TQF:บทที่ 724 รักลึกซึ้ง (1)
“เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้วๆ”
ใจนางสั่น นัยน์ตารื้นไปด้วยน้ำตา ขนตายาวสั่นไหว ตอบเสียงเบาเมื่อมองไปยังคนที่คิดถึงมาโดยตลอด “สบายดี ข้าสบายดีมาก”
“ไม่ เจ้าไม่ได้สบายดีเลย ข้ารู้หมดแล้ว ทุกคนรังแกเจ้า เสี่ยวเสี่ยว ยัยโง่….” ในใจของโม่ซวนซุนมีความอบอุ่นหลั่งไหลออกมา
เขารู้หมดแล้ว แม้แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในชิงยางเมื่อกี้ก็หนีจากการรับรู้ของเขาไม่พ้น เขาจะไม่รู้ได้ยังไงว่านางเผชิญกับอะไรอยู่ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้หัวใจของเขาเจ็บเหมือนโดนใครเอามือมาหยิก เจ็บจนเขาอยากจะอาละวาด”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้ม นัยน์ตาคู่สวยมีน้ำตาตลอแต่ยิ้มออกมาอย่างเบิกบาน พูดอย่างรักใคร่ “หากเจ้าสบายดี ข้าก็สบายดี”
“เสี่ยวเสี่ยว….” ความรักในใจพลุ่งพล่านออกมา เขาอดดึงนางมากอดไม่ได้ หลับตาลงและกล่าวขึ้น “ขอโทษ ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้ามา มีอยู่ช่วงเวลานึงที่ความทรงจำข้าหายไป จำอะไรไม่ได้เลย และไม่รู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ด้วย เสี่ยวเสี่ยว เจ้าคงลำบากมาก ขอโทษนะ….”
การพบกันเกิดขึ้นอย่างเรียบง่าย ไม่มีการโศกเศร้าหรือการยินดีจนเกินไป มีเพียงความอบอุ่นและความรู้สึกอันแท้จริงที่พรั่งพรูออกมา คอยเป็นห่วงกันและกัน
เหล่าผู้คนเบิกตาโพลงและอ้าปากค้าง มองทั้งคู่ที่กอดกันอยู่ด้วยความอึ้ง
ส่วนเหล่าปีศาจเฒ่าที่นั่งอยู่ ณ ที่นั่งประธานหลังจากที่ตะลึงไปแล้วล้วนโอดครวญในใจ พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่านายน้อยแห่งโถงวิหารสวรรค์จะเป็นผู้ชายของเฉิงเสี่ยวเสี่ยว
นี่มัน นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย
ครึ่งชั่วยามที่แล้วพวกเขายังหารือกันเรื่องจะจัดการอย่างไรกับคนของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนอยู่เลย แต่ในหมู่พวกเขากลับมีคนของอีกฝ่ายอยู่ด้วย นี่จะไม่ให้เขาเสียหน้าได้ยังไง
คิดมาถึงตรงนี้ สายตาของเหล่าปีศาจเฒ่าที่อายุมากที่สุดไม่ได้จับจ้องที่คู่รักหวานแหววนั่นอีกต่อไป แต่กลับจ้องไปที่ตาแก่ซอมซ่อแห่งโถงวิหารสวรรค์
ส่วนตาแก่ซอมซ่ออึ้งไปตั้งแต่ที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวปรากฏตัวขึ้น จากนั้นอดไม่ได้ที่จะยิ้มเฝื่อนๆ
เรื่องนี้ไปกันใหญ่แล้ว
กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนเป็นอิทธิพลที่คนรักของลูกศิษย์ตัวเองสร้างขึ้นมา จะทำยังไงดีล่ะทีนี้
ตาแก่ซอมซ่ออดลูบหัวขึ้นมาด้วยความปวดไม่ได้ อีกสักพักต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่
ส่วนผู้อาวุโสใหญ่แห่งโถงวิหารสวรรค์นิ่งไปแล้วในขณะนี้ นาทีนั้นมีความหนาวสั่นคืบคลานสู่ใจเขา
เขา เขากำลังรนหาที่ตายชัดๆ
กลุ่มทหารรับจ้างของภรรยานายน้อยเท่ากับว่าเป็นกลุ่มทหารรับจ้างของนายน้อย แล้วนายน้อยก็เป็นคนของพวกเขาโถงวิหารสวรรค์แต่เขากลับช่วยคนอื่นวางแผนหมายเอาของๆคนในโถงวิหารสวรรค์ไป นี่มันหาเรื่องตายชัดๆ
จบแล้ว จบแล้ว
แต่ละคนมีปฏิกิริยาไม่เหมือนกัน สามีภรรยาโม่อู๋เซอและฟางซูหยุนต่างมีใบหน้ายิ้มแย้ม รู้สึกยินดีจากใจ
ไม่นานนักเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ข่มอารมณ์ตัวเองไว้และดิ้นออกจากอ้อมกอดของเขา พูดเรียบๆ “ข้ายังมีเรื่องต้องจัดการ เดี๋ยวค่อยคุยกัน”
“ได้”โม่ซวนซุนรู้ดีว่าเรื่องที่นางจะจัดการคือเรื่องอะไร เขาจับมือนางไว้และเหลียวมองกลับมา สายตาคมกริบมองไปยังที่นั่งประธาน กวาดผ่านเหล่าปีศาจเฒ่าไป ทำให้พวกเขาใจสั่นและไม่สบายใจ
“ภรรยาข้ามีเรื่องต้องจัดการ ในเมื่อทุกคนอยู่ที่นี่แล้วก็อย่าเพิ่งมีใครออกไป”
พูดจบโม่ซวนซุนก็สะบัดมือ มีแสงศักดิ์สิทธิ์หลากสีแผ่ซ่านออกมาผนึกผืนฟ้าและแผ่นดินนี้ไว้
“อาณาเขตเทพ….”
หัวหน้ากลุ่มชราแห่งกลุ่มทหารรับจ้างเอ้าชังหน้าเสียด้วยความตะลึง จู่ๆก็ร้องออกมา
อาณาเขตเทพ!?
มีคนที่นั่นครึ่งนึงไม่รู้ว่าคืออะไร แต่อีกครึ่งนึงรวมถึงตาแก่ซอมซ่อด้วยต่างมีสีหน้าตกตะลึง
อาณาเขตเทพเป็นความสามารถของผู้ฝึกฝนวิทยายุทธที่อยู่ระดับเซียนสวรรค์ขึ้นไปเท่านั้น ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธที่อยู่ระดับต่ำกว่าเซียนสวรรค์ไม่มีทางทำได้
อาณาเขตเทพคล้ายกับการผนึกผืนฟ้าและแผ่นดิน แต่การผนึกยังสามารถใช้ฝีมือหนีออกไปได้ ส่วนอาณาเขตเทพไม่ว่าจะใช้วิธีอะไรก็ไม่สามารถออกไปได้ เว้นแต่ว่าจะมีวิทยายุทธเหนือกว่าระดับเซียนสวรรค์จึงจะทำได้
และนั่นหมายความว่าวิทยายุทธของโม่ซวนซุนอยู่ระดับเซียนสวรรค์แล้ว
จะไม่ให้พวกเขาตะลึงได้อย่างไร
แม้แต่ตาแก่ซอมซ่อก็ยังไม่รู้ว่าลูกศิษย์ได้เองได้เป็นผู้ฝึกฝนวิทยายุทธระดับเซียนสวรรค์แล้ว
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่ผืนดินฉางไห่ไม่ได้มีผู้ฝึกฝนวิทยายุทธระดับเซียนสวรรค์อุบัติขึ้น บัดนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว แถมยังเป็นผู้ฝึกฝนวิทยายุทธระดับเซียนสวรรค์ที่อายุน้อยขนาดนี้ด้วย
หลังจากที่เหล่าปีศาจเฒ่าได้สติกลับมาจากการตกตะลึงก็เผยสีหน้าปิติอย่างมาก
พวกเขานึกว่าผู้ฝึกฝนวิทยายุทธในผืนดินฉางไห่ไม่มีโอกาสบรรลุอีกแล้ว บัดนี้เห็นว่าทีคนบรรลุ จิตใจเงียบเหงาของพวกเขารุ่มร้อนขึ้นมาอีกครั้ง
เซียนสวรรค์เลยนะ เป็นคนระดับชั้นยอด หรือเรียกได้ว่าจะทะลุมิติไปยังดินแดนลึกลับของเหล่าเทพเมื่อไหร่ก็ได้
แม้ว่าผืนดินฉางไห่จะไม่มีผู้ฝึกฝนวิทยายุทธระดับเซียนสวรรค์มาหลายร้อยปีแล้ว แต่ตำนานต่างๆเกี่ยวกับผู้แข็งแกร่งเซียนสวรรค์ต่างๆ นอกจากเหล่าปีศาจเฒ่าแล้ว ศิษย์เอกในสำนักต่างๆและคนของอิทธิพลทั้งหลายล้วนเคยได้ยินหมด
ดังนั้นพวกเขาจึงตะลึงอย่างถึงที่สุด โดยเฉพาะหวงฝู่เส้าจวินและหวงฝู่หยีมู่ นอกจากพระโอรสทั้ง 2 จะตะลึงแล้วยังเบลอไปเลยอีกด้วย พวกเขารู้สึกว่าไม่เหลือความหวังเลยแม้แต่น้อย
ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธระดับเซียนสวรรค์
พวกเขามีชีวิตอยู่อีกสักหลายร้อยปีก็ใช่ว่าจะบรรลุ แต่คนตรงหน้าที่อายุแค่ 20 กว่ากลับมีวิทยายุทธระดับเซียนสวรรค์แล้ว พรสวรรค์ขนาดนี้ทำให้พวกเขาหวั่นใจและพูดไม่ออกจริงๆ
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ได้ยินเหมือนกัน ตาคู่สวยของนางเบิกกว้างเล็กน้อยเป็นประกายอันน่าตกใจ และนางไม่ได้ตะลึง เพียงแค่เหล่ตามองเป็นเชิงถาม
โม่ซวนซุนเข้าใจความหมายของนางจึงพยักหน้าเบาๆ ถือว่ายอมรับเรื่องที่วิทยายุทธของตัวเองอยู่ระดับเซียนสวรรค์แล้วจริงๆ
เมื่อได้รับคำตอบที่แน่ใจแล้วเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็คลี่ยิ้มออกมา ในใจปิติอย่างมาก
ในขณะเดียวกันสายตาของนางก็จับจ้องไปยังที่นั่งประธาน เอ่ยปากเรียบๆ “เหล่าผู้อาวุโสของกลุ่มทหารรับจ้างเอ้าชังอยู่รึเปล่า เหล่าผู้อาวุโสของสมาคมทหารรับจ้างอยู่รึเปล่า เหล่าผู้อาวุโสของสำนักตันซืออยู่รึเปล่า เหล่าผู้อาวุโสของสำนักวั่นตันอยู่รึเปล่า เหล่าผู้อาวุโสของสำนักหลิวหวินอยู่รึเปล่า เหล่าผู้อาวุโสของโถงวิหารสวรรค์อยู่รึเปล่า เหล่าผู้อาวุโสของสำนักและอิทธิพลใหญ่ต่างๆวันนี้คงจะอยู่ที่นี่กันทั้งหมดสินะ”
“……”
เสียงของนางไม่ดังไปไม่เบาไป เยือกเย็นและสง่า ดังเข้าไปในหูของทุกคน ผู้คนล่างเวทีฮือฮาขึ้น พวกเขาไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่เหล่าผู้อาวุโสแห่งสำนักต่างๆรู้อย่างแจ่มชัดว่าเกิดอะไรขึ้น
โดยเฉพาะเมื่อพวกเขารู้ว่าเทพเซียนทั้ง 4 คนที่ส่งไปล้วนตายด้วยมือของเด็กสาวคนนี้ ทำให้พวกเขาไม่รู้จะเลือกยังไงดี
เหล่าผู้อาวุโสบนที่นั่งประธานล้วนมีสีหน้าเคร่งเครียดลง ไม่มีใครตอบอะไร บรรยากาศไร้เสียงอย่างพิลึก
วันนี้เป็นวันงานประลองสกัดยา ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น
ผู้คนล่างเวทีรู้สึกลางๆว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น เงียบลงในเวลาอันรวดเร็ว
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มเย็นๆให้กับการต่อต้านไร้เสียงของพวกเขา “ทุกคนคงจะรู้ฐานะของข้าดีสินะ”
——————————————-