ตอนที่ 60

Kill the Hero

Kill the Hero 060

ปี 2025 ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติได้เปลี่ยนไป ความสมดุลระหว่างมนุษย์ และมอนสเตอร์ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว มอนสเตอร์เริ่มเข้ายึดครองเมืองต่าง ๆ แม้แต่ประเทศเล็ก ๆ 2-3 ประเทศก็ยังพ่ายแพ้

มันคือนรก

ในนรกนั้น ชาวเกาหลีได้รับข่าวที่น่าตกใจ

ปาร์คยองวาน!

ข่าวรายงานว่าชายคนนี้ หนึ่งในผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดของเกาหลี ที่ได้ชื่อว่าเป็นความหวังของชาวเกาหลี เขารวบรวมผู้เล่นกับไอเทมทรงพลังหลายพันรายการ และอพยพไปยังญี่ปุ่น

ใครที่ได้ยินเรื่องนี้ ต่างก็รู้ว่าเขากำลังทรยศประเทศของตัวเอง

ทุกคนในเกาหลีต่อว่าเขา แต่นั่นคือทั้งหมดที่ประชาชนจะทำได้

ไม่มีใครมีอำนาจมากพอจะจัดการปาร์คยองวานได้ เขาในตอนที่ร่วมมือกับญี่ปุ่นนั้นแข็งแกร่งมาก

แต่คิมวูจินแตกต่างออกไป ในขณะที่คนอื่นเอาแต่วิพากษ์วิจารณ์ปาร์คยองวาน เขาก็กำลังวางแผนฆ่าปาร์คยองวานอยู่

คิมวูจินรู้จักปาร์คยองวานดีกว่าที่ปาร์คยองวานรู้จักตัวเอง

‘ปาร์คยองวานสนใจแต่ผลประโยชน์ของตัวเองมากกว่าอะไร’

แต่ไม่อาจนับได้ว่าเป็นความโลภ ปาร์คยองวานไม่ได้ทรยศชาติตัวเองเพราะความโลภ

การขายตัวเอง ผู้เล่น และไอเทมให้กับญี่ปุ่นไม่ได้มากมายถึงขนาดต้องทำแบบนี้ พูดให้ชัดเจนก็คือตัดเรื่องทรัพย์สินเงินทองไปได้เลย

โลกที่ถูกมอนสเตอร์ทำลาย เงินจึงไม่มีค่าอีกต่อไป อสังหาริมทรัพย์ก็ไม่ได้มีค่าอะไรเช่นกัน

‘แม้ว่าจะต้องเสียหายกับการทรยศชาติ แต่เขาก็จะทำทุกวิถีทาง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง’

เหตุผลที่ปาร์คยองวานทรยศต่อประเทศของเขาเป็นเพราะเขากลัวว่าทุกสิ่งทุกอย่างในเกาหลีใต้จะถูกครอบงำโดยสมาคมเมสสิอาห์

ดังนั้นคิมวูจินจึงแน่ใจ

‘ผู้ชายคนนั้นจะไม่มีวันปล่อยอะไรแบบนี้ไป’

แก้แค้น เพื่อการนั้น ปาร์คยองวานพร้อมจะจ่ายทุกอย่าง

“ค่าตอบแทนดี แต่ผมไม่ค่อยอยากเข้าไปมีส่วนร่วมกับสถานการณ์ที่อันตรายแบบนี้เลย”

คิมวูจินพูดด้วยความมั่นใจในสิ่งที่รู้

“อย่างน้อย ผมก็อยากหลีกเลี่ยงโทซากูแพ็ง คุณจะจ่ายให้ผมไหมถ้าผมตาย?” (TL : 토사구팽 โทซากูแพ็ง คล้ายกับสำนวน ข้ามแม่น้ำรื้อสะพานของจีน คือ ตอนมีประโยชน์ก็ดูแลอย่างดี พอหมดประโยชน์แล้วก็จะถูกทิ้ง/ฆ่าอย่างไม่ไยดี )

แน่นอนว่าคิมวูจินไม่ได้กลัวโทซากูแพ็งจริง ๆ

สิ่งที่เขาต้องการอย่างแท้จริงคือแพะรับบาป

เจ้าของต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของสุนัข

ถ้าคิมวูจินยอมรับข้อเสนอของปาร์คยองวาน นั่นหมายความว่าปาร์คยองวานจะต้องรับผิดชอบ ต่อให้คิมวูจินโจมตีสมาคมเมสสิอาห์ ปาร์คยองวานก็ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย

และนั่นคือจุดมุ่งหมายของคิมวูจิน

“อืม”

ปาร์คยองวานจ้องมองคิมวูจินโดยไม่ได้พูดอะไร

ความจริงในใจของปาร์คยองวานกำลังตื่นตระหนกอยู่

‘ไอ้เวรนี่’

ตอนแรกที่เขาเรียกคิมวูจินมา เขาพยายามทำให้คิมวูจินกลายเป็นหมาล่าเนื้อ และปล่อยให้คิมวูจินกัดสมาคมหัวกะโหลก

‘ฉันไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้…’

ถ้ามันจำเป็น ปาร์คยองวานก็ตั้งใจจะคุกคามคิมวูจิน และถ้าคิมวูจินยังคงไม่เห็นด้วย เขาก็จะฆ่าคิมวูจินทิ้งซะ แต่ตอนนี้คิมวูจินได้ยื่นข้อเสนอที่คาดไม่ถึงกับเขา

‘นี่มันอะไรกัน ..? ’

แน่นอนว่าปาร์คยองวานรู้ว่าคิมวูจินกำลังซ่อนอะไรบางอย่างไว้ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เขาคงฆ่าคิมวูจินทิ้งไปแล้ว

‘ถ้าเขากัดสมาคมหัวกะโหลกได้ มันไม่สำคัญ ต่อให้เขาจะเป็นหมาบ้าก็ช่าง’

แต่ตอนนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว

“เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจ ถ้าฉันสนับสนุนนาย แล้วจะทำอะไรให้ฉัน?”

ปาร์คยองวานถามรายละเอียดเพิ่ม และคิมวูจินก็ตอบทันที

“สมาคมหัวกะโหลกคงอยากฆ่าผมจะแย่แล้ว”

นั่นเป็นสิ่งที่ปาร์คยองวานอยากได้ยินมากที่สุด

 

“ฮยอง ฉันมาแล้ว”

โอเซชานที่กำลังจัดเอกสารบนโต๊ะทำงาน ตอบรับลีจินอาโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง

“ฉันไม่ว่าง”

การแสดงออกของโอเซชานเย็นชาราวกับว่าเขาไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น

“ฉันซื้อพิซซ่ามา สักหน่อยไหม?”

แต่เมื่อโอเซชานได้ยินสิ่งที่ลีจินอาพูด โอเซชานก็ยิ้มอย่างสดใสยิ่งกว่าชีสร้อน ๆ บนหน้าพิซซ่า

“ไง น้องชายของฉัน ลีจินอา! ผู้ชายที่แมนที่สุดในโลก! ฉันกำลังรอนายอยู่เลย!”

“เซชาน อย่าทำแบบนั้น”

“โทษที ว่าแต่พิซซ่าหน้าอะไร?”

ลีจินอาวางกล่องสามกล่องซ้อนกันบนโต๊ะทำงาน

“ฉันซื้อนี่ นี่ และนั่น”

พนักงานคนอื่น ๆ ที่ทำงานอยู่ในสำนักงานมองด้วยความสนใจ

“ฉันไม่ใช่คนใจเล็กที่กลัวจะเสียเงิน เพื่อซื้อบะหมี่สักถ้วย”

คำพูดของลีจินอาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

“ฉันซื้อบะหมี่ด้วยเงินแค่นั้นไม่ได้หรอกนะ ฉันมาโซล เพราะฉันไม่อยากติดอยู่ในรถอีกต่อไปแล้ว”

“ฉันขอโทษ มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ? ฉันรู้”

“ก็ใช่? “

ลีจินอารู้สึกประหลาดใจกับคำขอโทษของโอเซชาน แน่นอนว่าเขาประหลาดใจได้ไม่นาน

“อย่างน้อย นายก็น่าจะใช้เงินซื้อกาแฟจากตู้ขายอัตโนมัติมา…ฉันเสียใจ”

เมื่อได้ยินสิ่งที่โอเซชานพูด ลีจินอาก็ได้แต่ยิ้มด้วยความหงุดหงิดใจ

“เป็นไงบ้าง? นายต้องทำรายงานไหม?”

“ฉันรายงานเสร็จแล้ว แต่ว่ามีอะไรเหรอ?”

“โอ้! คิมวูจินร้องไห้ เราฆ่ามอนสเตอร์ทั้งหมดเลย คิมวูจินยอดเยี่ยมมาก ฉันไม่มีอะไรจะพูด และฉันก็ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้แล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลีจินอาก็ขมวดคิ้ว

“งั้นคุณจะบอกอะไร? ฉันให้คะแนนสำหรับสิ่งที่คิมวูจินทำ 1 เต็ม 10”

ลีจินอาพูดด้วยความไม่พอใจ

“หมอนั่นมีเป้าหมายอะไรอีก?”

โอเซชานกำลังกัดพิซซ่าชิ้นหนึ่งอยู่ เขายักไหล่พร้อมกับมองการแสดงออกของลีจินอา

“ฉันไม่รู้”

“คุณจะช่วยเขาได้ยังไงถ้าคุณไม่รู้?”

“ฉันไม่ต้องการเหตุผล ตราบใดที่เขาช่วยฉันกำจัดสมาคมหัวกะโหลก ใช่ไหม?”

“สมาคมหัวกะโหลก”

ลีจินอารู้เรื่องความสัมพันธ์ที่เลวร้ายระหว่างปาร์คยองวาน สมาคมหัวกะโหลก และสหพันธ์ยามาโตะที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง

แน่นอนว่าเขายังรู้เรื่องสงครามที่อาจเกิดขึ้นระหว่างพวกนั้นด้วย

“ใคร? “

ลีจินอาถามพร้อมกับแสดงท่าทางที่ค่อนข้างจริงจัง

คิมวูจินจะไม่เผชิญหน้ากับสมาคมหัวกะโหลกแค่เพราะมีจิตสำนึกแน่

ปาร์คยองวานเหรอ?

“คิมแจฮุน”

“คิมแจฮุน? ใครล่ะนั่น? “

“ผู้เล่นจากสหพันธ์ยามาโตะ ที่ต่อมาได้เข้าร่วมกับสมาคมหัวกะโหลก เขาไม่มีอะไรพิเศษ และเป็นคนประเภทที่ตั้งเป้าหมายเคลียร์ดันเจี้ยนที่ปลอดภัยที่สุดเท่านั้น ปกติก็เป็นดันเจี้ยนที่ไม่มีแม้กระทั่งมอนสเตอร์ระดับ C”

“แล้วยังไง?”

“ฉันรู้แค่นั้น”

ลีจินอาขมวดคิ้วอีกครั้ง

“ทำไมคิมวูจินถึงตามสืบเรื่องคนที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ?”

ลีจินอาถามคำถามขณะที่หยิบพิซซ่า 3 ชิ้นขึ้นมา และเริ่มกินมัน โอเซชานขมวดคิ้วมองลีจินอา

“อะไร? เพราะฉันกินทีเดียว 3 ชิ้นเหรอ? ไม่นะ เดี๋ยวก่อน ฉันเป็นคนซื้อพิซซ่านะ”

เขาทำหน้าราวกับเขาทำอะไรผิด แต่โอเซชานไม่ได้สนใจเขาเพราะเรื่องนั้น

“นั่นคือข้อมูลทั้งหมดที่ฉันรวบรวมมาได้ หมายความว่าผู้ชายคนนี้ซ่อนมันได้ดีมาก”

วิธีที่โอเซชานรวบรวมข้อมูลมาคือการตรวจสอบแบ็กล็อก (Backlogs) (TL : Backlogs ในที่นี้น่าจะหมายถึงธุรกรรมทางการเงิน)

เห็นได้ชัดว่ายิ่งคนคนนั้นพยายามซ่อนมันมากเท่าไร มันก็จะยิ่งมีช่องโหว่ในการปลอมตัวมากขึ้นเท่านั้น

แต่ผู้เล่นคนนี้มีความภักดีเป็นพิเศษ ขี้ขลาด และไม่มีอดีตให้พูดถึง หรือเขาอาจจะมีเหตุผลกับมีความสามารถในการหลบเลี่ยงการตรวจสอบของโอเซชานได้

“ไม่ใช่เพราะคุณไร้ความสามารถเหรอ?”

จากนั้นลีจินอาก็พูดถึงความเป็นไปได้ที่สาม

โอเซชานพยักหน้า

“ณ ตอนนี้ ลีจินอา บัญชีธนาคารของนายถูกอายัด นายไม่มีบัตรเครดิต และนายก็กำลังถูกตำรวจสากลตามล่า ฉันช่วยนายไม่ได้แล้ว”

ใบหน้าของลีจินอาแข็งค้างขึ้นมาทันที

“อ่า! แค่ แค่ล้อเล่นน่ะ!”

เสียงหัวเราะที่น่าอึดอัดใจดังไปทั่วห้อง

“ฮยองชอบพิซซ่าเปปเปอโรนีไหม? นี่ ผมใส่แตงกวาดองมาด้วยนะ ฮยองเก็บไว้ในตู้เย็น และรับประทานเป็นกับข้าวได้ แล้วก็ยังมีซอสเผ็ดเยอะเลย!”

โอเซชานมองท่าทางอึดอัดใจของลีจินอาด้วยสีหน้าเย็นชา และสำนักงานก็เงียบลง

ตอนนั้นเอง

Ring! Ring!

หนึ่งในโทรศัพท์มือถือจำนวนมากบนโต๊ะทำงานของโอเซชานดังขึ้น

“เอ่อ โทรศัพท์ครับ…”

ลีจินอารีบคว้าโทรศัพท์ส่งให้โอเซชาน

“มันต้องเป็นเรื่องเร่งด่วนแน่ ๆ”

โอเซชานไม่เล่นด้วย แต่รับโทรศัพท์แทน

“โอ้ ไอแซค การประชุมเป็นไปด้วยดีไหม?”

คนที่โทรมาคือคิมวูจิน

“โอ้ แน่นอน”

สีหน้าของโอเซชานแข็งขึ้นแวบหนึ่ง

“ใช่ ได้”

หลังจากวางสายโอเซชานก็ขมวดคิ้ว

“เกิดอะไรขึ้น?”