ขณะที่เฉินเกอวิ่งขึ้นบันไดมา หลายอย่างวิ่งวุ่นอยู่ในความคิดเขา เงาและคุณหมอเกานั้นได้รับบาดเจ็บเท่า ๆ กัน และกับดักชนิดไหนกันที่เงานั่นจะสามารถติดตั้งได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ?

เงานั่นไม่รู้ว่าเฉินเกอมีไพ่ตายอยู่มากแค่ไหน และถ้าเฉินเกอมีโอกาสเรียกวิญญาณสีเลือดของเขาออกมา อย่างนั้นโอกาสที่เงานั่นจะชนะก็ลดลง ต่อให้เขาชักนำเฉินเกอเข้าสู่กับดักได้ ด้วยการปกป้องจากวิญญาณสีเลือดชั้นสูง มันก็ไม่แน่ใจว่าเฉินเกอจะตายแน่ ๆ ดังนั้น ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เงานั่นอาจจะใช้วิธีการอื่นฆ่าเฉินเกอ อย่างละทิ้งความช่วยเหลือจากผีและใช้บางอย่างที่ตรงไปตรงมามากกว่าอย่างปืนของหลี่เจิ้ง

ถ้าเฉินเกอนั้นไม่สงสัยหลี่เจิ้ง เขาย่อมไม่เรียกวิญญาณสีเลือดมาปกป้องตัวเองตอนที่หลี่เจิ้งเข้ามาใกล้ เงานั่นแค่ต้องปิดบังความคิดชั่วร้ายของตัวเองเอาไว้เพื่อป้องกันการตรวจจับจากวิญญาณสีเลือด จากนั้น เขาก็แค่ต้องดึงปืนออกมาแล้วกดไกเบา ๆ และเฉินเกอก็จะตาย เทียบกับการสร้างกับดักที่อาจจะไม่มีประโยชน์แล้ว นี่เป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดและมีประสิทธิภาพที่สุด

เงานั่นรู้ว่ายิ่งเฉินเกอขึ้นมาสูงเท่าไร่ พลังของวิญญาณสีเลือดก็จะถูกกดเอาไว้มากเท่านั้น สารสีดำนี่น่าจะมาจากตัวตนที่ทรงพลังยิ่งกว่าวิญญาณสีเลือด และมันก็มีอิทธิพลต่อวิญญาณสีเลือดเป็นอย่างยิ่ง ด้วยข้อได้เปรียบนี้ โอกาสที่เงานั่นจะชนะก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

อันที่จริง ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่เขาคาดเอาไว้ แต่ผลลัพธ์สุดท้ายกลับเป็นอะไรที่ทำให้เขาประหลาดใจ ก่อนที่เขาจะทันได้ดึงปืนของหลี่เจิ้งออกมา เฉินเกอก็มองเห็นตัวตนที่แท้จริงของเขาก่อนแล้ว ในทางเดินมืดมิด หมอกสีเลือดลอยกระเพื่อม เสียงเด็กร้องไห้ก้องอยู่ใกล้ ๆ

เงานั่นยืนห่างจากเฉินเกอไปหลายเมตร รูปร่างของมันค่อย ๆ เปลี่ยนไปช้า ๆ และความสูงของมันก็ถูกเพิ่มขึ้นจนกระทั่งเปลี่ยนไปเป็นคนที่ดูคล้ายเฉินเกอ

“แกดูไม่เหมือนว่าไม่พร้อมจะเจอหน้าฉันนะ” เฉินเกอมองเงานั่น และความรู้สึกประหลาดก็ท่วมเข้ามา มันเหมือนเขากำลังพูดอยู่กับกระจกเงาในตอนกลางดึก

“แกผิดแล้ว ตั้งแต่วินาทีที่แกทอดทิ้งฉัน ฉันก็รู้ว่าวันนี้จะมาถึง แต่ฉันยอมรับ มันค่อนข้างต่างจากที่ฉันวางแผนเอาไว้” เสียงของเงานั่นเปลี่ยนไปช้า ๆ และเสียงของมันก็ฟังคล้ายกับเฉินเกอขึ้นเรื่อย ๆ “ฉันคิดว่าครั้งถัดไปที่เราพบกัน ฉันจะเป็นมนุษย์ และแกจะเป็นเงา”

“แกอยากให้ฉันเป็นเงาของแกขนาดนั้นเลยเหรอ?” เฉินเกอยืนอยู่ที่เดิม เงานั่นสามารถรับมือกับจางหยาได้ ดังนั้นพลังของมันย่อมเท่า ๆ กับวิญญาณสีเลือดชั้นสูง ถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะบาดเจ็บหนักจากคุณหมอเกา มันก็ไม่ได้หมายความว่าเฉินเกอจะสามารถประมาทได้

“คนที่ไม่มีเงาไม่ใช่คนของโลกนี้ ฉันหวังว่าแกจะมาเป็นเงาของฉันแล้วฉันก็จะสามารถให้แกได้ประสบกับความตายทั้งหมดที่ฉันเจอมาก่อน” เสียงนั้นเปลี่ยนไปจนเหมือนกับเสียงของเฉินเกอโดยสมบูรณ์

“แกเกลียดฉันมากขนาดนั้น แต่ฉันเคยทำอะไรให้แกกัน?” เฉินเกอไม่คิดว่าเขาจะความจำเสื่อม และในความทรงจำของเขา เขาไม่ได้ทำอะไรที่เหนือธรรมชาติเลยตอนเด็ก ๆ

“ดูเหมือนว่าแกจะลืมทุกอย่างไปจริง ๆ แต่ว่ามันก็ไม่สำคัญแล้ว ฉันช่วยให้แกจำทุกอย่างได้ ในประตู นอกประตู แกกับฉัน แกที่ในประตู และในที่สุด ฉันที่นอกประตู” ด้วยถ้อยคำเหล่านี้ ร่างของเงานั่นสูงขึ้น มันยืนอยู่บนบันไดขั้นต่ำกว่า แต่มันกลายเป็นสูงกว่าเฉินเกอ “แกไม่ได้ทำอะไรกับฉัน แกใช้ชีวิตภายใต้แสงอาทิตย์ ล้อมรอบด้วยความอบอุ่น เสียงหัวเราะ และความหวัง แกมีความสุขกับทุกอย่างดี ๆ ในชีวิต แต่ว่า คำสาป เสียงหัวเราะเยาะ และความแค้นลึกซึ้งที่คนอื่นมุ่งไปที่แกล้วนถูกถ่ายเทมาที่ฉัน!”

“อารมณ์ด้านลบทั้งหมดของฉันอยู่กับแก?” คิ้วของเฉินเกอเลิกขึ้น

“ความรู้สึกด้านลบไม่เพียงพอที่จะอธิบายความสิ้นหวังอย่างที่สุดที่ฉันค่อย ๆ จมลงไปหรอก ฉันเห็นตัวเองจมลงไปช้า ๆ แต่ว่าฉันก็ส่งเสียงอะไรไม่ได้ คอของฉันถูกรัดเอาไว้ และร่างกายของฉันก็ถูกตัดเป็นชิ้น ๆ ฉันอ้าปากไม่ได้ ฉันหายใจไม่ได้ ฉันตายไม่ได้ถึงแม้ว่าจะอยากตายแค่ไหนก็ตาม!” เสียงของเงานั่นดังขึ้นเรื่อย ๆ “เดิมที ฉันไม่ได้ต้องการทำร้ายใคร ต่อให้ฉันต้องอยู่กับคำสาปไร้ที่สิ้นสุด ต่อให้ฉันต้องลอยอยู่ในทะเลแห่งความสิ้นหวัง ต่อให้ฉันต้องประสบกับความเจ็บปวดที่แกคิดภาพไม่ถึง ฉันก็ไม่เคยคิดจะทำร้ายใครอื่น”

ร่างกายของเงานั่นขยายใหญ่และบิดเบี้ยว รูปวาดที่บนกำแพงราวกับจะมีชีวิตขึ้นมาเช่นกัน เงาดำในรูปวาดตายซ้ำแล้วซ้ำอีก

“จากนั้น วันหนึ่ง ฉันที่สิ้นหวังอย่างที่สุดก็เห็นประตูที่บ้านของแก!”

ถ้อยคำของเงานั่นทำให้เฉินเกอตื่นตัวขึ้นทันที เขารู้ว่ามีประตูอยู่ในห้องน้ำบ้านผีสิง แต่เขาไม่รู้ว่าใครเป็นคนเปิดประตู “แกคือคนที่ผลักเปิดมัน?”

“ตอนที่คำสาปลากฉันลงไปนรกที่ลึกที่สุด ประตูก็อยู่ตรงนั้นแล้ว แต่ความสิ้นหวังของฉันไม่ได้แข็งแกร่งพอที่จะเปิดประตู มันแค่เพียงพอให้ฉันได้ยินเสียงจากด้านหลังประตูเท่านั้น” สภาพชวนหายใจไม่ออกที่แผ่ออกมาจากเงานั่นขยายกว้างขึ้น “มีบางคนเรียกชื่อแกจากด้านหลังประตู แกน่าจะไม่ได้ยินมัน แต่ว่าฉันตอบรับแทนแกแล้ว”

น้ำเสียงเจ้าเล่ห์และไหลลื่นของเงานั่นทำให้ขนที่หลังคอเฉินเกอลุกชัน “และตั้งแต่วินาทีนั้นที่ฉันตระหนักได้ว่า ทำไมฉันถึงเป็นแกไม่ได้? ทำไมฉันถึงต้องทนทุกข์อยู่ในความมืดมิดขณะที่แกอาบอยู่ในแสงอาทิตย์? ฉันเป็นเงาของแก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฉันจะต้องทนรับความเจ็บปวดที่ควรจะเป็นของแก!”

ตอนที่เขาพูดคำสุดท้าย แขนข้างหนึ่งก็เอื้อมออกมาจากจุดที่ควรเป็นหัวใจของมันและพุ่งเข้าใส่เฉินเกอ มันกะทันหันเหมือนทุกอย่างที่มันพูดก่อนหน้านั้นเป็นแค่การดึงดูดความสนใจเตรียมพร้อมให้กับการลอบโจมตีนี้ เงานั่นได้รับบาดเจ็บในการต่อสู้กับคุณหมอเกา รูปร่างของมันจางลง แต่แขนข้างนี้ที่ยื่นออกมาจากหน้าอกของมันนั้นดูเหมือนจริงอย่างที่มันควรเป็น มันปรากฏขึ้นเหมือนรอยนิ้วมือที่สร้างจากหลอดเลือดใต้นิ้วแต่ละนิ้ว

ผู้หญิงจากอุโมงค์ขยับไปขวางหน้าเฉินเกอตอนที่เงานั่นลงมือ แต่เธอประมาทพลังของเงานั่นเกินไป แขนข้างนั้นทะลุผ่านร่างของเธอไปตรง ๆ มันเปื้อนเลือดของเธอและคว้าตัวเฉินเกอไว้ได้!

“ตอนนี้แหละ!” หนังสือการ์ตูนในกระเป๋าของเขาส่งเสียงเบา ๆ และหน้าหนังสือการ์ตูนก็พลิกเปิดด้วยตัวมันเองทันที แล้วในตอนนี้เอง แขนสีดำก็ชะงักไปวินาทีหนึ่ง!

ผู้หญิงที่ร่างถูกแทงผ่านกรีดร้องโหยหวน เธอตายจากอุบัติเหตุรถยนต์ และร่างของเธอก็ยังเสียหายไปแล้วในตอนที่เธอตาย เธอใช้แขนทั้งสองข้างคว้าแขนข้างนั้นที่แทงผ่านร่างของเธอเอาไว้ เธอไม่สนใจแขนนั่นและปล่อยให้มันห้อยอยู่ในร่างของเธอ เธอแนบตัวเองเข้ากับร่างของเงาและเริ่มโจมตีเงานั่นอย่างบ้าคลั่ง

ผู้หญิงจากอุโมงค์นั้นแตกต่างจากวิญญาณสีเลือดอื่น ๆ ภายใต้ชุดของเธอนั้นเป็นร่างกายที่เสียหาย เลือดเนื้อแตกสลาย และกระดูกป่นละเอียด นอกจากนี้ ความสามารถพิเศษของเธอยังดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับกระดูกที่หัก เศษกระดูกสีแดงเลือดแทงเข้าไปในร่างของเงา ร่างกายของผู้หญิงเริ่มเปลี่ยนไป และมันก็เหมือนเธอพยายามใช้ร่างกายของเธอกลืนกินเงานั่น

“เมื่อครู่นี้ การโจมตีของฉันชะงักลงครู่หนึ่ง ผีชนิดไหนกันที่มอบพลังเช่นนี้ให้แก?” เงานั่นหันไปมองเฉินเกอ “แกพาวิญญาณมาด้วยมากแค่ไหน?”

“ทำไมแกไม่ลองเดาดูล่ะ?” เฉินเกอต้องการรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับประตูที่ในบ้านผีสิง ดังนั้นจึงไม่ได้รีบร้อนลงมือกับเงานั่น เอี๋ยนต้าเหนียนและผู้หญิงในอุโมงค์ซื้อเวลาอันมีค่าให้เฉินเกอ เขาถอยหลังออกมา เรียกชื่อจางหยาในใจ

“ถึงจะเผชิญกับความตายอันแน่นอน แกก็ยังยิ้มออก ทุกอย่างที่แกเป็นอยู่ได้นี้ล้วนเป็นเพราะฉัน” เสียงของเงานั่นเย็นชายิ่งกว่าเดิม ร่างกายของมันเริ่มบิดเบี้ยวช้า ๆ ภายใต้การโจมตีอย่างไร้ปรานีของหญิงจากอุโมงค์ แต่มันกลับดูไม่สนใจเลยสักนิด ทั้งหมดที่มันแสดงออกมาก็คือความเกลียดชังที่พุ่งไปที่เฉินเกอ “ที่นี่ถูกทำลายไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องเก็บมันไว้แล้ว เด็ก ๆ ที่ถูกส่งไปให้ผีทารกน่าจะเพียงพอช่วยให้เขาถือกำเนิดได้สำเร็จ”

รูปวาดสีดำบนประตูเริ่มเปลี่ยน เงาร่างสีดำเล็ก ๆ ที่ทนทุกข์กับความตายไร้ที่สิ้นสุดในรูปเริ่มคลานออกมา และพวกมันก็หลอมรวมเข้าไปในร่างของเงา เด็กทั้งหมดที่ในตึกนี้ปล่อยเสียงหัวเราะประหลาด พวกมันไม่สามารถมองให้เป็นเด็กไร้เดียงสาได้เลย– พวกมันไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากหุ่นเชิดของเงา

“เด็ก ๆ ที่ในตึกนี้ล้วนเป็นเครื่องบูชายัญแก่ผีทารก? นี่แกฝังคนเอาไว้ในจิ่วเจียงตะวันออกมากแค่ไหนกันแน่?” ประตูที่ด้านหลังเฉินเกอนั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก รูปร่างมนุษย์สีดำที่ดูเหมือนเขาค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นจางลงอย่างช้า ๆ จนไม่ใช่สีดำ พวกมันที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและอาฆาตแค้น คลานออกจากประตูทีละตน แต่ละตนนั้นมีสองหน้า หน้าหนึ่งเป็นหน้าที่แท้จริง อีกหน้าหนึ่งนั้นดูคล้ายเฉินเกอกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์

นี่เป็นภาพที่น่ากลัวมากจริง ๆ แต่ว่าเงาดูเหมือนจะมีความสุขกับกระบวนการนี้มาก “ความอาฆาตแค้นของผีทารกนั้นลึกซึ้งเกินไป และไม่มีทางที่เขาจะถือกำเนิดขึ้นมาได้ด้วยวิธีธรรมดา ดังนั้น ฉันก็เลยต้องใช้เด็กเหล่านี้แบ่งปันความอาฆาตแค้นบางส่วนของเขามา ตอนนี้ แกรู้ความจริงแล้วนี่ ใช่ไหม? เด็กมากมายขนาดนี้ และยังไม่พอที่จะแบ่งปันเศษเสี้ยวความอาฆาตแค้นของผีทารกเลย แกคิดภาพออกไหมว่าความเจ็บปวดที่ฉันได้รับเพราะแกมันจะมากขนาดไหน!”

รอยยิ้มไร้เดียงสาจางหายไปจากใบหน้าของเด็ก ๆ สีหน้าของพวกมันนั้นทะมึนและประหลาด– มีความเกลียดชังต่อชีวิตที่มองเห็นได้ กระทั่งสำหรับเฉินเกอก็ยังรู้สึกหวาดกลัว ถ้าไม่มีใครทำอะไร เด็กคนใดในนี้ก็สามารถกลายมาเป็นผีทารกตนใหม่ได้ และนั่นก็เป็นผลลัพธ์ที่เงาปรารถนาให้เป็นที่สุด

ขณะที่เงาร่างเล็ก ๆ สีดำเข้าสู่ร่างกายของมัน ร่างกายของเงาก็เริ่มชัดเจนขึ้นอีกครั้ง คำสาปสีดำไหลผ่านผิวกายของมันไป ดันเอาเศษกระดูกที่ผู้หญิงจากอุโมงค์ส่งเข้าไปในร่างของมันก่อนหน้านี้ออกมา วิญญาณสีเลือดทั่วไปย่อมไม่ยินดีเข้าใกล้คำสาป ตอนที่เงาร่างเล็ก ๆ สีดำปรากฏตัวขึ้น ผู้หญิงจากอุโมงค์ก็บิดร่างและรีบหนีออกมาจากข้าง ๆ เงานั่น

“เหตุผลที่ฉันยังไม่จัดการกับแกก็เพราะว่าฉันรอเวลาจนกว่าจะถึงวันที่ฉันสามารถทำให้แกมาเป็นเงาของฉันได้  แต่ว่าแกกลับมาปรากฏตัวรบกวนแผนการของฉันเสียเอง”

ใบหน้าเด็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนร่างของเงา เด็ก ๆ ทั้งหมดนั้นสูญเสียสิ่งที่ทำให้พวกเขาเป็นมนุษย์ไป และพวกเขาก็มีรอยยิ้มประหลาด “คนที่ไม่มีเงานั้นไม่สมบูรณ์ และฉันก็จะทำให้แกมาเป็นเงาของฉัน!”

ตอนที่เงานั่นเตรียมโจมตีครั้งแรก เสียงกระแทกดังลั่นก็ดังมาจากที่ข้างนอกตึก มองออกจากหน้าต่างไป โซ่กลุ่มหนึ่งสะบัดเข้าใส่ด้านนอกตึกอย่างบ้าคลั่ง

“เป็นแกที่ชักนำไอ้คนเสียสติน่ารังเกียจนั่นมาที่นี่ใช่ไหม?” เงาดูเหมือนจะไร้พลังต่อกรกับคุณหมอเกาอยู่บ้าง “ฉันเพิ่งหาวิธีการจัดการกับวิญญาณสีเลือดที่แกมีได้ แต่ฉันก็ต้องประหลาดใจที่แกดันไปหาวิญญาณสีเลือดเก่งกาจตนที่สองมาได้ แต่ว่า ต่อให้มีพวกเขาคอยช่วย แกก็เปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ไม่ได้หรอก นอกเสียจากแกจะมีวิญญาณสีเลือดชั้นสูงตนที่สาม”

เฉินเกอได้ยินความขัดแย้งในถ้อยคำของเงา เขาพยายามเรียกจางหยา แต่ก็ต้องหมดหวัง ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ จางหยากลับไม่ตอบสนองต่อเขาเลยสักนิด

“ฉันรู้ว่าวิญญาณสีเลือดนั่นอาศัยอยู่ในเงาของแก แต่แกอย่าลืมว่า ฉันต่างหากที่เป็นเงาที่แท้จริงของแก!” หมอกเลือดแยกออก และทั้งตึกก็สะท้อนเสียงหัวเราะบ้าคลั่งของเงา

ด้วยแสงอ่อนจางจากพระจันทร์สีเลือด เฉินเกอเห็นเท้าของเงาเชื่อมอยู่กับของเขาเอง ขณะที่เงาร่างสีดำเล็ก ๆ ผสานเข้ากับเงา การเชื่อมโยงระหว่างเงาและเฉินเกอก็เพิ่มมากขึ้น

“ตอนที่แกยังเด็ก พ่อกับแม่ของแกคงจะเตือนให้แกอยู่ให้ห่างจากจิ่วเจียงตะวันออกใช่ไหม?” เสียงของเงานั่นเต็มไปด้วยความร้ายกาจและความตื่นเต้น “พวกมันห่วงว่าฉันจะกลับสู่ร่างของแก! แผนการของฉันน่ะสมบูรณ์แบบ ดังนั้นแล้วฉันจะแพ้ได้ยังไง? ผีทารกกำลังจะถือกำเนิด และฉัน วิญญาณสัมภเวสี ก็จะกลับไปเป็นเงาของแก! ฉันจะค่อย ๆ กลืนกินจิตใจและร่างกายของแก! ฉันจะทำให้แกได้สัมผัสกับความสิ้นหวังทั้งปวง การตายทั้งหมด ความเจ็บปวดทั้งหมดที่ควรจะเป็นของแก! ฉันจะเป็นปิศาจที่แกสลัดไม่หลุด! ฉันจะเป็นส่วนหนึ่งของแกที่แกไม่มีทางหนีพ้น! ฉันก็คือแก!”

ทั้งตึกดูเหมือนจะได้ยินเสียงของเงานั่นชัดเจน มันรอคอยวันนี้มานานมากแล้ว “ฉันจะมอบความทรงจำของฉันให้แก เปลี่ยนแกมาเป็นฉัน และจากนั้นแกก็จะถูกป้อนให้ผีทารก ไปเป็นเงาของเขา! ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ! ถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรคบ้าง แต่ผลลัพธ์ก็ถูกตัดสินเอาไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว!”

เฉินเกอเรียกชื่อจางหยาอย่างบ้าคลั่ง แต่เหมือนมีบางอย่างขัดขวางการสื่อสารระหว่างพวกเขา และจางหยาก็ไม่ได้ยินเสียงเขา

“ไร้ประโยชน์! ฉันเป็นเงาของแก วิธีเดียวที่เธอจะหนีออกจากเงาของแกได้ก็คือเธอมาแทนที่ฉันและเปลี่ยนไปเป็นเงาใหม่ของแก” เงานั่นหัวเราะบ้าคลั่ง ก็เป้าหมายที่มันวางแผนเอาไว้มานานปีกำลังจะออกผลให้เชยชม แล้วจะไม่ให้มันดีใจจนคลั่งได้ยังไง?

มือดำราวหมึกรวบคอเฉินเกอเอาไว้ และเงานั่นก็มองเข้าไปในดวงตาของเขา “ฉันเคยใช้รูปร่างของคนตั้งมาก แต่วันนี้ ในที่สุดฉันก็สามารถกลับไปเป็นตัวเองได้!”

ใบหน้าของเขาแดงก่ำจากการขาดออกซิเจน เฉินเกอถูกยกลอยขึ้นจากพื้น และเขาก็ไม่สามารถทำเสียงอะไรได้ ในวินาทีสุดท้าย ผู้ชายคนหนึ่งที่หัวใจถูกย้อมเป็นสีแดงก็ปรากฏตัวขึ้นที่ข้างกายเฉินเกอ เขากอดแขนของเงานั่นเอาไว้แล้วพยายามดึงกลับ แต่ก็ทำได้แค่หยุดเงานั่นจากการยกแขน เจ้าแมวขาวกระโจนขึ้นกลางอากาศกัดลงที่ใบหน้าของเงานั่น แต่มันก็ทะลุผ่านร่างของเงาแล้วตกกระแทกพื้นอย่างแรง แม้จะไม่สามารถเรียกพวกเขาออกมาได้ และส่งเสียงอะไรไม่ได้ เงาร่างมากมายก็หลุดออกมาจากกระเป๋าสะพายหลังของเฉินเกอ แขนของเงานั้นถูกแขนมากมายถ่วงเอาไว้ แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนเปลงผลลัพธ์ได้

ปัง! ปัง! ปัง!

เสียงโซ่ฟาดกับตึกชัดเจนมากขึ้นเหมือนบางอย่างล่อโซ่พวกนั้นขึ้นบันไดมา จากนั้น หน้าต่างที่ชั้นบนก็ถูกผลักเปิด และเงาร่างสีแดงร่างหนึ่งก็พุ่งเข้าไปที่เงานั่น!

ปลายนิ้วแตกยับทะลวงเข้าไปในร่างของเงา วิญญาณสีเลือดตนหนึ่งคว้าแขนของเงาเอาไว้ และความเศร้าโศกที่มักปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขาก็หายวับไป มันแทนที่ด้วยความกระวนกระวายและความโกรธแค้นลึก ๆ

“แกยังมีวิญญาณสีเลือดตนอื่นอีก?” เงานั่นขู่ฟ่ออย่างอาฆาตแค้น ไม่รู้ทำไม ความเกลียดชังของมันต่อเฉินเกอเพิ่มมากขึ้น มันปรารถนาจะทำลายผู้ชายคนนี้และทุกอย่างที่ผู้ชายคนนี้ห่วงใย!

คำสาปสีดำเริ่มไต่เข้าไปในร่างของวิญญาณสีเลือด หลอดเลือดสีดำเริ่มปรากฏขึ้นบนเสื้อที่มีเลือดซึมของเขา คำสาปไชเข้าไปในร่างของเขาเหมือนหนอน และพวกมันก็กัดหน้าและหัวใจของเขาอย่างบ้าคลั่ง

“เจ็บปวดเหลือเกิน!”

เขากัดฟัน เลือดที่ซึมออกมาเป็นสีดำ แต่เขากลับไม่มีทีท่าจะยอมแพ้

“น่ารังเกียจ! พวกแกทำให้ฉันคลื่นไส้!”เงานั่นตะโกนเสียงดัง คำสาปมากมายพรั่งพรูเข้ามาในห้อง พุ่งเข้าไปในร่างของวิญญาณสีเลือด เส้นเลือดฝอยแตกออก และร่างกายก็เริ่มล้มเหลวขณะที่คำสาปมากมายทำลายร่างกายของวิญญาณสีเลือด

“เจ็บเหลือเกิน! เจ็บปวดเหลือเกิน!” ใบหน้าของซู่อินบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ร่างกายของเขาแทบจะแตกสลาย แต่ว่าพื้นที่ว่างเปล่าใกล้หัวใจของเขากลับค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง!

ทั้งที่ไม่มีเหตุผลที่เห็นได้ชัด แต่ภายใต้การบีบเค้นจากคำสาปมหาศาลของเงานั่น ซู่อินก็ยังไม่ถอย

ปัง!

โซ่พุ่งผ่านหน้าต่างที่เปิดไว้เข้ามาและพวกมันก็พุ่งไปยังซู่อินราวกับฉลามสัมผัสได้ถึงกลิ่นเลือด!

คุณหมอเกามาถึงแล้วและเป้าหมายของเขาก็คือใบปลิวที่ซู่อินถือเอาไว้ โซ่ที่หนาหนักไปด้วยกลิ่นเลือดตวัดใส่ซู่อินที่ถูกคำสาปคลุมร่างอยู่ แต่ก็เหมือนก่อนหน้า ซู่อินไม่มีทีท่าจะหนี ถ้าเขาถูกโซ่นี้ตวัดใส่ เงาที่ข้างตัวเขาย่อมต้องได้รับบาดเจ็บไปด้วย

“ไอ้พวกบ้า!” เพื่อไม่ให้ถูกหมอเกาทำร้าย เงานั่นไม่มีทางเลือดนอกจากยอมรามือชั่วคราว เฉินเกอล้มลงพื้นและไป๋ชิวหลินก็ขยับเข้ามาประคองร่างเขาเอาไว้ทันทีและคว้ากระเป๋าเอาไว้ เขาดึงประตูเปิดแล้ววิ่งออกไปยังดาดฟ้า

“แกหนีไม่พ้นหรอก! ฉันวางแผนเอาไว้นานขนาดนี้! ไมมีทางหนีให้แกหรอก!”

เงานั่นรีบไล่ตามมา พนักงานจากบ้านผีสิงถูกสลัดทิ้งและมีแค่ซู่อินที่ยังทรงตัวอยู่ได้แต่เงาก็ไม่สามารถหยุดเงานั่นได้ด้วยตัวคนเดียว

“จางหยา เธอได้ยินเสียงฉันไหม?” เงาอยู่ใต้เท้าของเฉินเกอ และมันก็ปิดกั้นเสียงของเฉินเกอเอาไว้

“มันไร้ประโยชน์ ที่การประปาฉันก็สังเกตเห็นแล้ว! นี่เป็นช่องโหว่ถึงตายของแก!” เงานั่นคว้าหัวของซู่อินไว้แล้วกระแทกเขาเข้ากับพื้นอย่างแรง มันลากร่างยับเยินของซู่อินเดินไปหาเฉินเกอ

“ช่องโหว่ถึงตาย แกว่างั้นเหรอ?” เฉินเกอหยุดครู่หนึ่งเหมือนกำลังใคร่ครวญบางอย่างในใจ เขาเอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋าสะพายหลังช้า ๆ “อันที่จริง ฉันแค่สงสัยว่าฉันจะเผชิญหน้ากับเธอยังไง ฉันไม่รู้ว่าเธอครอบครองพื้นที่แบบไหนในใจฉัน แต่ฉันคิดว่าฉันเข้าใจแล้วตอนนี้”

เฉินเกอหยิบจดหมายรักอันล้ำค่าออกจากกระเป๋าสะพายหลังและจากนั้นก็ไฟแช็ก เขาจุดไฟเผาจดหมาย “ฉันไม่ต้องการใช้สิ่งนี้เป็นข้ออ้างอีกต่อไปแล้ว”

ไฟติดง่ายดาย และเงาของเฉินเกอก็เดือดพล่าน ราวกับว่าคลื่นยักษ์สีดำกำลังจะมา!

“แกกำลังทำอะไร?” เงาหน้าถมึงทึง ร่างกายของมันเริ่มจางลง “แกอยากให้วิญญาณสีเลือดนั่นมาเป็นเงาของแกจริง ๆ หรือไง?”

เฉินเกอลุกขึ้น ปล่อยขี้เถ้าจากจดหมายรักปลิวไปกับสายลม “จางหยา อยู่กับฉันไปตลอดกาลเถอะนะ ฉันไม่เชื่อว่าจะมีอะไรบนโลกนี้โรแมนติกยิ่งไปกว่าเป็นเงาของกันและกันไปตลอดชีวิต!”

ปัง!

แขนซีดขาวแทงผ่านเงาของเฉินเกอและที่ตามมาจากนั้นก็คือทะเลสีดำลึกล้ำทะลักทลาย!

หน้าต่าง ตั้งแต่ชั้นบนสุดของตึกแตกร้าวลงมาทีละชั้น!

ภายใต้แสงจากพระจันทร์สีเลือด เด็กสาวคนหนึ่งเอนตัวแนบหลังเฉินเกออย่างนุ่มนวล

“จางหยา!”