ตอนที่ 1695 ไม่รู้เอาหน้าไปไว้ที่ไหน

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1695 ไม่รู้เอาหน้าไปไว้ที่ไหน
“เชิญมา? ฮ่าๆ! ในสายตาข้า ข้าว่าต้องเรียกมันว่าหามมามากกว่ามั้ง!” หยางฟานหัวเราะลั่นด้วยท่าทางเย้ยเยาะ

เสียงหัวเราะดังขึ้นมาตามๆ กันจากด้านเมืองจักรพรรดิยอดสันติ

พวกเขาทั้งหลายรู้ดีว่าเพราะเจิ่งชีใช้ดาบคลั่งเลือนสลายออกมา ตอนนี้เขาจึงมีพลังชีวิตที่เหลืออยู่ไม่มาก คงอยู่บนโลกนี้ต่อได้อีกไม่นาน

สภาพของเขาตอนนี้คงเรียกได้ว่ากึ่งเป็นกึ่งตาย

แล้วขยะแบบนั้นยังจะให้ต้องไปเชิญ?

หยางฟานมีใบหน้าที่เย้ยหยันหนักกว่าเก่า การได้มาเหยียบหน้าเจิ่งชีแบบนี้มันช่างเป็นความรู้สึกที่แสนจะดีเยี่ยม

เขาและเกาหยุนนั้นจะเรียกว่าเป็นศิษย์อาจารย์ที่สนิทสนมคงไม่ได้

ด้วยนิสัยของคนอย่างเกาหยุน มีหรือที่เขาจะสั่งสอนทุกอย่างที่ตัวเองมีออกมาแก่ศิษย์?

แต่ว่าเรื่องที่หยางฟานไม่มีความสามารถพอนั้นมันก็เกี่ยวด้วย ที่เขาได้รับการปฏิบัติเช่นนั้นมาก็เพราะเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน

ในหมู่คนรุ่นเดียวกัน เจิ่งชีนั้นเป็นถึงผู้อาวุโสใหญ่แห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ แต่เขานั้นเป็นได้แค่ผู้อาวุโสตัวน้อยคนหนึ่ง

ความแตกต่างของทั้งคู่มันยิ่งใหญ่มาก

เพราะฉะนั้นการมาล้างแค้นให้อาจารย์ในครั้งนี้จึงเป็นแค่ข้ออ้าง และเหตุผลจริงๆ ก็คือเขาอยากจะสะสางความขุ่นเคืองในใจที่มีมาตลอดชีวิตนี้

หยางฟานเข้าใจดีว่าการที่ให้เขาออกมาทำหน้าที่นี้มันก็เพื่อที่จะไม่ให้ฝ่ายเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์สามารถจะมีข้ออ้างปฏิเสธได้

แต่แล้วทำไม?

โดนกดขี่มานานขนาดนี้เขาย่อมต้องหาทางระบาย!

นั่นจึงทำให้หยางฟานทำท่าทางเหมือนตัวตลก ด่าว่าเจิ่งชีเสียๆ หายๆ อย่างไม่ขาดปาก

“นี่ เจิ่งชีนี่มันช่างเป็นคนขี้ขลาดเสียจริงๆ ทำไมยังไม่ออกมาอีกเล่า? คงไม่ใช่ว่าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ของพวกเจ้าอยากจะปกป้องซ่อนมันเอาไว้หรอกนะ? ไหนๆ ก็ใกล้จะตายแล้ว ออกมาให้หยางผู้นี้ได้ส่งมันไปโลกหน้าเองเถอะ!”

หยางฟานพูดออกมาอย่างเริงรื่น แต่กลับไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความผิดแปลกในบรรยากาศตอนนี้เลย

ฝั่งพวกเฉียวอันชานนั้นเป็นยอดฝีมือที่สามารถสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ ตอนนี้พวกเขาทั้งหลายจึงเปลี่ยนสีหน้าไปเล็กน้อยแล้ว

เป็นเวลานั้นเองที่มีร่างหนึ่งค่อยๆ เดินออกมา ทำให้เฉียวอันชานและพวกต้องหันมองในทันที

หยางฟานที่กำลังหัวเราะลั่นต้องหยุดกลางอากาศ พร้อมปล่อยเสียงแหลมแปลกๆ เหมือนเป็ดยางที่ถูกบีบคอออกมา

“จ-จ-เจิ่งชี…จ-เจ้า…บ้าน่า! ข้า…ตาข้าคงฝาดแน่แล้ว!”

หยางฟานนั้นตื่นกลัวกับภาพที่เห็นตรงหน้าจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวม่วง

เขาขยี้ตาอย่างไม่ยั้ง เพราะเจิ่งชีกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยคลื่นพลังที่เหนือฟ้า!

ตอนนี้สายตาของเจิ่งชีนั้นเปี่ยมพลัง พลังที่ปล่อยออกมารอบตัวนั้นสูงล้ำ ยังจะมีร่องรอยของคนใกล้ตายที่จะอยู่บนโลกได้อีกไม่นานไหนให้เห็นอีก?

แน่นอนว่าสิ่งที่พวกเขาตื่นตะลึงนั้นมันไม่ใช่แค่เรื่องนี้!

เพราะแม้เจิ่งชีจะไม่ได้ตั้งใจปล่อยพลังกดดันออกมา แต่แค่คลื่นพลังที่ไหลออกมาตอนนี้มันก็แข็งแกร่งกว่าอาณาจักรราชันพระเจ้าไม่รู้ตั้งกี่ร้อยเท่าแล้ว

ต่อให้เป็นคนโง่แค่ไหนก็มองออกว่าตอนนี้เจิ่งชีบรรลุสู่อาณาจักรนภาสวรรค์ได้อย่างเต็มตัวแล้ว!

ฝั่งเมืองจักรพรรดิยอดสันตินั้นทุกผู้คนต่างมีใบหน้าที่ตื่นตกใจจนแทบหุบปากที่อ้าค้างไม่ได้

พวกเขาทั้งหลายได้แต่เกาหัวคิดหาสาเหตุว่าทำไมชายแก่ใกล้ตายคนหนึ่งถึงได้กลายมาเป็นยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ได้?

ตอนนั้นหยางฟานจัดการเจิ่งชีลงด้วยฝ่ามือเดียว เหวินอี้หลินเห็นเรื่องนั้นมากับตา

แต่นี่ผ่านไปแค่ไม่กี่ปี ไม่ใช่แค่เจิ่งชีจะยังไม่ตายแต่กลับมาสมบูรณ์พร้อมและบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ได้?

สีหน้าของเหอชงและโซชูเจียนั้นมีสภาพที่น่าดูชมมาเมื่อได้เห็นว่าเจิ่งชีสามารถบรรลุได้

เย่หยวนคนนี้ช่างเปลี่ยนเรื่องราวร้ายๆ ให้กลายเป็นความมหัศจรรย์ได้จริงๆ

แต่จะไปว่าพวกเฉียวอันชานที่อ้าปากค้างไม่อยากเชื่อก็คงไม่ได้ เพราะขนาดพวกเขาเองที่รู้เรื่องมาก่อนก็ยังอดไม่ได้ที่จะคิดว่าตัวเองฝันไปหรือเปล่า?

“ท่านเจ้าเมือง ข้าได้ยินว่า…มีคนอยากมาแก้แค้นข้า?” เจิ่งชีถาม

แค่คำพูดเดียวนี้หยางฟานก็หน้าซีดเผือดทันที

แก้แค้น?

ไปสู้กับยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์เพื่อแก้แค้น?

หัวก็คงขาดกันพอดีสิใช่ไหม?

หยางฟานแทบจะอยากขุดมุดดินหนีไปในเวลานี้

เขาได้รู้แล้วว่าที่ผ่านมานี้เขาเป็นได้เพียงแค่ตัวตลกที่ออกมาเต้นแร้งเต้นกา

อยากส่งเจิ่งชีไปโลกหน้า?

เจิ่งชีสิจะส่งเขาไป!

โซชูเจียยิ้มกว้างออกมาและพูดขึ้น “เอานั่น เจ้านั่นน่ะ ศิษย์ของเกาหยุน! มันว่าเจ้าเป็นศัตรูแค้นของอาจารย์มันและจะไม่ขออยู่ร่วมฟ้าเดียวกัน มันถึงขั้นบอกว่าจะให้ทุกผู้คนได้เป็นพยานให้ว่ามันได้ช่วยแก้แค้นให้เกาหยุน อาจารย์ของมันแก้แค้นแล้ว ไม่ไปสงเคราะห์ให้มันหน่อยเล่า?”

“ฮ่าๆ”

เหล่ายอดฝีมือในเมืองต่างกลั้นขำกันไม่ไหวในที่สุดและระเบิดเสียงหัวเราะลั่นออกมาตามๆ กัน

ภาพตรงหน้านี้มันคือเรื่องตลกอย่างแท้จริง

“ไม่ไหวแล้ว! นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าคิดอยากแก้แค้นกับยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์! นี่หัวมันไปกระแทกอะไรมาเนี่ย?”

“เจ้าดูสภาพของมันก่อนหน้านี้สิ มันคงคิดว่าตัวเองจะได้รังแกคนเฒ่าพิการที่อ่อนแอและบาดเจ็บหนักสินะ?”

“ไอ้หมอนี่คือผู้อาวุโสแห่งเมืองจักรพรรดิยอดสันติจริงๆ รึ? ดูยังไงก็ตัวตลกชัดๆ ฮ่าๆ”

คนทั้งเมืองระเบิดหัวเราะออกมาตามๆ กัน ภาพตรงหน้านี้มันช่างน่าขนขันอย่างถึงที่สุด

หยางฟานนั้นไม่มีหน้าจะไปไว้ที่ไหนแล้ว

“ท่านเจ้าเมือง ข้า…” หยางฟานมีสีหน้าไม่สู้ดี ก่อนจะหันไปมองเฉียวอันชานอย่างกังวล

เฉียวอันชานเองก็มีสีหน้าไม่ได้ดีไปกว่าหยางฟานมากนัก

นี่คือหยางฟานที่เสียหน้า แล้วมีหรือที่เขาจะไม่ได้รับผลไปด้วย?

“หลบไป! เจ้าคนน่าอับอาย!” เฉียวอันชานบอก

หยางฟานรู้สึกราวกับว่าตัวเองได้รับการปลดปล่อยและรีบวิ่งกลับเข้ากลุ่มคนไปทันที

แต่มีหรือที่โซชูเจียจะยอมเรื่องนั้นง่ายๆ?

“อย่าเพิ่งไป! เมื่อกี้เจ้ายังบอกตะโกนเสียงดังลั่นอยู่เลยว่าให้เจิ่งชีออกมาหา บอกว่าจะแก้แค้นนี้ ตอนนี้ข้าเรียกเขาออกมาให้แล้ว เจ้ายังไม่ออกมาสู้อีก! หยางฟาน คำพูดของเจ้ามันไม่มีน้ำหนักเลยรึ?”

โซชูเจียนั้นไม่คิดจะปล่อยเรื่องไปง่ายๆ เมื่ออีกฝ่ายสวนกลับมาแบบนี้แม้แต่เฉียวอันชานก็ไม่รู้ว่าต้องตอบโต้ไปว่าอย่างไร

เฉียวอันชานกัดฟันแน่นและตอบออกมาเบาๆ “มีใครพอบอกข้าได้บ้างว่ามันเรื่องอะไรกัน?”

เหวินอี้หลินนั้นยังตั้งสติกลับมาไม่ได้จนถึงตอนนี้ เมื่อได้ยินคำถามนั้นของเฉียวอันชานเขาจึงรีบตอบ “เรื่องนี้…คงเพราะว่าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ได้สมบัติล้ำค่าเหนือฟ้ามาไม่นานนี้แน่ๆ และเจ้าเด็กคนนี้มันก็โชคดีใช้สิ่งนั้นช่วยการบรรลุไป!”

ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์อีกคน เผิงจื่อบอก “ต้องเป็นเช่นนั้นแน่! อาณาจักรนภาสวรรค์นั้นไม่ใช่สิ่งที่ใครๆ จะไปถึงได้ อยากบรรลุเมื่อไหร่ก็บรรลุได้เสียเมื่อไหร่ เจิ่งชีมันต้องมีโชคสักอย่างแน่ๆ! แต่แค่นักยุทธอาณาจักรนภาสวรรค์หนึ่งดาวที่เพิ่งบรรลุมาหมาดๆ มันไม่มีอะไรต้องกลัวหรอกท่าน!”

เฉียวอันชานพยักหน้ารับ เขาเองก็คิดว่ามันคงเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นเหมือนกัน

เพราะฉะนั้นเขาจึงยิ้มขึ้น “โซชูเจีย เจ้ายังอยากมีหน้าสู้ผู้คนไหม? บังคับให้อาณาจักรราชันพระเจ้าแก้แค้นต่ออาณาจักรนภาสวรรค์? เจิ่งชีนั้นบรรลุมาได้แล้วเช่นนี้ เขาก็นับเป็นคนรุ่นเราแล้ว จะยังให้เขาไปยุ่มย่ามเรื่องของนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าได้อย่างไร?”

เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวออกมา ผู้คนทั้งหลายก็ต่างไม่พอใจอย่างมาก

เพราะความหน้าไม่อายของเขานี้มันเกินที่จะรับไหว

เดิมทีเป็นฝ่ายตัวเองแท้ๆ ที่บังคับผู้คน แต่ตอนนี้กลับมาโทษคนอื่น บอกว่าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์หน้าไม่อายเสียอย่างนั้น

โซชูเจียยกมือขึ้นคารวะด้วยสีหน้าสุดชื่นชม “เฉียวอันชาน โซผู้นี้ขอยอมรับเจ้าเลยจริงๆ! หน้าเจ้านี่มันหนาเสียยิ่งกว่ากำแพงชั้นนอกเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เราอีก! ต่อให้โซผู้นี้ใช้พลังที่มีทั้งหมดออกมามันก็คงไม่มีทางทำให้หนังหน้าหนาได้ครึ่งเจ้าแน่!”

เฉียวอันชานโกรธจนหน้าดำหน้าแดงแต่ตอนที่กำลังจะตะโกนกลับมานั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังอันรุนแรงประทับลงมาจากฟากฟ้า

ชายวัยกลางคนในชุดสีครามค่อยๆ ปรากฏกายออกมาจากความว่างเปล่า

คลื่นพลังที่เหนือล้ำจากร่างกายของเขานั้นมันทำให้สีหน้าของคนจากทั้งสองเมืองเปลี่ยนไปในทันที

มันเป็นคลื่นพลังที่เหนือล้ำยิ่งกว่าเจ้าเมืองเสียอีก!

โซชูเจียและเฉียวอันชานหันหน้าไปพร้อมกันและกล่าวทักทายชายวัยกลางคนในชุดฟ้านั้นด้วยความเคารพ “ขอคารวะท่านผู้ตรวจการ!”

ชายคนนั้นพยักหน้ารับและถามขึ้น “สิบเมืองสันเขาใต้นั้นมิได้เปิดใช้ตราดาบทองคำมานับหมื่นๆ ปี เรื่องในครานี้มันมีอะไรกัน?”

…………………………