถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ

 

“ผู้กํากับรายการ! เราควรตัดฉากนี้ออกไหม!? เกิดอะไรขึ้นกับม้าเซ็กเธาว์?!”

 

ผู้กํากับจางรีบย้อนกลับไปดูฉากก่อนหน้านี้ และเขาเห็นฉากที่เย่ฉางกําลังหลั่งเหงื่อเย็นในขณะที่เขาจ้องมองม้าเซ็กเธาว์ที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ “พระเจ้า! มันวิวัฒนาการ!

 

“เพื่อน ฉันรู้สึกเหมือนเราถูกหลอกให้มาแสดง! แม้แต่ม้าเซ็กเธาว์ก็ยังแข็งแกร่งกว่าเราเลยโชคดีนะที่เราเป็นพวกเดียวกับมัน” จางเจิ้งเฉียงจ้องมองม้าเซ็กเธาว์ และมันวิวัฒนาการและแข็ง แกร่งขึ้นเรื่อยๆ

 

“พี่ใหญ่ขาว ผมคิดว่าม้าของเรากําลังจะบิน” หลินหลี่เห็นม้าเซ็กเธาว์ยืนขึ้นพร้อมกับมีพลังวิญญาณระเบิดขึ้นมา ราวกับว่าทวยเทพกําลังจุติลงมา

 

“นั่นคือม้าศึกของฉัน! มันพิเศษสุดๆจริงๆ” เยฉางบีบคางตัวเอง ขณะที่เขาโยนง้าวมังกรเขียวซึ่งเขาต้องการใช้เพื่อฆ่ามันทิ้งไป

 

“ฉันเป็นคนที่ทําให้มันเชื่อง…” จางเจิ้งเฉียงกลอกตา

 

จากนั้นพวกเขาก็ขึ้นขี่ม้าเซ็กเธาว์ซึ่งอยู่ในร่างม้าเทพ และพวกเขาก็มาถึงประตูเมืองถัดไปอย่างรวดเร็ว และเห็นฟรีสเซอร์ที่แสดงโดยซูหยียี่เป็นคนเฝ้าประตู เมื่อเธอกําลังชาร์จพลังเพื่อใช้ท่าไม้ตาย ม้าเซ็กเธาว์ก็เขมือบหัวเธอทันที จากนั้นจางเจิ้งเฉียงก็ดึงบังเหียนเพลิงและย้อนกลับไปยังประตูที่ลิยูเฝ้าอยู่ ซึ่งในที่สุดเขาก็ถูกทรมานจนตายและนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด

 

“นั่นม้าอะไร?”

 

“ม้าเซ็กเธาว์?”

 

“แม้แต่ฟรีเซอร์ก็ยังถูกม้าเซ็กเธาว์ฆ่า?! เห็นได้ชัดว่านี่คือพลังของซุปเปอร์ไซย่าสี่!”

 

“ฉันเข้าใจแล้ว…ม้าเซ็กเธาว์เป็นผู้ชนะตัวจริงในความโกลาหลนี้”

 

ทันใดนั้นเสียงผู้บรรยายก็ดังขึ้นมา “ในที่สุดจางเฟยก็สามารถช่วยเตียวเสียนและข่มขืนเธอได้สําเร็จความฝันในวัยเด็กเมื่อหลายปีก่อนได้รับการเติมเต็มในที่สุด เมืองลั่วหยางลุกเป็นไฟผู้คนต่างล้มตายและบาดเจ็บเป็นจํานวนมาก ทรราชตั้งโต๊ะถูกสังหาร และด้วยความช่วยเหลือของวีรบุ รุษทั้งสามและความนับถือของชาวเมือง ม้าเซ็กเธาว์จึงขึ้นครองบัลลังก์กลายเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ และถูกขนานนามว่าจักรพรรดิเซ็กเธาว์”

 

ม้าเซ็กเธาว์ที่สวมเสื้อคลุมมังกรและมงกุฏนั่งอยู่บนบัลลังก์ เหล่าขุนนางทุกคนต่างพากันถวายบังคมด้วยความเคารพ เมื่อเห็นฉากดังกล่าวผู้ชมต่างก็ตะลึงงัน

 

“วีรบุรุษตะกร้ารองเท้าแตะ – หลิวเสวียนเต่อประสบความสําเร็จในการทําธุรกิจของเขาจนกลายเป็นมหาเศรษฐี และสร้างอุตสาหกรรมรองเท้าแตะขึ้นมา หลังจากการต่อสู้ที่ลั่วหยางจบลงเขาถูกแต่งตั้งเป็นช่างซูเสิ่ง(เสนาบดีฝ่ายบริหาร ซึ่งเป็นหนึ่งในเสนาบดีทั้งสามและใช้ชีวิตที่หรูหราเหนือกฎหมายกับองค์ราชินี”

 

“สําหรับวีรบุรุษจางเฟย เขาผูกขาดอุตสาหกรรมเนื้อหมูทั้งหมด และจัดหาเนื้อสดให้กับประชาชนทุกวัน ชื่อเสียงของเขาอยู่เหนือกว่าจักรพรรดิเซ็กเธาว์เสียอีก หลังจากการต่อสู้ที่สั่วหยางจบลงเขาถูกแต่งตั้งเป็นจงซูเสิ่ง(ราชเลขาธิการ ซึ่งเป็นหนึ่งในเสนาบดีทั้งสามจากนั้นเขาก็ใช้ชีวิตที่ชั่วร้ายกับเตียวเสียนด้วยการข่มขืนเธอเป็นประจํา

 

“คนสุดท้ายคือวีรบุรุษหยุนฉาง เนื่องจากเขายอมมอบตัว ดังนั้นกรมตุลาการในลั่วหยางจึงตัดสินใจจําคุกเขาเป็นเวลา 10 ปี ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับแต่งตั้งเป็นเหมินเซี่ยเสิ่ง(เสนาบดีฝ่ายตรวจสอบซึ่งเป็นหนึ่งในเสนาบดีทั้งสามก็ตาม แต่เขาก็ยังคงยอมรับโทษแต่โดยดี”

 

“แล้วเรื่องนี้ให้แง่คิดอะไร?”

 

” ทุกคนเงียบ

 

“ใช่แล้ว! เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าการปฏิบัติตามกฎหมายเป็นความรับผิดชอบของพลเมืองทุกคน”

 

“ฉันเห็นด้วย”

 

“ฉันจะให้ 10 คะแนนเต็มสําหรับฉากจบ”

 

“ฉันเริ่มสงสัยชีวิตของฉันหลังจากดูละครเรื่องนี้แล้วสิ ม้าเซ็กเธาว์มีราชวงศ์ของตัวเอง – ราชวงศ์ม้าเซ็กเธาว์ ”

 

“ฉันคิดว่าบทสรุปตอนจบดีมากๆเลยโดยเฉพาะของจางเฟย”

 

“ความฝันที่จะข่มขืนเตียวเสียวนั่นหรอ?”

 

สถานที่จัดงานเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยกันเรื่องละคร

 

“เกมการ์ด – เอ็กซ์ฮีโร่กําลังจะทําการ์ดสัตว์วิญญาณแร้งค์ GX นั่นก็คือการ์ดจักรพรรดิเซ็กเธาว! โดยทางเราจะเปิดขายในเดือนเมษายนนี้เท่านั้น และจะมีบัตรจํานวนจํากัดแค่ 100 ใบเท่านั้น!”

 

“โอ้! ฉันแทบจะรอไม่ไหวแล้ว!”

 

ทันใดนั้นเสียงคํารามของม้าก็ดังขึ้นมา และท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดง

 

“จักรพรรดิเซ็กเธาว์ทรงพระเจริญ! ยินดีด้วยกับสามพี่น้องผู้สร้างประเทศขึ้นมาใหม่!”

 

จากนั้นเวทีก็กลับสู่ปกติ และด้วยการแสดงสุดท้ายของเยฉางกับซูหยี่ยี่ก็ทําให้งานฉลองนี้จบลงด้วยดี

 

แม้ว่าจะมีการร้องขอให้แสดงต่อ แต่เยฉางกับพรรคพวกก็โค้งคํานับและออกจากระบบไป

 

“คุณคิดว่าสามพี่น้องจะกลับมาในปีหน้าหรือไม่?”

 

“ฉันไม่แน่ใจ! การแสดงของพวกเขาในปีนี้เป็นเพียงการแสดงท่าทางต่อผู้จัดงานเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาอาจจะไม่กลับมาอีกในปีหน้า แม้แต่ Flame Emperor ก็ยังมาที่นี่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ทั้งหมดที่เขาทําคือร้องเพลงคลาสสิกเก่าๆ”

 

“ฉันเชื่อว่าพวกเขาจะกลับมา! พวกเรามาร่วมเขียนจดหมายร้องขอกันเถอะ!”

 

วันแรกของตรุษจีน

 

เย่ฉางลืมตาขึ้นและเห็น ThornyRose กับอนาในอ้อมกอดของเขา เขายังไม่คุ้นเคยกับสภาพเช่นนี้จากนั้นเขาก็ติดกระดุมชุดนอนแล้วเดินไปที่ระเบียง เขาเห็นจางเจิ้งเฉียงและหลินหลี่กําลังฝึกซ้อมในตอนเช้า เยฉางขยี้ผมขาวยุ่งๆของเขา “วันปีใหม่นี้มันลําบากมากจริงๆเลยยัยบ้าโรสมักจะชอบเอานิ้วแทงตูดฉัน ฉันยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากปีที่แล้วอยู่เลย”

“นี่ไม่ใช่กรรมตามสนองนายงั้นหรอ?” อูนากอดเขาจากด้านหลัง

 

“ฉันได้แก้แค้นแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า” พวกเขาทั้งสองหันไปเห็น ThornyRose ที่กําลังละเมออย่างสะใจ เช่ฉางถอนหายใจ “เฮ้อ! ชื่อเสียงของฉันปนี้ไปหมดแล้ว! เอาล่ะ วันนี้ฉันต้องเดินทางไปที่อื่นนะ ฝากดูแลหลินหลีและคนอื่นๆแทนฉันด้วย”

 

“ได้เลย” อูนายิ้มขณะที่จ้องมองท่านอนที่น่ารังเกียจของ ThornyRose