บทที่ 516 หลานเขยคุณตา

The king of War

หยางเฉินหัวเราะเสียงเย้ย “ก็แล้วถ้าผมจะบอกว่า พวกนี้มันพวกกะเลวกะลาด ไม่มีปัญญาฆ่าผมได้หละ?”

“แกมันรนหาที่ตาย!”

เย่ชังคำรามด้วยความโกรธ

พวกมือปืนที่ล้อมหยางเฉินกับหม่าชาวอยู่รอบ ๆ แต่ละคนต่างเกรี้ยวกราดกันขึ้นหน้า ถูกหยางเฉินพูดหยามขนาดนี้ มีหรือจะพอใจได้

การได้รับคัดเลือกเข้ามาเป็นมือปืนของตระกูลเย่ บ่งบอกได้ว่าทักษะการใช้ปืนต้องมีความแม่นอย่างที่สุด

“เอาเหอะ เรื่องไร้สาระไม่ต้องพูดมาก จะยิงก็ยิงเลย ไม่ยิง ก็บอกให้คนของคุณออกไปให้พ้นสายตาของผม ผมไม่มีเวลามาเสียให้สิ้นเปลือง”

หยางเฉินพูดไป สายตาที่มองเย่ชัง เต็มไปด้วยความดูแคลน

“ในเมื่อแกอยากตาย ข้าก็จะเสริมส่งให้!”

เย่ชังอายจนโกรธจัดขึ้นมาเฉียบพลัน ระดับทายาทตระกูลเย่ คนที่กำลังจะรับสืบทอดเป็นหัวหน้าควบคุมดูแลตระกูลเย่ ถูกสบประมาทขนาดนี้

สายตาหยางเฉินฉายประกายฆ่า ก็เตรียมจะลงมือ

“เย่ชัง แกยังไม่ได้รับตำแหน่งสืบทอดเป็นหัวหน้าตระกูล ก็เร่งรัดเอาอำนาจของหัวหน้าตระกูลมาใช้แล้วหรือ?”

ในเวลาขณะนั้นเอง เสียงเย็นชากระแสหนึ่ง ดังขึ้นมาอย่างฉับพลัน

ที่ผ่านมาเมื่อครู่นี้ ความสนใจของคนทั้งหมดใส่ไปอยู่ที่หยางเฉินกับเย่ชัง ไม่มีใครทันได้เห็น เย่ม่านกำลังประคองพาร่างผู้ชราเฒ่าท่านหนึ่งเข้ามาในโถงงานจัดเลี้ยง

“หัวหน้าตระกูลเย่ เย่จี้จง!”

มีเสียงคนอุทานด้วยความตกใจ เพราะจำร่างผู้ที่เย่ม่านประคองมานั้นได้

สายตาของหยางเฉินก็ได้มองไปที่เย่จี้จง เห็นเส้นผมขาวเต็มของเขา อยู่ในชุดงานมงคลสไตล์จีนสีแดง ในมือถือไม้เท้าสลักเสลางามประณีต

แม้จะอยู่ในวัยแปดสิบ แต่คงยังเปล่งรัศมีบารมีที่ดูน่าเกรงขามของคนใหญ่

“คุณพ่อ!”

เย่ชังลนลานเข้าไปหา มองไปเย่จี้จง ใบหน้าเต็มด้วยความยำเกรง

เย่หวูซวงก็รีบถลันเข้าไปหา ขานเรียกด้วยความเคารพอย่างสูง “ท่านปู่!”

เย่จี้จงเข้านั่งเก้าอี้ประธานใหญ่ สีหน้าไร้อารมณ์แสดงออก

มองไปที่เย่ชัง เสียงจากความเย็นเยือก ดังขึ้นมาในพลัน “แกยังไม่ทันได้รับโอนอำนาจตำแหน่งหัวหน้าตระกูล ก็จะใช้อำนาจของหัวหน้าตระกูลแล้วหรือ?”

ได้ยินดังนั้น เย่ชังหน้าเซ่อ ตามทันทีด้วยเสียง “ผลุบ” สองเข่าทรุดคุกลงอย่างแรง พูดเสียงหวั่นหวาดไม่สบายใจว่า “ท่านพ่อ ผมมิกล้า!”

“ถ้างั้นข้าจะถามเจ้า กฎบัญญัติข้อที่หนึ่ง คืออะไร?” เย่จี้จงถามด้วยสีหน้าเต็มบารมี

“คนในตระกูล จะเข่นฆ่ากันไม่ได้ นอกเสียแต่ บุคคลในตระกูลนั้นมีโทษถึงขนาดฟ้าดินไม่ยอมอภัย แต่ก็ยังต้องให้อยู่ในอำนาจหัวหน้าตระกูลในการตัดสินจะให้มีชีวิตอยู่ได้หรือไม่!”

เย่ชังรีบท่องบทที่หนึ่งในกฏข้อบัญญัติออกมา

“งั้นบอกข้ามา ตอนนี้กำลังทำอะไร?” เย่จี้จงถามเสียงเย็นชา

“ผม……”

เย่ชังหน้าซีดเผือดลงไปพลัน

เย่จี้จงให้เขาท่องบทบัญญัติที่หนึ่งก่อน แล้วถามว่าทำอะไรอยู่ตอนนี้

ในความหมาย ไม่จำต้องพูดก็เข้าใจได้

หยางเฉินเป็นสามีของลูกสาวนอกสมรสของเย่ม่าน นั่นก็คงพูดได้ว่า หยางเฉินเป็นหลานเขยตาไม่ใช่หรือ?

หลานเขยของคุณตา จะว่าไม่ใช่คนตระกูลเย่ได้หรือ?

“ข้าจะถามเจ้าหน่อย หยางเฉินได้ไปทำอะไรถึงขนาดฟ้าดินไม่ยอมอภัย?”

เย่จี้จงถามต่ออีก

“ไม่มีครับ!”

เย่ชังก้มหน้า ตอบเสียงทุ้มงึมงำ

“ข้าจะถามแกอีกครั้ง หยางเฉินเป็นอะไรกับข้า?”

เย่จี้จงจี้ถามอีก

“เขาเป็นหลานเขยในหลานตาของท่าน!”

เย่ชังขานตอบรับต่อ ให้รู้สึกเหงื่อเย็นวาบซึมซับแผ่นหลัง

“ปัง!”

เย่จี้จงตบโต๊ะด้วยฝ่ามือดังสนั่นลั่นในทันใด ถ้วยชาจานรองลายครามโบราณล้ำค่า กระเด็นตกลงพื้นในทันที แตกกระจุยกระจายทั่ว

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แกยังกล้าจะฆ่าเขาหรือ?”

เย่จงซือเดือดพล่านขึ้นในพลัน ถามซักไปด้วยเสียงอันดัง

เขาได้ลุกยืนขึ้นจากเก้าอี้ประธานที่นั่งอยู่แล้ว ประคองอยู่กับไม้เท้า ร่างกายสั่นเทิ้มทั้งตัว ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ

เย่ชังที่คุกเข่าอยู่แต่ต้น ตกใจจนเยี่ยวแทบเล็ด ตอบตะกุกตะกักไปว่า “คุณพ่อ ผมผิดไปแล้ว!”

“ในเมื่อสำนึกผิด ก็ต้องชดใช้ตามมูลค่า!”

เย่จี้จงพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แกไม่ใช่ผู้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าตระกูลเย่ของข้าต่อไปอีกแล้ว!”

“คุณพ่อ!”

เย่ชังอึ้งเซ่อเต็มใบหน้า

เพื่อตำแหน่งหัวหน้าตระกูล ลงทุนไปขนาดไหนเท่าไหร่ เขารู้ดีกว่าใคร ๆ

มาบัดนี้ในคำพูดของเย่จี้จงคำเดียว ก็จะยกเลิกตำแหน่งทายาทของเขาทิ้ง

นี้จะให้เขาทนรับได้อย่างไร?

“ตามตัวบทข้อบัญญัติ เพียงแค่ในข้อหาที่ว่าแกจะสังหารหยางเฉิน มันก็เพียงพอที่จะขับแกออกจากตระกูลแล้ว”

เย่จี้จงพูดด้วยสีหน้าน่าเกรงขาม “ตอนนี้ ข้าเพียงถอดตำแหน่งผู้สืบทอดออก ก็เป็นการลงโทษในสถานเบาแล้ว”

เย่ชังสุดแสนเศร้าสลด ตำแหน่งที่สู้อุตส่าห์ลงทุนลงแรงไปมหาศาล ต้องหายสูญเหมือนร่วงไหลลงไปตามสายน้ำ ด้วยเพียงสาเหตุน้อยนิดนี้

เขารู้สึกเสียดายไม่อยากจะยอม แต่จะทำอย่างไรได้?

ถึงยังไง เย่จี้จงก็เป็นหัวหน้าตระกูลคนปัจจุบัน

สายตาทุกคู่ที่มองเย่ชัง ต่างให้ความรู้สึกเห็นใจ

หลังจากคืนนี้ผ่านไป น่ากลัวว่าเย่ชังคงจะต้องกลายเป็นตัวตลกในทอล์ออฟเดอะทาวน์ของเยี่ยนตู เพราะถ้าหากไม่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น คืนนี้ตระกูลเย่ก็จะประกาศให้รู้ทั่วกันแล้ว ในข่าวที่ว่า เย่ชังจะเป็นหัวหน้าตระกูลเย่สืบต่อไป

“เธอคือหยางเฉิน?”

ทันใดนั้นสายตาเย่จี้จงทอดลงมาที่หยางเฉิน นัยน์ตาคมกริบทั้งคู่มองตรงไปที่หยางเฉิงแล้วถาม

เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ล้วนเกินไปจากความคาดคิดของหยางเฉิน

เขารู้สึกยากนักที่จะนำเย่จี้จง ไปผูกกับเรื่องหัวหน้าตระกูลเย่ผู้ที่ออกคำสั่งให้คนไปฆ่าสามีของเย่ม่าน

สวนไปในสายตาเย่จี้จง หยางเฉินจ้องกลับไปอย่างไม่สะทกสะท้าน ตอบกลับไปด้วยสีหน้าราบเรียบ “ผมนี่แหละหยางเฉิน!”

เย่จี้จงขมวดคิ้วเล็กน้อย แววตาส่อให้เห็นความไม่พอใจอยู่หลายส่วน

ในแววตาของหยางเฉิน เขาไม่ให้เห็นมีความเคารพยำเกรงแม้แต่น้อย มีเพียงความเรียบเฉยแบบคนแปลกหน้า

เย่ม่านพยายามส่งสายตาสะกิดหยางเฉิน หยางเฉินกลับดูเหมือนมองไม่เห็นอะไร คงยังท่าทีอย่างไม่มีอะไรที่ต้องกลัวเกรง

“เธอมีความข้องใจในตัวข้าหรือ?”

เย่จี้จงถามเสียงเยือก ๆ

“ผมคุ้นเคยกับคุณด้วยหรือ?”

หยางเฉินทำหน้าแปลก ๆ พูดกลับไป

ใบหน้าเย่จี้จงออกอาการฉุน หยีตาพูดว่า “ที่เจียงหนัน เธอมีน้ำหนักมาก แต่ที่นี่คือเยี่ยนตู เมืองศูนย์รวมอำนาจอิทธิพล โดยเฉพาะตระกูลเย่ เธอไม่มีสิทธิ์ดูถูก เข้าใจไหม?”

เห็นชัดได้ว่า ตระกูลเย่รู้ละเอียดเกี่ยวกับตัวหยางเฉินมากพอ แค่เพียงรองจากที่มองเห็นทุกท่าทีของหยางเฉินเท่านั้น

มิฉะนั้น เย่จี้จงคงไม่วางมาดทระนงให้ดูอยู่เหนือกว่าแบบนี้

หยางเฉินออกเสียงหัวเราะเย้ย “ท่านหัวหน้าตระกูลเย่คงคิดจะแสดงให้เห็นว่า ในเยี่ยนตู ผมนับเป็นอะไรไม่ได้เลย ใช่ไหม?”

“แล้วไม่ใช่หรือไง?”

เย่จี้จงถามซัก

ท่าทีแสดงออกซึ่งมั่นใจในตัวเองอย่างหยิ่งทะนงของหยางเฉิน สร้างความหงุดหงิดใจให้เย่จี้จงอย่างมาก

เดิมที่รู้มาว่า สามีของลูกสาวนอกสมรสของเย่มั่นนั้น เป็นคิงของเจียงผิงและหนันหยังสองเมืองเอก เขาก็เฝ้ารออยากจะพบเห็นเป็นอย่างมาก

มาตอนนี้เห็นเข้าแล้ว กลับให้พบว่าหยางเฉินไม่ใช่คนที่จะควบคุมให้อยู่ในกำมือง่าย ๆ อย่าที่คิดเลย

“หยางเฉิน ระวังวาจามารยาทหน่อย!”

เย่ม่านอดไม่ได้ต้องออกปากพูด น้ำเสียงให้รู้สึกถึงความเคืองอยู่

เพื่อหวังได้กุมอำนาจในตระกูลเย่ให้มากขึ้น เพื่อแก้แค้นให้สามีที่ถูกฆ่าตายไป หล่อนอดทนอยู่ด้วยความระมัดระวังมาหลายปี

ไม่ใช่ง่ายเลยที่มาจนถึงเวลานี้ด้วยเพราะหยางเฉิน ที่ทำให้หล่อนได้ถูกยกสูงระดับขึ้นไปในตระกูลเย่ หล่อนก็จึงไม่อยากให้เป็นเพราะหยางเฉิน ที่จะมาทำให้ทั้งหมดต้องพังทลายไป

หยางเฉินมองเย่ม่านด้วยสายตาเรียบ ๆ แล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ผมก็จะขอกลับก่อนละ!”

พูดจบ เขาก็หันหลังเตรียมเดินจากไป

เย่จี้จงไม่ชอบเอาเลยในความเย่อหยิ่งในตัวเขา หยางเฉินหรือก็ใช่จะชอบท่าทีของเย่จี้จงที่แสดงออกถึงความใคร่อยากในการครอบครอง?