ในน้ำเสียงของเหวินซื่อไม่มีความลังเลเลยสักนิด พูดกับนางเบาๆ “ลูกของพวกเราแข็งแรงมาก ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่นอน”
“จริงหรือ ท่านพี่ไม่ได้โกหกข้านะ ลูกของเราจะไม่เป็นอะไรแน่หรือ” เฝิงจิ้งเหวินรีบถามอีกครั้ง จ้องมองที่ตาของเขา อยากได้ยินการยืนยันอีกครั้ง จิตใจถึงจะสงบได้
เหวินซื่อพยักหน้า “ข้าไม่โกหกเจ้า วางใจเถอะ ลูกของเราต้องไม่เป็นไร”
เฝิงจิ้งเหวินดูราวกับจิตใจสงบลงจริงๆ เผยรอยยิ้มออกมา ทั้งสองมือลูบไปที่ท้องของตัวเอง ราวต้องการพูดปลอบตัวเอง พึมพำว่า “ลูกของข้าต้องไม่เป็นอะไร ลูกของข้าต้องไม่เป็นอะไร……”
เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มปาก ไม่รู้ว่าจะปลอบนางอย่างไรดี
หลังจากนั้นไม่นาน เฝิงจิ้งเหวินพูดกับเขาที่ยิ้มอ่อน “ท่านพี่ไม่ต้องกังวล ตอนนี้ข้าดีขึ้นมากแล้ว ข้าอยากจะคุยกับน้องโยวเอ๋อร์เป็นการส่วนตัวเสียหน่อย” พูดจบ ใช้มือผลักเขาเบาๆ “ไปเถอะ ซื่อจื่อยังอยู่ด้านนอก เจ้าไปทักทายเสียหน่อยสิ”
เหวินซื่อลังเล หันไปมองเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า
เหวินซื่อลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
รอให้เขาทักทายหวงฝู่อี้เซวียน เฝิงจิ้งเหวินจึงยิ้มอย่างน่าเวทนา “น้องโยวเอ๋อร์ ลูกของข้าไม่อยู่แล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวกำลังจะเปิดปากพูดปลอบนาง เฝิงจิ้งเหวินเอาผ้าห่มออก ให้เมิ่งเชี่ยนโยวดูรอยเลือดที่ไหลออกมาจากช่วงล่างของร่างกายนาง “เมื่อครู่ข้ารู้สึกว่ามีอะไรไหลออกมา ลูกจากข้าไปแล้วใช่ไหม”
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นรอยเลือดที่ใต้ตัวนาง สติหลุดไปชั่วขณะ นี่เป็นสิ่งที่นางคาดการณ์ไว้แล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆ ในใจนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก สีหน้าไม่ได้แสดงออกอะไร กลับเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ต้องการปลอบใจ “อาการแบบนี้ จะมีเลือดออกเล็กน้อยเป็นเรื่องปกติ ซ้อไม่ต้องกังวล”
“จริงหรือ ลูกไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม” เฝิงจิ้งเหวินดูมีความหวัง แววตาสดใสขึ้นมา ถามขึ้นด้วยความดีใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวจิตใจไม่สงบ แต่กลับพยักหน้าอย่างแน่นิ่ง
เฝิงจิ้งเหวินเชื่อคำพูดของนางที่สุด เห็นนางพยักหน้า ก็เชื่อว่าเป็นความจริง ดีใจเป็นอย่างมาก
สาวใช้ที่อยู่ข้างๆ เห็นเลือดที่ใต้ตัวของเฝิงจิ้งเหวิน เกือบจะส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ รีบเอามืออุดปากตัวเอง เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งนาง “มาจัดการให้ฮูหยินเถิด เบามือหน่อยล่ะ”
สาวใช้ทั้งสามคนไม่กล้าพูดอะไรแล้วพยักหน้ารัวๆ รีบไปหยิบกางเกงในที่สะอาด และของที่ต้องใช้มา ทำความสะอาดใต้ตัวของเฝิงจิ้งเหวินอย่างเบามือ พอจัดการเสร็จเรียบร้อย ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีกับเสื้อผ้าเปื้อนเลือดที่อยู่ในมือ
“โยนไว้ใต้เตียง อย่าให้ท่านพี่เห็น” เฝิงจิ้งเหวินกำชับเบาๆ
สาวใช้ถลกผ้าปูที่นอนขึ้น เอาเสื้อผ้าที่เปื้อนยัดใส่ไว้ข้างใต้
เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มปาก จับชีพจรให้เฝิงจิ้งเหวิน คิ้วคลายออก ดูไม่กังวลเลยสักนิด
เฝิงจิ้งเหวินสังเกตท่าทางของนางตลอด สีหน้าของนางต่างจากเมื่อครู่ จึงเชื่อคำพูดของนางจริงๆ จิตใจสงบลงมาก
จับชีพจรเสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ดีขึ้นกว่าเมื่อครู่มากแล้ว ซ้อไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ นอนเถอะ ตื่นขึ้นมาลูกก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”
พอหลับตาลง ในหัวก็มีแต่ภาพที่เสียลูกแวบเข้ามา เฝิงจิ้งเหวินไม่กล้านอนต่อ จับมือของเมิ่งเชี่ยนโยวไว้ อยากให้นางอยู่เป็นเพื่อน ทันในนั้นก็เห็นเลือดเต็มกระโปรงนางไปหมด คำขอร้องของนางเปลี่ยนเป็นคำปลอบใจ “น้องโยวเอ๋อร์ ข้าไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวรับรู้ได้ว่ามือของนางสั่นจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ กุมมือนางไว้ ยิ้มแล้วพูดว่า “อาซ้อ นอนอย่างสบายใจเถอะ วันนี้ข้าก็เหนื่อยเล็กน้อย ไม่อยากกลับจวนแล้วเจ้าค่ะ ขอพักที่จวนเหวินของพวกท่านแล้วกัน”
รู้ว่าที่นางอยู่ต่อเพราะตัวเอง กรอบตาของเฝิงจิ้งเหวินร้อนผ่าวเล็กน้อย พูดสะอึกสะอื้น “น้องโยวเอ๋อร์……” ยังพูดไม่ทันจบ ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวที่เดาออกว่านางจะพูดอะไรพูดแทรกขึ้น “ซ้อไม่ยินดีให้ข้าพักที่นี่หรือเจ้าคะ”
เฝิงจิ้งเหวินพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก “ยินดี ยินดี น้องโยวเอ๋อร์อยากจะอยู่กี่วันก็ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวห่มผ้าห่มบางๆ ให้นาง สอดเข้าที่มุมผ้าห่ม พลางกล่าว “เช่นนั้นซ้อก็หลับตานอนเถิดเจ้าค่ะ ข้าก็จะไปพักผ่อนแล้ว”
เฝิงจิ้งเหวินไม่พูดอะไรอีก รีบหลับตา ในตอนแรกคือแกล้งหลับ ขนตายังคงสั่นระริก หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ลมหายใจสม่ำเสมอ คงหลับไปแล้วจริงๆ เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นดังนั้นจึงบอกชิงหลวนให้ประคองตัวเองออกไป
ชิงหลวนจะยอมได้อย่างไร อุ้มนายหญิงขึ้นแล้วเดินออกไป
เหวินซื่อเชิญหวงฝู่อี้เซวียนไปนั่งที่ห้องรับแขก หวงฝู่อี้เซวียนไม่ขยับ รออยู่ในเรือน เหวินซื่อก็ไร้หนทาง ทำได้เพียงรอนางเป็นเพื่อนเขา
เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวถูกอุ้มออกมา หวงฝู่อี้เซวียนรีบเดินไปข้างหน้าเพื่อมารับนาง ไม่พูดอะไรสักคำ หันตัวเดินออกไป
“ช้าก่อน!” เมิ่งเชี่ยนโยวรีบหยุดเขาไว้
หวงฝู่อี้เซวียนหยุดเดิน มองนางอย่างไม่เห็นด้วย
“ตอนนี้อาการของซ้อยังไม่คงที่ ข้าไปไหนไม่ได้ คืนนี้เราพักที่จวนเหวินสักคืนเถิด ถือโอกาสจัดการเรื่องที่ต้องจัดการ หลีกเลี่ยงอันตรายที่อยู่รอบด้านเถอะ”
จุดประสงค์ของศัตรูในค่ำคืนนี้เป็นเรื่องที่ชัดเจนยิ่งนัก นั่นก็คือกำจัดตนเองและเมิ่งเชี่ยนโยว เฝิงจิ้งเหวินมีเคราะห์เช่นนี้ ทั้งหมดก็เพราะไปพัวพันกับพวกเขา เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าใจดี หวงฝู่อี้เซวียนก็เข้าใจด้วย แม้ว่าตอนนี้จะดึกแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนก็ยังเห็นปากที่ซีดเซียวของนางได้ชัด ถึงแม้ว่าเลือดที่ขาจะหยุดไหลแล้ว แต่ว่าเขาก็ยังไม่วางใจ อยากรีบพากลับไปให้หมอหลวงดูอาการนางเสียหน่อย
ขนาดใส่ใจอย่างดียังเกิดเรื่องวุ่นวายได้เพียงนี้ เมิ่งเชี่ยนโยวมีความรู้วิชาแพทย์ นี่เป็นเพียงแผลภายนอก ห้ามเลือดแล้วพันแผลให้ดี พักผ่อนให้มากก็จะดีขึ้น หวงฝู่อี้เซวียนลืมไปว่าจัดการเช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว เขาถึงได้ร้อนใจเช่นนี้
ในน้ำเสียงของเมิ่งเชี่ยนโยวมีความเย็นชาเล็กน้อย “วันนี้พวกเขาไม่ได้เพียงจะหมายเอาชีวิตข้าแล้วจบไป แต่ยังต้องมีคนรับเคราะห์ต่อ อันตรายไม่ได้หายไป ตลอดเวลามานี้ พวกเราตกเป็นผู้ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว หากปล่อยไว้เช่นนี้ ไม่ช้าก็เร็วพวกเราต้องวิ่งเต้นจนเหน็ดเหนื่อย สู้พวกเราอยู่ที่นี่ ช่วยพวกเขาจัดการให้ถึงที่สุด ยอมเหนื่อยทีเดียวจะได้สบายไปตลอด”
หวงฝู่อี้เซวียนจ้องมองนางครู่หนึ่ง เงยหน้าพูดว่า “เหวินซื่อ รบกวนด้วย” ความหมายก็คืออยู่ต่อเช่นกัน
อาการป่วยของเฝิงจิ้งเหวินไม่คงที่ เหวินซื่อก็หวังให้เมิ่งเชี่ยนโยวอยู่ต่อ แต่เมิ่งเชี่ยนโยวมีบาดแผลที่ตัว เหวินซื่อรู้สึกไม่เหมาะที่จะเอ่ยปากขอ และก็ไม่กล้าพูดด้วย พอได้ฟังคำพูดของหวงฝู่อี้เซวียน หลังจากนั้นก็นิ่งไปพักหนึ่งแล้วรีบตอบกลับมา พยักหน้าด้วยความดีใจ “ไม่รบกวนๆ พวกเจ้าตามข้ามาทางนี้”
พูดจบแล้วเดินนำหน้ามาถึงเรือนรับรองแขกโดยเฉพาะของจวนเหวิน ให้หวงฝู่อี้เซวียนรออยู่หน้าประตู เขาเดินเข้าไปในเรือนด้วยตัวเอง จุดไฟ แง้มม่านประตู เชิญทั้งสองคนเข้าไป
หวงฝู่อี้เซวียนอุ้มเมิ่งเชี่ยนโยวเข้าไปในห้อง ตามองไปรอบๆ อุ้มนางไปที่ข้างๆ เตียง วางนางลงบนเตียงอย่างเบามือ “เหวินซื่อ รบกวนหลบทางให้ข้าเสียหน่อย”
เหวินซื่อเข้าใจว่าหมายถึงอะไร พลิกตัวเดินออกไป เสียงของเมิ่งเชี่ยนโยวดังขึ้น “ให้สาวใช้หาเสื้อผ้าของซ้อมาให้ข้าใส่หน่อย”
เหวินซื่อตอบรับแล้วเดินออกไปด้านนอก
หวงฝู่อี้เซวียนเปิดเสื้อผ้านางออกอย่างรวดเร็ว เห็นว่าเหลือดหยุดไหลแล้วก็โล่งอก สีหน้าที่ตึงเครียดก็ผ่อนคลายลง
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วพูดว่า “แผลเล็กน้อยเท่านั้น เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป ผ่านพรุ่งนี้ไป วันมะรืนข้าก็เดินเหินได้สบายแล้ว”
ตอนนั้นเพราะอยู่ในระยะประชิด มีดก็เลยปักเข้าลึกมาก หากตอนนั้นหวงฝู่อี้เซวียนดึงมีดออกให้นางในทันที พันแผลไว้ก็ไม่เป็นไรมากแล้ว ตอนนี้ที่เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ากำลังปลอบใจเขา หวงฝู่อี้เซวียนเม้มปากไม่พูดอะไร
เมิ่งเชี่ยนโยวยกมือ ลูบคิ้วที่ขมวดอยู่ของเขา “เขาว่ากันว่าเจอภัยครั้งใหญ่แล้วไม่ตาย ต้องมีโชคดีตามมา ข้าโชคดีผ่านเคราะห์ร้ายมาได้ แสดงว่าข้ายังมีวาสนาอยู่มากใช่หรือไม่”
นางไม่พูดยังดีเสียกว่า พอพูดขึ้นเช่นนี้ หวงฝู่อี้เซวียนพลันนึกถึงเรื่องที่เมิ่งเชี่ยนโยวเกือบตายเพราะต้องช่วยชีวิตเขา สีหน้ายิ่งแย่เข้าไปอีก
เมิ่งเชี่ยนโยวก็รู้สึกได้ว่าตนพูดอะไรผิดไป ยิ้มออกมาอย่างเขินอาย เอาหัวพิงที่หน้าอกของเขา พูดเบาๆ ว่า “ครั้งนี้ซ้อติดร่างแหกับพวกเราไปด้วย ไม่รู้ว่าลูกในท้องจะรอดไหม ถ้าข้าไม่อยู่ที่นี่ต่อ กลับไปก็คงไม่สบายใจ”
หวงฝู่อี้เซวียนยื่นมือมาลูบหัวนาง เสียงสั่นเครือเล็กน้อย “ตอนนั้นที่พวกเขาลงมือ หัวใจข้าหยุดเต้นไปเลย โชคดีที่เจ้าไม่เป็นไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวรับรู้ได้ว่าเสียงของเขาเริ่มสั่นเครือ จึงยื่นมือออกมาโอบที่เอวของเขา “เจ้าวางไว้เถอะ ทำมา ไม่ทำกลับ เป็นการเสียมารยาท มหาเสนาบดีให้รางวัลเราชิ้นใหญ่ขนาดนี้ ถ้าพวกเราไม่ตอบแทนเขาเสียหน่อย ข้าคงจะรู้สึกไม่ดีนัก”
ในคำพูดของหวงฝู่อี้เซวียนมีความเย็นชาที่ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน “คำพูดนี้ ข้าต้องเป็นคนพูด หลังจากที่จัดการเรื่องจวนเหวินเสร็จ เจ้ากลับไปรักษาตัวให้ดี ส่วนที่เหลือส่งต่อให้ข้าจัดการ เจ้าห้ามลงมือ แล้วก็ห้ามคิดมากกับเรื่องนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าเบาๆ
“นายหญิง เอาเสื้อผ้ามาแล้วเจ้าค่ะ!” เสียงรายงานของชิงหลวนดังขึ้นในลานบ้าน
“เอาเข้ามา” หวงฝู่อี้เซวียนพูดตอบ
ชิงหลวนและจูหลีถือเสื้อผ้าเดินไปที่ข้างๆ เตียง อยากจะเปลี่ยนให้เมิ่งเชี่ยนโยว
“เอามาให้ข้า” หวงฝู่อี้เซวียนยื่นมือมารับเสื้อผ้าไป
ทั้งสองตะลึงครู่หนึ่ง เมิ่งเชี่ยนโยวหน้าแดงขึ้นมาทันที
หวงฝู่อี้เซวียนสั่งด้วยน้ำเสียงเข้ม “จูหลี เจ้ากลับไปได้แล้ว ไปดูสิว่าทำไมจนป่านนี้แล้วกัวเฟยยังไม่ตามมา นอกจากนี้ ถ้าหากว่าเขาไม่ได้เป็นอะไร ให้เขารีบนำองครักษ์ลับมายี่สิบนาย ชิงหลวน เจ้าไปหาเหวินซื่อ เอาผ้าพันแผลมา แล้วก็เอาโสมร้อยปีมาอันหนึ่ง เจ้าต้มโสมแล้วยกมาด้วยตัวเอง”
“เจ้าค่ะ ซื่อจื่อ” ชิงหลวนและจูหลีขานรับแล้วเดินออกไป
หวงฝู่อี้เซวียนโค้งตัวลงมา เริ่มถอดเสื้อผ้าบนตัวของเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวจับมือเขา พูดขอร้องเบาๆ ว่า “ข้าจัดการเอง”
หวงฝู่อี้เซวียนไม่พูดอะไร เพียงแต่จ้องตานางอย่างเงียบๆ
สักพักเมิ่งเชี่ยนโยวก็พ่ายแพ้ให้กับเขา ปล่อยมือออก หน้าแดงก่ำ นางไม่มีทางเลือก จึงยอมให้หวงฝู่อี้เซวียนเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สกปรกออก
เปลี่ยนเสื้อผ้าให้นางเสร็จ หวงฝู่อี้เซวียนเหงื่อออกเต็มหน้าไปหมด เมิ่งเชี่ยนโยวควักผ้าเช็ดของตนออกมา แล้วเช็ดให้เขาอย่างอ่อยโยน
หวงฝู่อี้เซวียนโค้งตัวลงมา รอให้นางเช็ดเสร็จแล้วตรวจดูแผลของนางอย่างละเอียดอีกครั้ง ไม่เห็นมีรอยเลือดไหลออกมา ก็โล่งใจขึ้นเป็นอย่างมาก
ชิงหลวนเอาผ้าพันแผลมา แล้วก็เดินออกไป
หวงฝู่อี้เซวียนพันแผลให้อย่างดี คราวนี้จึงจะโล่งใจได้จริงๆ เสียที
“เรียกเหวินซื่อเข้ามา ถามเขาว่าแท้จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
หวงฝู่อี้เซวียนลุกขึ้น ออกมาด้านนอก หลังจากที่เหวินซื่อรับผ้าพันแผลและโสมมา เห็นเฝิงจิ้งเหวินหลับไปแล้ว เป็นห่วงเมิ่งเชี่ยนโยวก็เลยไปหา พอเดินมาถึงลานบ้าน
“เหวินซื่อ เข้ามาเถอะ” หวงฝู่อี้เซวียนพูด
รู้ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว เหวินซื่อก็เดินเข้าไปนั่งที่บนเก้าอี้ในเรือน
“ซ้อเป็นอะไร ดูท่าแล้วเหมือนกินของที่ไม่ควรกิน เจ้าไม่ได้ทำตามที่ข้าสั่งหรือ ข้าบอกให้ตรวจดูอาหารของนางทุกวัน”
“ของที่เข้าปากเหวินเอ๋อร์ ข้าให้คนตรวจดูทุกวัน วันละสามรอบถึงจะเข้าปากนางได้ ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ คืนนี้ถึงได้ปวดท้องขึ้นมา ตอนที่เพิ่งกินข้าวเสร็จ นางยังดีๆ อยู่เลย” เหวินซื่อขมวดคิ้วพูด
พอเขาพูดจบ เมิ่งเชี่ยนโยวก็ขมวดคิ้วขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะกินอะไรผิดสำแดงไป เช่นนั้นเป็นเพราะอะไร
หวงฝู่อี้เซวียนไม่มีความรู้วิชาแพทย์ นั่งเงียบๆ อยู่อีกด้านหนึ่ง
“เหวินเอ๋อร์เกิดเรื่องขึ้น พอท่านปู่ทราบเรื่องก็โมโหมาก สั่งคนให้ไปจับสาวใช้และยายเฒ่าในครัวมาไต่สวนจนถึงตอนนี้ แต่ก็ยังไม่เจอเบาะแสอะไร อาจไม่ใช่เป็นเพราะอาหารที่กินเข้าไป”
“ตอนนี้นายท่านเหวินอยู่ที่ใด” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม
“ท่านปู่ก็ร้อนใจมาก ยังคงไต่สวนคนเหล่านั้นอยู่”
“รบกวนเจ้าไปเชิญนายท่านเหวินมาหน่อย ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน นอกจากนี้เจ้าไปเรียกผู้ดูแลจวนนี้ทั้งหมดมารวมตัวกันที่ลานบ้าน ข้ามีเรื่องถามพวกเขา” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
เหวินซื่อก็ไม่ถามว่านางจะทำอะไร ลุกขึ้นเดินออกไป สั่งให้สาวใช้ที่มากับตนไปพาผู้คนมารวมตัวที่ลานบ้าน ส่วนเขาไปที่เรือนนายท่านเหวินด้วยตัวเอง
หลังจากที่เฝิงจิ้งเหวินมีลูกอีกครั้ง นายท่านเหวินดีใจเป็นอย่างมาก เขาไม่สนว่าในอีกไม่กี่เดือน เด็กที่เกิดมาจะเป็นหญิงหรือชาย เขารู้เพียงว่า ตนสามารถมั่นใจได้แล้วว่าตระกูลเหวินจะมีผู้สืบทอดอย่างแน่นอน เพราะในขณะที่เขายังมีชิวิตอยู่ เขาได้เห็นผู้สืบสกุลกับตาตัวเองแล้ว หรือจะคิดอีกอย่างก็คือ มีคนที่หนึ่งก็ต้องมีคนที่สอง ขอเพียงแค่ให้กำเนิดมาได้คนหนึ่ง ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีคนต่อไป
นายท่านเพ้อฝันทุกวัน อีกทั้งยังดูแลให้คนในครัวทำอาหารที่ดีเยี่ยมให้เฝิงจิ้งซูทุกวัน หาของบำรุงต่างๆ มาให้นางไม่หยุด โดยเฉพาะตอนนั้นที่เหวินซื่อไปหลินเฉิง นายท่านเหวินกลัวว่าจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้นกับนาง สั่งให้คนลาดตระเวนนอกเรือนของนางทั้งวันทั้งคืน ไม่ว่าจะป้องกันได้ดีเพียงใด ก็เกิดเรื่องขึ้นคนได้ ได้ยินว่าเฝิงจิ้งเหวินปวดท้อง นายท่านก็รู้แล้วว่าลูกในท้องของนางคงไม่รอด แล้วเขาก็คงต้องเสียหลานชายหรือหลานสาวไปอีกครั้ง จึงระงับความโกรธไว้ไม่อยู่ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ใช้วิธีการที่โหดร้ายรุนแรง สั่งให้คนไปจับแม่ครัว เด็กผ่าฟืนทุกคนมาไต่สวนทีละคน อยู่นานมาก แต่กลับไม่ได้อะไรเลย
ดังนั้นจึงออกคำสั่งฆ่า สั่งให้คนเฆี่ยนตีคนทั้งหมดจนหนังถลอกเนื้อเปิด เสียงร้องโหยหวนดังไปทั่วจวน แต่ก็ยังไม่ได้ผลสรุปอะไร แม้แต่เขาก็ทนต่อไปไม่ไหว อยากถอดใจแล้วเชื่อเสียว่าที่เฝิงจิ้งเหวินปวดท้องเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย ตนก็แก่มากแล้ว กำลังวังชาก็ไม่ค่อยมี จัดการเรื่องพวกนี้ไม่ไหวอีกแล้ว