ตอนที่ 701 ปล่อยมือจากไป (2) โดย Ink Stone_Romance
เครื่องบินส่วนตัวของเย่เซียวลงจอดในสนามบินระหว่างประเทศของประเทศ S โดยตรง
รอกลุ่มคนทั้งหมดเดินออกทาง VIP มีรถเก๋งคันดำหลายคันได้ขับมาจอดอยู่นอกสนามบินอย่างเป็นระเบียบแล้ว
“นายน้อย ยินดีต้อนรับกลับมา!” ชายวัยกลางคนสวมสูทสีดำลงจากรถ เปิดประตูรถให้อย่างนอบน้อม
“ลุงหมิง” เย่เซียวก้มหัวทักทายหน่อยๆ
“คุณไฟเรนเซ่รอคุณกลับมานาน ดังนั้นเลยมอบหมายให้ผมต้องมารับคุณที่สนามบินด้วยตัวเอง”
ลุงหมิงเป็นผู้ติดตามของไฟเรนเซ่ที่ติดตามไฟเรนเซ่มาหลายปี เป็นผู้ช่วยมือฉกาจที่สุดของไฟเรนเซ่ ต่อให้เป็นเย่เซียวก็ต้องให้ความเคารพนับถือเขาอยู่บ้าง
“ลุงหมิง ไม่ได้เจอกันนานนะคะ” น่าหลันเดินออกมาจากหลังเย่เซียวพลางยิ้มทักทายลุงหมิง
“คุณน่าหลัน ไม่ได้เจอกันระยะหนึ่ง คุณโตขึ้นหรือเปล่า”
“ใช่สิคะ” น่าหลันโอบแขนลุงหมิง “ลุงหมิง ตอนนี้หนูอายุสิบเก้าแล้ว ลุงได้เตรียมของขวัญครบรอบสิบเก้าปีของหนูไว้หรือเปล่า?”
ลุงหมิงหัวเราะ “มียายตัวแสบอย่างคุณที่ไหน? ไปเที่ยวข้างนอกลับมาไม่เอาของฝากมาให้พวกเราแล้ว ยังมาขอของขวัญอีก”
“แปลว่าไม่ได้เตรียมไว้สินะคะ?” น่าหลันแสร้งเบ้ปากอย่างผิดหวัง
“ฮ่าฮ่า สบายใจได้ ลุงหมิงไม่ได้เตรียมไว้แต่คุณไฟเรนเซ่ได้เตรียมไว้ให้คุณตั้งนานแล้ว พอแล้ว ทุกคนไว้กลับไปค่อยคุย อย่าให้คุณไฟเรนเซ่รอนาน คนแก่อย่างท่านกำลังรอต้อนรับพวกคุณอยู่”
“ค่ะ เชื่อฟังลุงหมิงหมดเลย” น่าหลันรับคำอย่างเชื่อฟังและเข้าไปนั่งรถคันหลังของเย่เซียวตามกฎเดิม
ลุงหมิงกับเย่เซียวนั่งรถคันเดียวกัน
“กลับคฤหาสน์” ลุงหมิงสั่งคนขับรถ
คนขับรถรับคำและขับรถไปนิ่มๆ
ลุงหมิงนั่งอยู่ตำแหน่งฝั่งขวาของเย่เซียว หลังกวาดตามองเขาอย่างใจดีทีก็ถอนหายใจกล่าว “เพราะเจ็บหนักจากครั้งก่อนหรือเปล่า ผมว่าช่วงนี้คุณผอมลงไปเยอะเลย”
“นอนบนเตียงนานไปก็ต้องส่งผลกระทบบ้างไม่มากก็น้อย”
“เมื่อคืนหลับไม่สนิทเหรอ? ทำไมตาแดงขนาดนั้น?”
เย่เซียวไม่ตอบ แค่ทอดสายตาไปนอกหน้าต่าง เมืองโยวของประเทศ T กำลังฝนตกพรำ เรียกให้คนมองรู้สึกเปียกชื้นไปถึงทรวงอก
ลุงหมิงมองใบหน้ามุมข้างของเขาแล้วถอนหายใจกล่าว “เรื่องครั้งก่อนคุณอย่าถือสาพ่อบุญธรรมคุณเลย ความจริงคนที่ปวดใจที่สุดก็คือท่าน คุณรู้ไหมว่าท่านได้ตั้งความหวังกับคุณไว้มาก ของทุกอย่างที่ท่านสู้เพื่อได้มา อนาคตก็เป็นของคุณทั้งหมด เรื่องครั้งนี้มีสายตาหลายคู่คอยมองอยู่ ท่านในฐานะผู้นำที่ปกครองคนมากมาย ไม่มีทางเลือกอื่น คุณน่าจะเข้าใจได้”
“ใจผมรู้ดี ในเมื่อเรามีกฎของเราก็ต้องทำตาม ผมไม่เคยโทษพ่อบุญธรรม” เย่เซียวยังคงท่าทีเฉยชา ใบหน้าเย็นชานั่นไม่มีอารมณ์อื่นปะปน
ลุงหมิงถอนหายใจอีกเฮือกแล้วพูดอย่างหนักใจ “โลกของเราไม่เหมือนคนสายขาวพวกนั้นที่ใช้เหตุผลปกครอง ในโลกของเรา มีแค่เลือดกับความโหดเหี้ยมถึงจะปกครองคนได้ คุณก็น่าจะเข้าใจที่สุด”
เย่เซียวพยักหน้า ไม่ได้ตอบกลับลุงหมิงอีก
ตั้งแต่เล็กจนโตเขาได้รับการเลี้ยงดูเช่นนี้เสมอ เลือด ความรุนแรง ความโหดเหี้ยม ความมืด โรงเรียนที่เขาเล่าเรียนก็เป็นโรงเรียนทหารที่โหดเหี้ยมที่สุด
ไฟเรนเซ่เคยตักเตือนเขาว่าอย่ามีใจที่ลังเล ความรักยิ่งเป็นสิ่งที่จะแตะต้องไม่ได้ เขาในวัยหนุ่มรู้สึกว่าถ้อยคำเหล่านี้เกินจริงเกินไป จนกระทั่งภายหลังที่ตกอยู่ในกำมือผู้หญิงคนหนึ่งโดยสิ้นเชิงถึงเข้าใจว่าคนที่มีชีวิตในโลกพวกเขา ไม่ควรมีใจวาดฝันถึงแสงสว่างและความสวยงามเลย
เพราะพวกเขาไม่มีสิทธิ์ พวกเขาไม่คู่ควร
………………
รถขับอ้อมเมืองโยวไปกว่าครึ่งและจอดลงหน้าคฤหาสน์ตระกูลไฟ
คฤหาสน์ตระกูลไฟเป็นปราสาทหลังหนึ่ง
ตั้งอยู่ในสายถนนที่มั่งคั่งที่สุดของเมือง T เพื่อนบ้านข้างๆ ไม่ใช่เจ้าหญิงจากราชวงศ์ที่อาศัยอยู่แต่เป็นเศรษฐีระดับโลก ดังนั้นความปลอดภัยในที่แห่งนี้จึงเข้มงวดที่สุดของประเทศ
เย่เซียวลงจากรถ
“นายน้อย!” ลูกน้องเรียงเป็นแถวยืนตรงหน้าประตูอย่างเป็นระเบียบ มีคนกางร่มมาช่วยบังฝนให้เขากับน่าหลัน
เย่เซียวแค่พยักหน้าน้อยๆ ถือว่าทักทาย ลุงหมิงจึงรับร่มของคนข้างๆ มาช่วยกางไว้เหนือศีรษะเย่เซียวด้วยตัวเอง จากนั้นโบกมือไล่ลูกน้องเหล่านั้นไป “ถอยไปซะ”
คนเหล่านั้นจึงถอยไป
ไฟเรนเซ่ในตอนนี้กำลังรออยู่ตรงประตู เขาเป็นคนที่มีอายุคนหนึ่งที่นั่งบนเก้าอี้เข็น ใบหน้าคงไว้ซึ่งความใจดีและรอยยิ้มที่เป็นมิตร แม้จะมีผมขาวขึ้นเต็มหัวแต่ยังคงดูแข็งแรงดี เห็นเย่เซียวรอยยิ้มเขากว้างกว่าเดิม
หากมองคนแก่คนนี้จากภายนอกไม่มีใครคิดได้ว่าเขาคือพ่อค้าผู้เด็ดขาดเย็นชา แค่ยกมือก็สามารถสร้างความปั่นป่วนไปหลายประเทศ
“คุณพ่อ” เย่เซียวโค้งคำนับน้อยๆ เป็นการทักทายไฟเรนเซ่
“กลับมาแล้วเหรอ” ไฟเรนเซ่หยักศีรษะ
“คุณลุงไฟ” น่าหลันก็รีบทักทายตาม ต่อหน้าไฟเรนเซ่เธอก็ระมัดระวังไม่กล้าทำอะไรตามใจตัวเอง
ไฟเรนเซ่มองเธอ “ยายหนู เมื่อกี้ได้ยินว่าเธอทวงของขวัญกับลุงหมิง ทำไมมาอยู่หน้าฉันแล้วกลับไม่พูดอะไรสักคำล่ะ”
น่าหลันมองลุงหมิงแวบหนึ่ง ยู่ปากอย่างลำบากใจ “ลุงหมิงปากไวจริงๆ คนยังไม่ถึงก็รายงานกับคุณลุงแล้ว คุณลุงเป็นคนมีตำแหน่ง หนูแค่เด็กคนหนึ่งจะกล้าเอาแต่ใจได้ยังไงกัน”
“ใช่ แค่เด็กคนหนึ่ง” ไฟเรนเซ่กวาดมองหน้าเย่เซียวด้วยสายตาล่ำลึก จากนั้นก็กลับมามองหน้าน่าหลัน “แต่อายุสิบเก้าก็ไม่น้อยแล้ว ตามกฎที่นี่ของเรา เด็กผู้หญิงอายุสิบเก้าก็หาคนแต่งงานด้วยได้แล้ว เฉิงหมิง แกว่าถูกไหม”
คุณลุงหมิงที่ถูกเรียกถามก้าวขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วหยักหน้ายิ้ม “คุณไฟพูดถูก จะว่าไปปีที่ผมแต่งงานยังไม่ยี่สิบดีเลย ตอนนี้นายน้อยก็สามสิบแล้ว”
ความหมายแอบแฝงนี้ไม่ว่าใครก็เข้าใจ
ใบหน้าดวงเล็กของน่าหลันแดงแปร๊ด เผลอปรายสายตาไปทางเย่เซียวด้วยสีหน้าเคอะเขิน
เย่เซียวกลับไร้สีหน้าใดๆ บนใบหน้ามีเพียงความนอบน้อมและเย็นชามาตั้งแต่ต้น
ใครก็ดูไม่ออกว่าเขาในขณะนี้กำลังคิดอะไร แต่ใครก็รู้ว่าเขาฉลาด ไม่มีทางไม่เข้าใจความหมายที่แอบแฝงนี้
“พอแล้ว เราจะยังไม่คุยเรื่องนี้ เฉิงหมิง พายายหนูไปเอาของขวัญ แล้วก็รอที่ห้องอาหาร เดี๋ยวเราจะรีบไป” ไฟเรนเซ่เองก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้ต่อ
“ครับ” ลุงหมิงรับคำ จากนั้นหันไปบอกน่าหลัน “คุณน่าหลัน ผมจะพาคุณไปเอาของขวัญ”
“ขอบคุณค่ะลุงหมิง”
………………
น่าหลันเดินจากไปพร้อมลุงหมิง
ไฟเรนเซ่ถึงหันมามองเย่เซียวแวบหนึ่ง “ทำไมไม่พูดอะไรเลย”
“ท่านรู้ดีว่าผมพูดน้อย”
“อืม พูดน้อยๆ ถึงจะทำอะไรได้มาก” ไฟเรนเซ่ตอบ “มานี่ เข็นฉันไปที่ห้องโถงรอง”
เย่เซียวเข็นไฟเรนเซ่เข้าไปในห้องโถงรอง ในห้องโถงรองนั้นมีคุณหมอประจำตัวของท่านรออยู่แล้ว ข้างในมีอุปกรณ์ทางการแพทย์เพียบพร้อม
…………………………