ในขณะที่ฝ่ามือของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนกำลังจะกระทบใบหน้าเป่ยเฉินอี้
เป่ยเฉินอี้พลันเอ่ยปากว่า “เจ้าไม่อยากรู้ความจริงก่อนฆ่าข้าหรือไง หากนางเป็นคนที่ข้าส่งมาจริงแล้วล่ะก็ ข้าก็มีบุญคุณกับนาง เจ้าสังหารข้า ไม่กลัวนางแค้นเจ้าหรือ”
เมื่อเขาเอ่ยเช่นนี้
ฝ่ามือเป่ยเฉินเสียเยี่ยนหยุดชะงักก่อนจะกระทบหน้าเป่ยเฉินอี้
ส่วนสายตาที่เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองเป่ยเฉินอี้แฝงด้วยไอสังหารรุนแรง เขาพยายามสูดลมหายใจลึก รั้งมือตนเองกลับมา จ้องมองใบหน้าสมบูรณ์แบบตรงหน้า ค่อยๆ เอ่ยว่า “เสด็จอาที่รักของเยี่ยน ไม่อาจไม่บอกว่าเยี่ยนมีชีวิตอยู่มาหลายปี เป็นครั้งแรกที่ต้องการสังหารคน ท่านยั่วโทสะของข้าแล้วจริงๆ”
เมื่อคำพูดนี้เอ่ยออกมา บรรยากาศโดยรอบก็กดดันขึ้น
น้ำเสียงทุ้มต่ำของเป่ยเฉินอี้เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “อืม…เป่ยเฉินเสียเยี่ยนผู้มีความเชื่อใดๆ ทั้งนั้น เจ้าไม่ใส่ใจหลักคุณธรรมใดๆ ไร้เจ็ดอารมณ์หกปรารถนา ไม่รู้จักความรักหรือแม้กระทั่งความแค้น ในสายตาเจ้าการสังหารคนก็แค่ความสนุก การทรมานใจคนเป็นความสนใจ ไฉนวันนี้เพราะว่าสตรีผู้นี้มองข้า เจ้าก็คิดสังหารข้าแล้วหรือ”
เมื่อเอ่ยเช่นนี้ สีหน้าของเป่ยเฉินอี้ก็เกิดความสนุกสนาน “อย่างนั้นที่เจ้ารั้งมือกลับก็เพราะ ถึงรู้ว่านางไม่น่าใช่คนที่ข้าส่งมา ทว่าก็ยังกังวลว่าหากเป็นจริงเล่า กังวลว่าข้ามีบุญคุณกับนาง เป่ยเฉินเสียเยี่ยน ในฐานะเสด็จอาของเจ้า ข้าขอบอกเจ้าตามตรง จุดอ่อนของเจ้าชัดเจนเกินไปแล้ว จะถูกคนจูงจมูกเดินเอาได้”
สิ้นเสียงเขา
จิตสังหารในดวงตาเป่ยเฉินเสียเยี่ยนยังไม่หายไป เขาจ้องมองบุรุษตรงหน้า ค่อยๆ กล่าว “ไม่ต้องเตือนหรอก ขอเพียงนางปลอดภัย เยี่ยนก็ไม่กลัวถูกคนจูงจมูก ขอให้เสด็จอาจำคำที่เยี่ยนเอ่ยไว้ การยั่วโทสะเยี่ยน เป็นการกระทำที่โง่เขลา ส่วนการกระทำในยามนี้ของท่าน ก็เรียกได้ว่าโง่เขลาเต็มที ไม่เหมาะสมกับฐานะปราชญ์อันดับหนึ่งของเสด็จอาเอาเสียเลย”
เมื่อเขาเอ่ยออกไป เป่ยเฉินอี้ก็สงบลง
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเอ่ยไม่ผิด
เป้าหมายของเขาไม่ใช่เป่ยเฉินเสียเยี่ยน ทั้งไม่ใช่เยี่ยเม่ยผู้นั้น เขาไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องเป็นศัตรูกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ยิ่งไม่ต้องยั่วโทสะของเขา ทำให้สถานการณ์ยิ่งยากเกินจะจัดการได้
ทว่ายามที่เห็นเยี่ยเม่ย ยามที่มองใบหน้านั้น เขาก็สับสนแล้ว หมากทั้งกระดานยุ่งเหยิงไปหมด
สิ้นเสียง เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็ไม่พูดมากอีก เดินจากไป
หลังจากก้าวออกไปได้สามก้าว
เป่ยเฉินอี้พลันมองแผ่นหลังของเขา กล่าวว่า “หากเยี่ยเม่ยเป็นคนที่ข้าส่งไปล่อลวงเจ้าจริงๆ เจ้าจะทำอย่างไร”
ฝีเท้าของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนชะงักไป แววตาเย็นเยือกกวาดมองเป่ยเฉินอี้ ครู่หนึ่งค่อยตอบกลับมา “เช่นนั้นเยี่ยนก็ได้แต่เลื่อมใสที่เสด็จอาวางหมากสำเร็จ เยี่ยนหลงใหลนางจริงๆ ยินยอมทำทุกอย่างเพื่อนาง”
เป่ยเฉินอี้ฟังแล้ว ก็ถามขึ้นอีกประโยค น้ำเสียงบีบคั้นคน “ต่อให้นางต้องการให้เจ้าสยบอยู่ฝ่ายข้า ช่วยทำงานให้ข้าอย่างนั้นหรือ”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนตอบตามตรง “ไม่ผิด ขอเพียงนางยินยอมแต่งงานกับข้าดังเดิม ไม่ว่านางให้เยี่ยนทำอะไรเพื่อใคร เยี่ยนก็ไม่สนใจ นี่คือคำตอบ เสด็จอาพอใจหรือไม่ แต่ว่าเสด็จอามีความสามารถจะเป็นเจ้านายของนางได้อย่างนั้นหรือ”
เยี่ยเม่ยเป็นคนอย่างไร หลายวันที่ผ่านมาเขาเข้าใจชัดแจ้ง
นางเด็ดเดี่ยว มีความเห็นของตัวเอง ถึงขั้นหลงตัวเอง นางจะยอมรับเจ้านายคนหนึ่งได้อย่างไรกัน
แต่เมื่อครู่ยามที่นางมองเห็นเป่ยเฉินอี้นั้น เสี้ยวนาทีที่ขาดสติ จึงทำให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่กล้าลงมือสังหารเป่ยเฉินอี้ หาก..มีบุญคุณจริงๆ เล่า
เมื่อเอ่ยจบแล้ว เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก้าวเท้ากว้างเดินจากไป
รอจนเงาหลังของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนหายลับไป
เป่ยเฉินอี้ที่เดิมดูสงบนิ่งนั้น สองเท้าซวนเซเล็กน้อย ชิงเกอรีบเข้าไปประคอง “ท่านอ๋อง”
เขาย่อมรู้ว่ายามที่ท่านอ๋องพบแม่นางเยี่ยเม่ย เป็นสาเหตุของการกระทำไม่สมเหตุสมผลทั้งหลาย อย่างยั่วยุโทสะของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน จากนั้น…ยามนี้คนไม่น้อยก็มีสายตามากมายจับจ้อง ท่านอ๋องไม่อาจแสดงท่าทางผิดปกติอีก
เหตุผลที่ชิงเกอรู้ เป่ยเฉินอี้ก็ย่อมรู้
เขาตีหน้าขรึมลง กระแอมไอสองสามที เสียงต่ำลงเอ่ยว่า “ไม่เป็นไร ร่างกายข้ารับไม่ไหวเท่านั้น”
เหล่าทหารด้านข้างมองด้วยความกังวล พวกเขาต่างก็รู้ว่าสุขภาพของอี้อ๋องไม่ดีนัก ยามนี้เห็นเหตุการณ์ก็เป็นห่วง ได้ยินท่านอ๋องตอบว่าไม่เป็นอะไร คนทั้งหมดค่อยวางใจ
อี้อ๋องที่ถูกชิงเกอประคอง สีหน้าสับสนกลับห้องตัวเอง
หลังจากถึงห้อง เขานั่งลงดื่มชา ทว่ามือที่ถือถ้วยชาสั่นเทิ้มไม่หยุด แม้แต่กระทั่งถ้วยชายังถือไม่มั่น
นี่เป็นครั้งแรกในตลอดหลายปีที่ชิงเกอเห็นอี้อ๋องสูญเสียกิริยาเช่นนี้
สุดท้าย
“ตุบ” เสียงอี้อ๋องวางถ้วยชาลงหนักๆ หลับตาลงอีกครั้ง สะกดข่มอารมณ์ต่างๆ เอาไว้
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง กลับมามีสีหน้ารวมถึงท่าทางเฉกเช่นปราชญ์อันดับหนึ่งในใต้หล้าผู้กอบกุมบ้านเมืองเอาไว้ในมือ เขากลอกตามองชิงเกอ “ชิงเกอ เจ้าว่า ใช่นางหรือไม่”
“ความจริงในใจท่านอ๋องก็ตัดสินใจได้แล้วมิใช่หรือ” ชิงเกอไม่กล้าตอบ จึงเอ่ยเช่นนี้
อย่างไรแล้วใครต่างก็รู้ว่าจงเจิ้งซีตายไปแล้ว
ท่านอ๋องเป็นคนตรวจศพด้วยตนเอง แม่นางผู้นั้นเหมือนจงเจิ้งซีไม่มีผิดเพี้ยนเลยสักน้อย อาจเป็นเพียง…ความบังเอิญกระมัง
เป่ยเฉินอี้สงบนิ่งไปชั่วครู่
สายตาคมกริบ เอ่ยด้วยเสียงขรึมว่า “ไม่ว่าเป็นอย่างไร เจ้าไปจัดการ ข้าจะพบนางด้วยตัวเอง”
“ขอรับ”
……
เยี่ยเม่ยกลับถึงห้องนอนของตน
ซือหม่าหรุ่ยและซินเยว่เยี่ยนต่างก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง มองเยี่ยเม่ย ซินเยว่เยี่ยนรีบพุ่งเข้าไปเอ่ยว่า “ของที่พวกเราเตรียมไว้ได้ใช้หรือไม่ ใช้ได้ดีหรือเปล่า”
“อืม” เยี่ยเม่ยพยักหน้า “ขอบใจพวกเจ้ามาก”
หากมิใช่เพราะพวกนางทั้งสองว่างกระโดดเชือกเล่น เยี่ยเม่ยก็คงไม่มีแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ หากอาศัยแค่หลุมที่ให้หลูเซียงฮั่วไปขุดไว้ง่ายๆ ก่อนหน้า จากความสามารถในการรับมือของจิวมั่วเหอ ไม่แน่ว่าวันนี้นางอาจจะเรือคว่ำอยู่ในคูน้ำ[1] เสียเปรียบก็เป็นได้
แม่นางทั้งสองรีบพยักหน้า “ฮ่าฮ่า ไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”
ขณะพูดคุยกัน บนฟ้าพลันปรากฏนกพิราบส่งสารตัวหนึ่งบินมาทางซือหม่าหรุ่ย
หลายวันที่ผ่านมาไม่อาจส่งนกพิราบออกไป แต่กลับปล่อยให้บินเข้ามาได้ ซือหม่าหรุ่ยจับนกไว้ เปิดจดหมายอ่านดู สีหน้ายินดี “ดีเหลือเกิน โอวหยางเทาเจอพี่บุญธรรมแล้ว พี่บุญธรรมข้าปลอดภัย แต่ถูกยาพิษ เพราะบาดแผลฉกรรจ์ทำให้ไม่อาจเคลื่อนไหวได้ดังใจด้วยเหตุนี้ถึงแฝงกายรักษาตัวหลายปี”
“ยินดีกับพวกเจ้าด้วย” เยี่ยเม่ยพยักหน้า เป็นข่าวดีจริงๆ
ซือหม่าหรุ่ยฉุกคิดได้ ใคร่ครวญสักพัก มองเยี่ยเม่ยทีหนึ่ง “ข้ากลับไปตอบจดหมายพวกเขา ขอตัวก่อน”
ซินเยว่เยี่ยนรีบตอบกลับ “ข้าไปด้วย ข้าก็มีคำพูดอยากบอกเซียวเซ่อหยางเช่นกัน”
“อืม” เยี่ยเม่ยพยักหน้า
คนทั้งสองรีบร้อนจากไป
ขณะที่เยี่ยเม่ยกำลังเดินเข้าห้องตัวเอง ในเวลานี้ชิงเกอเข้ามาอย่างรีบร้อน “แม่นางเยี่ยเม่ย”
เยี่ยเม่ยชะงักฝีเท้า หันหน้ามองชิงเกอ “เจ้าคือ”
เมื่อครู่ยามอยู่บนกำแพงเมือง เห็นเขาทีหนึ่ง หรือว่าเป็นคนของเป่ยเฉินอี้กัน
เป็นดังคาด
ชิงเกอเอ่ยปากตอบ “ข้าน้อยเป็นองครักษ์ข้างกายอี้อ๋อง ได้รับคำสั่งให้พาแม่นางไปพบท่าน”
[1] เกิดปัญหาขึ้นในสิ่งที่มีความมั่นใจ