แต่ว่าต่อหน้าหยุนเฟยฉาง

หลัวตงไม่กล้าที่จะดูหมิ่นใดๆ

หยุนเฟยฉางเป็นคุณชายของตระกูลหยุน

แต่เขา เป็นเพียงคนรับใช้ที่ตระกูลหยุนเลี้ยงดูไว้เท่านั้น

หากกล้ามาฟังคำพูดของหยุนเฟยฉาง

ตำแหน่งหัวหน้าแผนกสำนักงานนี้ของเขาก็ถือว่าสิ้นสุดลงแล้ว

“หัวหน้าคะ ด้านนอกมีคนที่อ้างว่าเป็นผู้จัดการของเฟิงเมิ่งกรุ๊ปมาขอพบท่านค่ะ”

หลังจากหลัวตงวางสายไปไม่นาน

เลขาก็เดินเข้ามาบอกกล่าว

มุมปากของหลัวตงเผยรอยยิ้มมีเลศนัยทันที

พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มาเลย

ก่อนหน้านี้เขายังคุยโทรศัพท์กับหยุนเฟยฉางอยู่เลย และรับประกันว่าจะไม่ให้เฟิงเมิ่งกรุ๊ปก่อตั้งบริษัทสาขาอย่างแน่นอน

แต่คาดไม่ถึงว่า คนของเฟิงเมิ่งกรุ๊ปจะมาตอนนี้เลย!

มาก็ดี

ดีเลยจะได้โขกสับพวกเขาสักเล็กน้อย!

หลัวตงหยิบถ้วยชาบนโต๊ะ แล้วดื่มหนึ่งที พูดอย่างเย็นชาว่า : “ให้พวกเขาเข้ามา!”

“ค่ะ!”

เลขาถอยออกไป

ไม่นาน ฟ่านเจี้ยนก็ผลักประตูเข้ามา

“หัวหน้าหลัว ฉันคือฟ่านเจี้ยนเป็นผู้จัดการของเฟิงเมิ่งกรุ๊ป”

ฟ่านเจี้ยนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

ในฐานะที่เป็นคนเหลี่ยมจัดในการค้า

ฟ่านเจี้ยนจึงรู้ดีว่า สำนักงานประเภทนี้เข้ายาก และมีใบหน้าที่ไม่น่าดู

ฉะนั้นในตอนแรก เขาจึงวางท่าทีของตนเองให้ต่ำมาก

ขอเพียงแค่ได้เอกสารรับรอง อย่างอื่นก็ไม่สำคัญอะไร

หลัวตงเงยหน้าขึ้นมองฟ่านเจี้ยนและเอ่ยถามว่า : “คุณมาหาฉันธุระอะไรเหรอ?”

ฟ่านเจี้ยนยิ้มและกล่าวว่า : “หัวหน้าหลัว เฟิงเมิ่งกรุ๊ปของเราต้องการก่อตั้งบริษัทสาขาที่เมืองก่าง ตอนนี้ยังขาดเอกสารรับรองของท่าน ท่านดูสิว่า…..”

ไม่รอให้ฟ่านเจี้ยนกล่าวจบ

หลัวตงก็ส่ายหัวทันที : “สิ่งนี้ไม่ง่ายที่จะจัดการ! คุณก็รู้ เมืองก่างของเราเป็นประตูทางเหนือของจงโจว แต่ละวันมีบริษัทที่ต้องการจะเข้ามาไม่รู้ว่ามากมายเท่าไหร่ ดังนั้นสำหรับเรื่องการก่อตั้งบริษัทสาขาประเภทนี้ เราจะเข้มงวดเป็นพิเศษ”

ได้ยินเช่นนั้น

ในใจของฟ่านเจี้ยนก็รู้สึกสะอึกเล็กน้อย

อันที่จริงฟ่านเจี้ยนได้ดำเนินขึ้นตอนที่จำเป็นเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงให้หลัวตงลงนามเท่านั้น

ตอนนี้คาดถึงหลัวตงจะพูดว่าไม่สามารถจัดการได้เหรอ?

แม่งเอ้ย!

นี่จงใจจะกลั่นแกล้งตนเองงั้นเหรอ!

เพียงแต่เรื่องแบบนี้ ฟ่านเจี้ยนเห็นมาจนชินแล้ว

หลัวตงพูดแบบนี้ ก็เพียงแค่ต้องการผลประโยชน์เท่านั้น

อีกาในโลกนี้โดยทั่วๆ ไปแล้วก็เป็นสีดำ

หลักการนี้ ฟ่านเจี้ยนเข้าใจอย่างชัดเจน

“หัวหน้าหลัว ขอเพียงแค่คุณยอมลงนาม เช่นนั้นผลประโยชน์เล็กน้อยนี้ ได้โปรดรับไว้ด้วย……”

พูดจบ ฟ่านเจี้ยนก็หยิบเงินปึกหนึ่งออกมาจากในกระเป๋าเอกสาร

แต่ไม่รอให้ฟ่านเจี้ยนพูดจบ

หลัวตงก็ลุกขึ้นยืนทันที

เขาโกรธอย่างควบคุมไว้ไม่อยู่ และด่าทอออกมา : “นี่คุณคิดจะทำอะไร? คุณคิดที่จะใช้เงินมาบั่นทอนคุณธรรมของฉันอย่างนั้นเหรอ? ฉันจะบอกคุณให้นะ ฉันในฐานะคนรับใช้ประชาชน มันไม่สามารถถูกคนบั่นทอนได้อย่างแน่นอน!”

“คุณรีบเอาเงินสกปรกของคุณเหล่านั้นแล้วไสหัวออกไป! ต้องการให้ฉันลงนามเอกสารรับรองเหรอ คุณฝันไปเถอะ!”

“ตราบใดที่ฉันอยู่ที่นี่ เฟิงเมิ่งกรุ๊ปของพวกคุณอย่าได้คิดที่จะเข้ามาเหยียบในจงโจวแม้แต่ก้าวเดียว!”

เห็นถึงตรงนี้

ฟ่านเจี้ยนตกตะลึงตาค้าง

ความหมายของหลัวตงก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการผลประโยชน์เล็กน้อย

ทำไมจู่ๆ ถึงพลิกหน้าไปซะแล้วล่ะ?

“หัวหน้าหลัว ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันแค่ต้องการเป็นเพื่อนกับคุณเท่านั้น……”

“ไปๆๆ!”

“ไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ? รีบไสหัวไปเลย!”

“ถ้ายังไม่ไสหัวไปอีก ฉันจะเรียกร.ป.ภ.มาเดี๋ยวนี้!”

ไม่รอให้ฟ่านเจี้ยนพูดจบ

หลัวตงก็ออกคำสั่งไล่แขกด้วยสีหน้าโกรธเคือง

เห็นอย่างนี้

สีหน้าของฟ่านเจี้ยนก็เปลี่ยนเป็นไม่น่าดูขึ้นมา

เขามองออกอย่างชัดเจน

หลัวตงคนนี้ต้องการหาเรื่องกับเฟิงเมิ่งกรุ๊ปโดยเฉพาะ