พร้อมกับความตายของไพร่พลกลุ่มนั้น สงครามกองโจรก็เปิดม่านขึ้นอย่างเป็นทางการ

เซียวอวี๋สั่งให้พวกนักรบโจมตีและล่าถอย ในสมรภูมิป่าไพรเช่นนี้ การรบแบบกองโจรนับว่ามีประสิทธิภาพที่สุด ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทัพม้าของจักรวรรดิแลนซ์นั้นแข็งแกร่ง กระนั้นพวกเขาก็ยังไม่อาจต้านทานการโ๗มตีจากมังกรน้อยและพวกอัศวินกริฟฟ่อน ฝ่ายเซียวอวี๋จะโจมตีก่อนล่าถอย กองทัพของพวกเขาจะไม่ปักหลักอยู่กับที่ หากแต่เปลี่ยนย้ายตำแหน่งตลอดเวลา อีกด้านหนึ่ง เมอีฟและเหล่าฮีโร่คนอื่นๆก่อนเริ่มกลยุทธ์โจมตีด้วยระเบิด อย่างไรก็ตาม ไม่นานนัก พวกศัตรูชุดใหม่ก็ทยอยติดตามเข้ามาในป่า พวกเขาได้นำปืนใหญ่เวทเข้ามา เป้าหมายของกระบอกปืนคือกองกำลังกริฟฟ่อนที่บินอยู่บนท้องฟ้า “ถอย!” รับรู้ถึงภัยคุกคามจากปืนใหญ่ เซียวอวี๋ก็สั่งให้กองกำลังล่าถอยในทันที ข้อห้ามของการรบแบบกองโจรคือห้ามปะทะซึ่งหน้า อัสวานยังค่อยส่งหน่วยสอดแนมลงพื้นที่ แม้ส่วนใหญ่จะถูกสังหารไปในระหว่างทาง กระนั้นก็ยังมีบางส่วนที่สามารถกลับมารายงานได้สำเร็จ หน่วยสอดแนมได้รายงานว่า หากออกไปไม่ไกล ที่นั่นเป็นน้ำตก หากรุดหน้าต่อไปเช่นนี้ เซียวอวี๋ก็จะถูกต้อนจนมุม ไม่มีหนทางให้หนีได้อีก เมื่อได้ยินดังนั้น อัสวานก็รู้สึกยินดี เขาทราบว่าเซียวอวี๋ที่เป็นคนต่างถิ่นย่อมไม่คุ้นเคยกับพื้นที่แถบนี้ ดังนั้นจึงเลือกถอยเข้ามาในป่า เป็นไปได้มากว่าอีกฝ่ายจะไม่รู้ว่าข้างหน้านั่นเป็นน้ำตก ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายนัยน์ตาสูงจนละเลยรายละเอียดเล็กๆเช่นนี้ไปหรอกนะ? อัสวานไม่รอช้า เขาเร่งส่งคำสั่งออกไปหลายชุด เมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีกำลังเหนือกว่าอีกฝ่ายมาก กลยุทธ์โอบล้อมก็จะสามารถเปล่งประสิทธิภาพออกมา กองทัพของเซียวอวี๋ถอยไปจนถึงหน้าผา ขณะที่อีกด้านหนึ่ง อัสวานก็สั่งให้คนของเขาเตรียมโจมตีปิดฉากด้วยปืนใหญ่เวท เขารู้ว่าอีกฝ่ายมีคนอยู่ไม่มาก ทว่าไพร่พลแต่ละคนล้วนแล้วแต่แข็งแกร่ง เขาตระหนักดีว่ากองทัพของเขาไม่อาจจัดการกับพวกเซียวอวี๋ได้ง่ายๆ ดังนั้นพวกเขาจำต้องพึ่งพาการระดมยิงด้วยปืนใหญ่เวทมนตร์ “ฮ่าฮ่า พวกเจ้าก็นับว่ามีความสามารถอยู่บ้างนี่” เซียวอวี๋ตะโกนเย้ยหยัน “เหอะ เซียวอวี๋เอ๋ย หมดลูกไม้แล้วหรือ? แต่ถึงเจ้าจะยังมีอยู่ ต่อหน้าพลังอันยิ่งใหญ่แล้ว เจ้าก็ไม่แคล้วต้องมอดม้วยอยู่ที่นี่” “เจ้าเห็นอาวุธเวทเหล่านี้หรือไม่? ขอเพียงข้าออกคำสั่งโจมตี พวกเจ้าก็จะถูกบดขยี้เป็นชิ้นๆ ขอเพียงเจ้าคุกเข่ายอมจำนนเสียตอนนี้ ข้าขอรับรองว่าเจ้าจะปลอดภัย….” อัสวานกล่าวเสียงเรียบ แม้จะกล่าวออกไปเช่นนั้น หากแต่อัสวานก็ไม่คิดจะรักษาคำพูดอยู่แล้ว เขาเพียงต้องการให้เซียวอวี๋ลดการป้องกันลงเพื่อที่จะสามารถกวาดล้างกองทัพของเซียวอวี๋ได้อย่างสิ้นซาก อย่างไรก็ตาม เซียวอวี๋จะมองอุบายเล็กน้อยนี้ไม่ออกหรือ? เซียวอวี๋กล่าวเยาะเย้ย “คิดว่าเจ้าชนะแล้วหรือ? คิดจริงๆว่าข้าไร้ซึ่งหนทาง? หรือเจ้าไม่เห็นระเบิดที่ข้าใช้? หากเจ้ากล้าเข้ามา ข้าจะถล่มพวกเจ้าด้วยระเบิด ต่อให้ปืนใหญ่ของพวกเจ้าจะทรงพลัง แต่มันก็ต้องสิ้นเปลืองมาก แล้วพวกเจ้ามีแก่นสัตว์อสูรอยุ่เท่าไรเล่า? ฝั่งของข้าสามารถชดเชยคุณภาพด้วยปริมาณ ลองมาดูกันว่าระหว่างปืนใหญ่ของเจ้ากับระเบิดของข้า ผู้ใดจะได้หัวเราะเป็นคนสุดท้าย” “เหอะ ข้ามีแก่นอสูรอยู่เท่าใดไม่ใช่ธุระกงการของเจ้า แต่ข้ามั่นใจว่ามันเพียงสังหารพวกเจ้าจนสิ้น” อัสวานแค่นเสียง ขวัญกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ ในสงคราม แม่ทัพจะต้องไม่ปล่อยให้ขวัญกำลังใจของไพร่พลตกต่ำลง มิเช่นนั้น กองทัพของก็จะสู้รบได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และอัสวานก็ทราบกฏข้อนี้ดี เพื่อจัดการกับเซียวอวี๋ที่มีกำลังพลเพียงพันเศษ พวกเขาจึงยกกำลังพลออกมาหนึ่งหมื่นนาย ซึ่งรายละเอียดเล็กๆข้อนี้ก็มีผลกระทบอย่างมากต่อขวัญและกำลังใจของกองทัพ ก่อนหน้านี้ เขาไม่คิดไม่ฝันว่าเซียวอวี๋จะมีมังกรอยู่ด้วย เมื่อกล่าวถึงมังกร บนโลกนี้ยังเหลืออยู่มากเท่าใดเชียว พวกอัศวินมังกรก็มีตัวตนอยู่แต่ในตำนาน กระนั้น ครั้งนี้เขากับได้พบเห็นมังกรตัวเป็นๆ การปรากฏตัวขึ้นของมังกรได้ทำลายขวัญกำลังใจของกองทัพจักรวรรดิอย่างมาก แม้จะมีนักรบบางส่วนที่กระเหี้ยนกระหือรืออยากจะเป็นผู้พิชิตมังกร แต่เมื่อต้องมาเผชิญหน้าเข้าจริงๆ มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เผ่าพันธุ์มังกรคือเผ่าพันธุ์ที่อยู่บนจุดสูงสุดของโลกใบนี้ ด้วยพลังเวทอันเหลือล้นและกายาอันแข็งแกร่ง พวกมันก็แทบจะไร้เทียมทาน ครืน……. ในตอนนั้นเอง จู่ๆก็ปรากฏสายฟ้านับไม่ถ้วนฟาดผ่าลงมาจากท้องฟ้า “ฟ้าโปร่งเช่นนี้ ใยจึงมีสายฟ้า?” ทั้งสองฝ่ายต่างก็มึนงง มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน? นี่ไม่ใช่วสันตฤดู ทั้งท้องฟ้ายังแจ่มใส จู่ๆจะบังเกิดสายฟ้าขึ้นได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น สายฟ้าที่ผ่าลงมายังรุนแรงจนป่นศิลาเป็นผุยผง ครืน….. สายฟ้าแลบแปลบปลาบ พวกทหารที่สวมเกราะหนักพลันถูกเผาจนไหม้เกรียม สายฟ้าจากพวกอัศวินกริฟฟ่อนนั้นก่อขึ้นจากเวทมนตร์ ทว่าสายฟ้าที่ฟาดผ่านี้เป็นสายฟ้าจริงๆ “รีบถอดเกราะเหล็กออก!” เซียวอวี๋เร่งสั่งการ ในสถานการณ์เช่นนี้ หากยังสวมใส่เกราะโลหะต่อไปก็ไม่ต่างจากรนหาที่ตาย ฝ่ายเซียวอวี๋เริ่มปลดเกราะออก ขณะที่อีกด้านหนึ่ง อัสวานยังไม่ทันตอบสนองใดๆ วินาทีถัดมา สายฟ้าก็ผ่าลงมาอีก “บัดซบ เกิดอะไรขึ้น?” เซียวอวี๋สบถ เดิมทีเขาเตรียมแผนการจัดการอัสวานเสียที่นี่ กระนั้นสายฟ้าที่เกิดขึ้นกลับทำให้ปั่นป่วนวุ่นวายไปหมด ครืน…… เกิดเสียงครืนครืนดังขึ้นอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้ไม่ใช่ฟ้าผ่า แต่เป็นภูเขาทั้งลูกที่ค่อยๆพังทลาย เศษหินนับไม่ถ้วนกำลังกลิ้งมาทางหน้าผาที่คนทั้งประจันหน้ากันอยู่!