บทที่ 115 โดย Ink Stone_Romance

 

บทที่ 115 เพื่อเป้าหมายอันชั่วร้าย (7)

             ผู้คนข้างๆ หมุนเวียนไปหลายรอบแล้ว ชานมในแก้วก็หมดแล้ว ยังคงไม่เห็นลั่วจื่อหานลืมตา อี้เป่ยซีเขยิบเก้าอี้ไปข้างหน้า เอียงศีรษะมองดูเขา อดไม่ไหวยื่นมืออกมา จิ้มๆ แก้มของเขา จิ้มแล้วจิ้มอีก ยิ้มอย่างมีความสุข จู่ๆ มือก็ถูกคว้าไว้

            “นาย นายตื่นแล้วเหรอ” เธอต้องการดึงมือกลับ ลั่วจื่อหานกลับยิ้มแล้วเอามือของเธอมาจรดริมฝีปาก จูบปลายนิ้วของเธอเบาๆ รู้สึกอ่อนปวกเปียก อี้เป่ยซีออกแรงดึงกลับ “นาย”

            “หายโกรธแล้วเหรอ?”

            เธอผลักแก้วไปอีกทาง “โกรธมาก ตอนนี้ยิ่งโกรธกว่าเดิมอีก เมื่อกี้นาย นาย ฉัน” เธอออกแรงคว้าปลายนิ้วของตัวเอง พูดไม่ออกว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร โกรธงั้นเหรอ แต่ว่าก็รู้สึกจั๊กจี้อยู่ในใจ

            “หิวหรือเปล่า ช้อปมาตั้งนาน” ลั่วจื่อหานเอื้อมมือลูบๆ ผมของเธอ เปลี่ยนหัวข้ออย่างมีพิรุธ อี้เป่ยซีปัดมือของเขา

            “วันนี้ขอโทษไม่จริงใจเลย ฉันไม่รับหรอก”

            “แล้วถ้าซื้อเสื้อพวกนั้นเพิ่มล่ะ?”

            “นาย” อี้เป่ยซีเหยียบเท้าของเขาที่อยู่ใต้โต๊ะทันที “นายนี่หน้าไม่อายจริงๆ ทำไมเมื่อก่อนไม่ยักรู้”

            เขาขยี้ตา พยักหน้า “ก็นิดหน่อย”

            “ช่วงนี้นายเหนื่อยมากเหรอ? เมื่อกี้หลับลึกขนาดนั้น ไม่เหมือนนายเลยนะ”

            “คิดว่าเธออยู่ตรงหน้าอย่างปลอดภัยแล้ว ก็เลยรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาจริงๆ”

            เธอรีบก้มหน้า ซ่อนเร้นรอยยิ้มของตัวเอง หยิบหลอดขึ้นมาดูดจึงพบว่าตอนนี้มันหมดแล้ว ไอด้วยความเคอะเขิน “เอ่อ สั่งอีกแก้วได้ไหม?”

            ลั่วจื่อหานก็ไม่ได้เปิดโปงเธอ “ถ้าชอบวันหลังค่อยดื่มเถอะ เดี๋ยวก็กินข้าวไม่ลงพอดี”

            “อ๋อ ก็ ก็ได้” มุมปากยังคงยกยิ้ม

            “มีความสุขขนาดนั้นเลยเหรอ” เขาเลิกคิ้ว

            “มีความสุข มีความสุขอะไร?” เธอดูเวลาบนโทรศัพท์มือถือ “ฉันต้องกลับไปแล้ว พวกคุณแม่อี้น่าจะยังอยู่ข้างล่าง”

            เขากวาดตามองข้างนอกด้วยความเฉยเมย “น่าจะขึ้นมาแล้ว ไปกินด้วยกันไหม?”

            “หา?” อี้เป่ยซีเงยหน้า เห็นลั่วจื่อหานลุกขึ้นเดินออกไปแล้ว เธอหันไปก็เห็นแม่ลูกเดินมาด้วยกัน คว้ามือของลั่วจื่อหาน “นายจะทำอะไรน่ะ?”

            ตบๆ มือของเธอ “ไม่ต้องห่วง พวกเขาเห็นหมดแล้ว”

            “……”

            “เป่ยซี” คุณแม่อี้ก็เห็นทั้งสองคนที่ยื้อยุดกันอยู่ด้วย อี้เป่ยซีรีบดึงมือกลับ

            เธอหัวเราะหึหึ ลุกขึ้นพรวด สะดุดขาโต๊ะพุ่งตัวไปหาลั่วจื่อหาน เขาหันหลังเพียงเล็กน้อยก็รับเธอไว้ได้ “ซุ่มซ่ามอีกแล้ว” น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความเอ็นดู

            อี้เป่ยซีหน้าแดง รีบผละออกจากเขาวิ่งไปหาคุณแม่อี้ วินาทีที่เห็นสายตาแหลมคมของเธอหัวใจก็เต้นตึกตัก ‘คราวนี้จบเห่แน่’

            คุณแม่อี้และอี้เป่ยเฉินระวังลั่วจื่อหานอย่างเห็นได้ชัด คราวก่อนตัวเองยังบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกับลั่วจื่อหาน ครั้งนี้เหรอ สงสัยจะออกไปนอกบ้านไม่ได้แล้ว

            เธอกัดริมฝีปาก ดึงเสื้อของคุณแม่อี้เบาๆ “แม่คะ หนูหิวแล้ว”

            “กินชานมไปแค่แก้วเดียวก็ต้องหิวอยู่แล้ว ไม่รู้จักไปกินข้าวที่ร้านอาหาร” แม้จะมีท่าที่ตำหนิอี้เป่ยซี แต่กลับพุ่งเป้าไปที่ลั่วจื่อหาน “ประธานลั่ว ไปด้วยกันไหม?”

            “ไม่ค่ะ เขายังมีธุระ เมื่อกี้ที่ลุกขึ้นเพราะว่ากลับจะไปแล้ว ไม่ไปกับพวกเรา ไม่ไปค่ะ”

            “เป่ยซี” คุณแม่อี้เสียงสูง “อย่าเสียมารยาทแบบนี้สิ”

            ลั่วจือหานส่ายหน้า “ไม่สะดวกจริงๆ ครับ คุณน้าอี้ ข้างๆ มีร้านอาหารร้านนึงน่าจะถูกปากคุณน้า ผมคงทำหน้าที่เจ้าบ้านไม่ได้แล้ว”

            “ตอนนี้ประธานลั่วตั้งใจกับงานของตัวเองก็ดีแล้ว พวกเราไม่รบกวนคุณหรอก”

            ลั่วจื่อหานพยักหน้า ก้าวเดิน หยุดอยู่ข้างอี้เป่ยซีครู่หนึ่ง ก้าวยาวๆ จากไปด้วยรอยยิ้ม

            “แหะๆ แม่คะ พวกเรา…”

            คุณแม่อี้จิ้มๆ หน้าผากของเธอ ระคนความเหนื่อยหน่าย “เธอน่ะ พวกเรากลับไปกินที่บ้านกัน”

            เธอพยักหน้าหงึกหงัก “ใช่ค่ะ แม่ทำกับข้าวอร่อยกว่าข้างนอกเยอะเลย กลับบ้าน กลับบ้าน”

            อาจเป็นเพราะช้อปปิ้งนานจึงรู้สึกเหนื่อย ทั้งสามคนที่อยู่บนรถไม่พูดไม่จา จนกระทั่งรถจอด อี้เป่ยซีจึงค้นพบว่าไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปตั้งแต่เมื่อไร

            “เหนื่อยเหรอ?” คุณแม่อี้ตบหน้าของเธอเบาๆ

            เธอกอดเอวของคุณแม่ “ค่ะ นิดหน่อย”

            “เป่ยซี”

            “คุณแม่อี้ ตอนนี้หนูเหนื่อยแล้ว ต้องกินของทดแทนถึงจะมีแรงคิด ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น”

            “เอาล่ะๆ ลงรถไปแล้วจะทำของโปรดเธอให้กิน ดีหรือเปล่า”

            เธอพยักหน้าอย่างแรง ถอนหายใจอยู่ในใจ อาหารจานโปรดของตัวเอง เธอก็คิดไม่ออกว่าตัวเองชอบกินอะไรที่สุด ในสายตาคนอื่นของมีของที่ชอบ มันก็แค่ความเคยชินเท่านั้น

            อี้เป่ยซีนั่งพิงเก้าอี้อยู่ครู่หนึ่งแล้วลงจากรถไปกับคุณแม่อี้ นั่งเหม่อลอยหน้าโทรทัศน์ จนกระทั่งเสียงตะโกนเรียกให้เธอกินข้าวจึงดึงสติกลับมา อี้เป่ยเฉินก็ลากเก้าอี้นั่งลงข้างเธอ มองดูมือของเธอ ไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ

            กินข้าวกันไม่พูดจา ทั้งสามคนนั่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ อี้เป่ยเฉินคีบกับข้าวลงในถ้วยของอี้เป่ยซีเป็นครั้งคราว เธอก้มหน้าไม่ได้พูดอะไร แต่ว่ารู้สึกไม่ค่อยชอบใจเท่าไรนัก

            ‘ทำไมเมื่อก่อนถึงไม่เคยรู้สึกว่าความเป็นห่วงแบบนี้มันมากเกินไป’

            หลังจากเก็บข้าวของเรียบร้อย อี้เป่ยซีบ่นว่าเหนื่อยๆๆ แล้วขึ้นไปนอนข้างบน คุณแม่อี้ไม่พอใจต่อการแสดงออกของอี้เป่ยซีเล็กน้อย สีหน้าเย็นชา และเดินตามขึ้นไป

            “เป่ยซี เป่ยซี” เธอเคาะประตู เมื่อไม่มีคนตอบรับจึงเดินเข้าไป ถอนหายใจ จัดดึงผ้าห่มของอี้เป่ยซีให้ดี นั่งลงข้างเธอ “แม่รู้ว่าเธอยังไม่หลับ”

            มือที่อี้เป่ยซีวางไว้ข้างศีรษะกระดิกเล็กน้อย ยังคงอยู่ท่าเดิม

            “เป่ยซี เธอรู้ไหมว่าลั่วจื่อหานเป็นใคร?” เธอลูบหลังของอี้เป่ยซี “เธอยังจำที่แม่เล่าให้เธอฟังเมื่อก่อนได้ไหม เรื่องชนชั้นสูง ล. จากประเทศ U ที่เทียบเท่าพวกตระกูลลู่น่ะ”

            อี้เป่ยซีเม้มปาก คุณแม่อี้พูดต่อ “ลึกลับ แปลกประหลาด ไม่ใช่พวกที่เธอจะเข้าไปยั่วยุได้”

            “คุณแม่อี้ หนูรู้ว่าแม่รักหนู” อี้เป่ยซีพลิกตัวหันมาหาเธอ “หนูแยกแยะได้”

            “เป่ยซี เรื่องเล่าก็คือเรื่องเล่า แม่เห็นเธอโตมาด้วยกันกับเป่ยเฉิน เธอ เมื่อก่อนเธอก็…”

            เธอคว้ามือของคุณแม่อี้ “คุณแม่อี้”

            “เอาล่ะๆ เธอตัดสินใจเองได้ก็ดีแล้ว เพียงแต่” เธอลังเลครู่หนึ่ง “เป่ยซี เธอมั่นใจแล้วเหรอว่าลั่วจื่อหานจริงใจกับเธอ? แม่รู้จักเธอดี เธอเป็นพวกเก็บอารมณ์ตัวเองไว้ไม่อยู่ ถ้าจะทุ่มเทเธอก็ต้องระวังให้มาก แต่ว่าลั่วจื่อหาน…”

            “หนู หนูไม่รู้ ตอนนี้หนูไม่รู้ความรู้สึกของตัวเอง และหนูก็ไม่รู้ว่าลั่วจื่อหานคิดยังไง หนูเพียงแค่ แค่รู้สึกว่า อยากอยู่ใกล้เขามาก อยากมากๆ ก็เท่านั้น หนูไม่รู้ว่าแบบนี้เรียกว่าชอบหรือเปล่า”

            คุณแม่อี้ลูบผมของเธอด้วยความเมตตา “เป่ยซี ถ้ายังไม่ถลำลึก ก็รีบออกมาเถอะ ช่วงนี้คิดให้ดีๆ ล่ะ หืม?”

        เธอพยักหน้า “งั้นหนูนอนแล้วนะคะ”

————