ตอนที่ 2670 เมืองปีกสีเงินที่เงียบสงัด

เมื่อลำแสงสีแดงเข้มนอกเมืองปีกสีเงินจางหายไป ทุกคนก็ตัวแข็งค้างและเงียบไปชั่วขณะ ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นภายในเมืองหรือกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ที่พุ่งเข้าหามัน ซึ่งชั่วครู่หนึ่งนั้นมันดูเหมือนว่าเวลาโดยรอบบริเวณจะถูกแช่แข็งหรือหยุดลงไปทั้งหมด

แค่การโจมตีเดียว !!!

นอกเหนือจากแกรนลอร์ด และมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายที่เป็น Faux Saint แล้ว ทุกอย่างภายในรัศมีสามร้อยหลาที่ถูกลำแสงสีแดงเข้มกลืนกินนั้นหายไปทั้งหมด มันไม่มีแม้แต่มอนสเตอร์ Faux Saint Saboteurs สักตัวจากราวหนึ่งหมื่นตัวที่อยู่ในระยะยังรอดชีวิตอยู่

สำหรับ Faux Saint Destroyers และ Faux Saint Devourers ที่อยู่ในระยะ พวกมันทั้งหมดได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้น Faux Saint Devourers ยังแทบจะไม่สามารถขยับตัวได้ และพวกมันก็ได้แค่พยายามดิ้นรนเพื่อจะหนีจากพื้นที่อันว่างเปล่าโดยรอบพวกมันเท่านั้น ขณะที่ Faux Saint Destroyers นั้นไม่สามารถจะขยับตัวออกไปไหนได้เลย และทำได้แค่นอนอยู่กับที่ที่เดิมเท่านั้น

“นี่ …”

อิลูซะรี่เวิร์ดและอันยีลดิ้งฮาร์ทพูดไม่ออกไปชั่วครู่ เมื่อพวกเขาได้เห็นฉากตรงหน้านี้ และตอนนี้ดวงตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง และความตื่นเต้นมากๆ

การโจมตีครั้งนี้มันน่ากลัวเกินไป !!!

การโจมตีนี้เพียงครั้งเดียวไม่เพียงแต่จะทำให้ Faux Saint Destroyers มากกว่าหนึ่งพันตัวบาดเจ็บสาหัสจนหมดสภาพต่อสู้ไป แต่มันยังทำให้ Faux Saint Devourers อีกสามตัวได้รับบาดเจ็บสาหัสจนแทบขยับไม่ได้เช่นกัน ซึ่งผลลัพธ์นี้ช่วยลดแรงกดดันที่แนวหลังที่เมืองปีกสีเงินจะต้องเผชิญลงอย่างมาก

ในขณะเดียวกัน เมื่อสมาชิกของมือแห่งนักบุญเห็นฉากนี้ พวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงเช่นกัน พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าหอคอยเวทย์มนต์ของเมืองปีกสีเงินจะทรงพลังมากขนาดที่ทำให้ Faux Saint Devourers บาดเจ็บสาหัสได้
“คุณพึ่งทำให้ Faux Saint Devourers สามตัวบาดเจ็บสาหัส !! อย่างไรก็ตามนี่มันก็หมายความว่าการต่อสู้ครั้งนี้ใกล้จะจบลงแล้ว !!!” เธ้าซั่นอายพูดอย่างเมินเฉย เมื่อเขาเห็นผู้เล่นของเมืองปีกสีเงินแสดงสีหน้าตื่นเต้นและมีความสุขออกมา

มันเป็นเรื่องปกติมากที่อาวุธสงครามจะส่งผลให้เกิดการทำลายล้างขนาดใหญ่ในการรบแบบปิดล้อม และแม้ว่าพลังของหอคอยเวทย์มนต์ของเมืองปีกสีเงินจะเกินค่าประมาณไปมาก แต่มันก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพโดยรวมแน่นอน

สำหรับกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ซึ่งประกอบไปด้วยมอนสเตอร์มากกว่าสี่ล้านตัว การสูญเสียไปมากกว่าหนึ่งหมื่นตัวเพียงเล็กน้อยนั้นแทบไม่สำคัญเลย นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่าการโจมตีที่ทรงพลังแบบนี้ของหอคอยเวทย์มนต์จะต้องมีคูลดาวน์นานมากแน่นอน และเมื่อถึงเวลาที่หอคอยเวทย์มนต์พร้อมจะโจมตีแบบนี้อีกครั้ง มอน
สเตอร์ Faux Saint ก็จะเข้าประชิดเมืองปีกสีเงินได้แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ก็ยังเข้าสู่สถานะเบอเซิกร์แล้ว เพราะการโจมตีจากหอคอยเวทย์มนต์ และหลังจากที่ Faux Saint Devourers ห้าตัว ปล่อยเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวออกมา มอนสเตอร์ Faux Saint ตัวอื่นๆก็พุ่งเข้าใส่เมืองปีกสีเงินด้วยความดุร้ายที่มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม และทุกคนก็สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าความเร็วของมันเพิ่มขึ้นอย่างน้อยยี่สิบเปอเซ็นต์

เมื่อเห็นสิ่งนี้ผู้เล่นฝ่ายป้องกันที่ยืนอยู่บนกำแพงเมืองปีกสีเงินก็อดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความกังวลมากขึ้น

การโจมตีแบบหลอมรวมกันของหอคอยเวทย์มนต์นั้นมันให้ผลลัพธ์ที่น่าประหลาดใจมากๆ แต่มอนสเตอร์ Faux Saint ก็สามารถเติมช่องว่างที่ว่างลงได้อย่างงรวดเร็ว ซึ่งมันก็ทำให้ดูเหมือนว่าการโจมตีเมื่อครู่นั้นไม่เคยเกิดขึ้นเลย

“ปืนใหญ่และหอคอยธนูทั้งหมดเตรียมยิง !!! ตั้งเป้าไปที่สถานที่ที่มีมอนสเตอร์หนาแน่นที่สุด !!!”

เมื่อกองทัพ Faux Saint กลับมาเคลื่อนไหวต่อด้วยความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น อันยีลดิ้งฮาร์ท ซึ่งเคยเป็นผู้บัญชาการ การรบขนาดใหญ่มาหลายสิบครั้งก็ตะโกนออกคำสั่งที่จำเป็นทันที และเมื่อได้ยินคำสั่งของเขาแนวป้องกันของเมืองปีกสีเงินก็หายจากอาการกลัว และเตรียมพร้อมโจมตีทันที

“หน่วยเวทย์มนต์ทั้งหมดเริ่มร่ายเวทย์ของตัวเอง !!! ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Faux Saint Destroyers พวกนั้นจะไม่สามารถเข้าใกล้กำแพงได้ !!!”

ในทำนองเดียวกัน อิลูซะรี่เวิร์ดก็ออกคำสั่งที่คล้ายคลึงกันให้กับกองกำลังของจักรพรรดิคริมสัน และกองกำลังอื่นๆที่เธอรับผิดชอบ ก่อนที่เธอจะเริ่มร่ายคำสาปขั้นสามของตัวเองเช่นกัน

เมื่อมีการออกคำสั่งที่จำเป็นทีละคำสั่ง ความประหม่าและหวาดกลัวของแนวป้องกันก็เริ่มค่อยๆถูกปรับให้กลับมาเป็นปกติและคงที่

ในขณะที่แนวป้องกันกำลังเฝ้ามองอย่างเงียบๆ กองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ก็ค่อยๆใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

หนึ่งพันสามร้อยหลา …

หนึ่งพันสองร้อยหลา …

หนึ่งพันหลา …

“ยิง !!” อันยีลดิ้งฮาร์ทตะโกน

ทันใดนั้นปืนใหญ่หลายร้อยกระบอกพร้อมกับหอคอยธนูอีกหลายโหล รวมทั้งป้อมปราการป้องกันก็เริ่มยิงพร้อมกันทันที ซึ่งเสียงยิงมันก็ทำให้เกิดเสียงดังก้องไปทั่วเมือง

ในช่วงเวลาต่อมา ลำแสงหลายร้อยเส้นก็พุ่งเข้าใส่กองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ราวกับฝนดาวตก โดยการโจมตีทั้งหมดนี้มันก็สั่นสะเทือนพื้นดิน ซึ่งทำให้เกิดฝุ่นและสิ่งสกปรกปลิวว่อนไปในอากาศ นอกจากนี้มันก็ทำให้มอนสเตอร์ Faux Saint หลายหมื่นตัวต้องปลิวกระเด็นไป และมันก็สร้างหลุมอุกกาบาติขนาดใหญ่ขึ้นในทุกๆที่ที่มีการโจมตี ซึ่งมันจัดเป็นภาพที่งดงามมาก

อย่างไรก็ตามตรงกันข้ามกับความคาดหวังของทุกคน กองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint นั้นไม่ได้หยุดนิ่งหรือช้าลงเลยแม้แต่น้อย และในเวลาไม่นานมอนสเตอร์ Faux Saint ก็ไหลบ่าเข้ามาเติมเต็มช่องว่างที่อาวุธสงครามสร้างไว้จนเต็ม ความบ้าคลั่ง
ของมอนสเตอร์ Faux Saint นั้นมันไปไกลเกินความคาดหมายของทุกคนมากๆ
“รีโหลด และเตรียมโจมตีใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้ให้มุ่งเน้นไปที่แนวหน้าของพวกมัน !!!” อันยีลดิ้งฮาร์ทตะโกนขึ้น ขณะที่ใบหน้าของเขาขมวดคิ้ว เมื่อได้เห็นฉากนี้ แม้ว่าเขาจะคิดว่าสิ่งนี้มีสิทจะเกิดขึ้น แต่เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเมื่อได้เห็นมัน

หลังจากการโจมตีไปหลายระลอกของอาวุธสงครามทั้งหมด แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถฆ่า Faux Saint Destroyer ได้สักตัว แต่พวกเขาก็ได้ฆ่า Faux Saint Saboteurs ไปจำนวนหนึ่งแล้ว รวมถึงยังทำให้พวก Faux Saint Saboteurs อีกมากกว่าสองแสนตัวบาดเจ็บสาหัส แต่น่าเสียดายที่เมื่อเทียบกับจำนวนของกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ที่มีมหาศาล จำนวนแค่นี้นั้นมันนับว่าไม่สำคัญเลย

ในช่วงเวลาต่อมา พวกมอนสเตอร์ Faux Saint ระลอกแรกก็ได้มาถึงในระยะหนึ่งร้อยหลาห่างจากกำแพงเมืองปีกสีเงิน ซึ่งอิลูซะรี่เวิร์ดและผู้เล่นสายโจมตีระยะไกลคนอื่นๆที่ยืนอยู่บนกำแพงก็ได้ปลดปล่อยสกิลและเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาออกมาทันที และในช่วงเวลาหนึ่งสกิลและเวทย์นับหมื่นก็ถูกใช้โจมตีเข้าใส่กองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint เบื้องหน้า

อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ทุกคนกำลังคิดว่าพวกมอนสเตอร์ Faux Saint จะถูกโจมตี ละและถูกหยุดไว้ชั่วครู่นั้น มันก็เกิดเหตุอันน่าตกตะลึงขึ้น

ในช่วงเวลาต่อมา มันราวกับว่าพวกมอนสเตอร์ Faux Saint นั้นเป็นทหารที่ผ่านศึกมาอย่างโชกโชน พวกมันเริ่มกวัดแกว่งอาวุธเพื่อป้องกันการโจมตีที่เข้ามา และลดความเสียหายส่วนใหญ่จากการโจมตีเหล่านี้ลงไป

“เป็นไปได้ยังไงกัน ?!”

เพอเพิ้ลอายซึ่งร่ายเวทย์ของเธอจากบนกำแพงเมืองอยู่ล้วนเต็มไปด้วยความตกตะลึงกับฉากนี้

มอนสเตอร์ Faux Saint เหล่านี้ได้ป้องกันการโจมตีส่วนใหญ่ที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามโจมตีเอาไว้ได้ และมันมีเพียงการโจมตีของผู้เชี่ยวชาญขั้นสามขอบเขตการปรับแต่งขึ้นไปเท่านั้นที่จะสามารถโจมตีโดนมอนสเตอร์เหล่านี้ได้

“พวกโง่ !!! นี่พวกคุณคิดว่ามอนสเตอร์ Faux Saint ที่พวกคุณพบในตอนนี้จะเหมือนกับมอนสเตอร์ Faux Saint ที่คุณพบเมื่อไม่กี่วันก่อนงั้นหรอ ?!” เธ้าซั่นอายหัวเราะเยาะ ขณะที่เขามองไปที่แนวป้องกันของเมืองปีกสีเงิน
ชัยชนะอาจเป็นไปได้สำหรับเมืองปีกสีเงิน หากพวกเขาต้องต่อสู้กับกองทัพมอนสเตอร์ทั่วไป อย่างไรก็ตามตอนนี้ พวกเขาต้องต่อกรกับกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ซึ่งมอนสเตอร์เหล่านี้นั้นมีสติปัญญาเหนือกว่ามอนสเตอร์ทั่วไปมาก

คำพูดของเธ้าซั่นอายทำให้ทุกคนเงียบลงทันที

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้เช่นนี้ พวกเขาจะไปสู้ได้อย่างไร ?

มีเพียงการโจมตีของอาวุธสงคราม และผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนเล็กน้อยเท่านั้นที่ได้ผลต่อพวกนี้ ขณะที่การโจมตีที่เหลือล้วนไร้ประโยชน์

ในช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังรู้สึกฟุ้งซ่านและสับสนกับคำพูดของเธ้าซั่นอาย Faux Saint Devourers ห้าตัวก็กระโดดขึ้นไปยังช่องว่างเหนือกำแพง

“ไม่ดีแล้ว !! หยุดพวกมันไว้ !!!”

ใบหน้าของอันยีลดิ้งฮาร์ทแปรเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวกับหวาดกลัวอย่างสุดจะพรรณนา เมื่อเห็น Faux Saint Devourers ทำการโจมตี

ในขณะที่วงเวทย์ป้องกันของเมืองได้รับการเสริมความแข็งแกร่งขึ้นมา แต่ว่าคำสาปทำลายล้างวิญญาณนั้นก็ได้ลดมานาโดยรอบลงอย่างมาก ซึ่งมันทำให้การเสริมความแข็งแกร่งที่วงเวทย์ป้องกันของเมืองพึ่งจะได้รับมานั้นด้อยประสิทธิภาพลง ยิ่งไปกว่านั้นวงเวทย์ป้องกันของเมืองขั้นสูง มันก็จะไม่สามารถทนต่อการโจมตีของมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายหลายตัวพร้อมกันได้

ก่อนที่ใครจะสามารถตอบสนองได้ หอกห้าเล่มก็ฉีกผ่านอากาศ และมาบรรจบกันที่จุดเดียวบนวงเวทย์ป้องกัน

“เทคนิคการต่อสู้หลอมรวม ?!”

อิลูซะรี่เวิร์ดรู้สึกตกใจกับการโจมตีของ Faux Saint Devourers ทั้งห้าตัวมากๆ

ความจริงที่ว่ามอนสเตอร์ Faux Saint เหล่านี้สามารถใช้เทคนิคการต่อสู้ได้นั้น มันก็น่าประหลาดใจมากแล้ว แต่ตอนนี้พวกมันกับใช้เทคนิคการต่อสู้หลอมรวม ซึ่งมีผู้เล่นเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ นี่มันเป็นฝันร้ายชัดๆ
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม มันช่างน่าเสียดายจริงๆ !!! ฉันไม่คิดเลยว่าพวกคุณทุกคนจะล้มลงเร็วขนาดนี้ !!!” เธ้าซั่นอายกล่าวด้วยรอยยิ้มเยาะที่ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขา ขณะที่เขามองไปยังซือเฟิงที่ยังคงนิ่งเงียบอยู่ตลอดเวลา

ตราบใดที่วงเวทย์ป้องกันของปีกสีเงินแตกออก ผู้เล่นทุกคนก็จะไม่ต่างจากลูกแกะที่รอการถูกสังหาร ขณะที่ NPC ขั้นสี่ที่ป้องกันเมืองอยู่นั้นก็ไม่สำคัญ เพราะท้ายที่สุดแล้วเสือที่ดุร้ายนั้นไม่สามารถจะเอาชนะฝูงหมาป่าได้

ตู้ม …

เสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วทั้งสนามรบ และคลื่นกระแทกของการโจมตีนี้มันก็ทรงพลังมากซะจนทำให้แม้แต่ Faux Saint Destroyers ที่อยู่ใกล้ๆก็ยังถูกบังคับให้ถอยกลับไป

“ดูเหมือนว่าสภาสิบแปดปีกจะถึงคราวจบสิ้นแล้วจริงๆ !!!”

เมื่อสมาชิกที่เฝ้าชมอยู่ของมหาอำนาจต่างๆได้เห็นฉากนี้ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวออกมา เมื่อมอนสเตอร์ Faux Saint Devourers ใช้เทคนิคการต่อสู้หลอมรวมได้แบบนี้ นั่นมันก็แปลว่าพลังของการโจมตีนี้มันจะอยู่จุดสูงสุดของขั้นสี่แน่นอน ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่วงเวทย์ป้องกันของเมืองขั้นสูงจะสามารถทานทนได้

อย่างไรก็ตามในขณะที่ฝุ่นควันของการโจมตีนี้ทั้งหมดหายไป ใบหน้าของสมาชิกมหาอำนาจต่างๆซึ่งแต่เดิมเต็มไปด้วยความยินดีก็แปรเปลี่ยนเป็นตกตะลึง

ในขณะนี้บาเรียสีแดงจางๆที่ล้อมรอบเมืองนั้นยังคงอยู่อย่างสมบูรณ์ อันที่จริงมันไม่ได้มีรอยแตกเลยแม้แต่น้อยด้วยซ้ำ

“นี่ …. เป็นไปได้ยังไง ?!”

ในตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงสมาชิกของมหาอำนาจต่างๆเลย แม้แต่เธ้าซั่นอายก็ยังอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง เมื่อเขาจ้องมองไปยังบาเรียสีแดงจางๆ

นี่เป็นการโจมตีที่มีพลังอยู่ในจุดสูงสุดของขั้นสี่ที่พวกเขากำลังพูดถึง !!!

ในช่วงเวลาที่สนามรบทั้งหมดเงียบลง จู่ๆก็มีเสียงมาจากประตูใหญ่ของเมือง และมันก็ดังก้องไปทั่วสนามรบ

“นั่นสินะ ? หากนั่นเป็นการเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งที่สุดของคุณ งั้นเราก็น่าจะสามารถหยุดเรื่องตลกนี่ได้อย่างรวดเร็วแน่นอน !!!”