บทที่ 705 การลบล้างที่น่าหวาดกลัว

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

“เวทปืนใหญ่โพซิตรอนรึ”

เมแคนทรอนอึ้งไปเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะให้ความสนใจกับงานศึกษาวิจัยของสภาเวทมนตร์ในเรื่ององโลกจุลภาคอย่างมาก จุดสนใจหลักๆ ของเขากลับอยู่ในขอบข่ายของโหราศาสตร์และการซ้อนทับของควอนตัม เขาเข้าใจเรื่องปฏิสสารกับโพซิตรอนเพียงผิวเผินเท่านั้น ดังนั้น เขาจึงไม่รู้เลยว่าเวทมนตร์บทนี้จะออกมาเป็นเช่นไร

ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ นับแต่ที่ทฤษฎีสนามควอนตัมไร้ซึ่งพัฒนาการใดๆ และมีการนำเสนอแนวคิดเรื่อง ‘การแปรปรวนของสุญญากาศ’ ก็ไม่มีใครคิดถึงการปะทะกันของอิเล็กตรอนประจุบวกและลบอีกเลย แม้แต่ทรรศนะเกี่ยวกับมหาสมุทรแห่งสุญญากาศของพลังงานเชิงลบก็ไม่มีจอมเวทคนใดออกมาพูดถึง ดังนั้น นอกเหนือจากลูเซียนแล้ว จอมเวทคนอื่นๆ จึงรู้เพียงว่าปฏิสสารแทบจะคงสภาพอยู่ในโลกหลักไม่ได้เพราะว่ามันจะหักล้างสสารทั่วไป แต่พวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการลบล้างที่แสนน่ากลัวซึ่งปฏิสสารอาจก่อขึ้นได้เลย พวกเขาไม่รู้ว่าประสิทธิภาพในการปลดปล่อยพลังงานของเครื่องปฏิกรณ์จะสูงกว่าปฏิกิริยาฟิวชั่น มิเช่นนั้นพวกเขาคงจะทำลายโลกทั้งใบด้วยการรวบรวมปฏิสสารเข้าด้วยกัน แม้จะเพียงจำนวนน้อยนิดก็ตาม!

ในเมื่อนอกจากลูเซียนแล้ว กระทั่งจอมเวทด้วยกันเองยังไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับโพซิตรอน แล้วมีหรือที่เมแคนทรอนจะรู้ได้

ในชั่วพริบตาแสนอันตรายนั้น เขาเพิ่งรู้ตัวว่าถูกหุ่นเชิดตัวตายตัวแทนหลอกเข้าให้แล้ว และตอนนี้ก็มีเพียงโอกาสเดียวเท่านั้นในการตอบโต้กลับไป ด้วยเหตุนี้ เขาจึงอ้าแขนออกอย่างไม่ลังเล และปีกที่เปล่งแสงสว่างสดใสก็รับเอาแสงศักดิ์สิทธิ์สีขาวงาช้างจากภาพมายาสะท้อนของหุบเขาวิมานทั้งเจ็ดชั้น!

“อาณาจักรแห่งพรศักดิ์สิทธิ์!”

หากว่าเขาใช้พลังพระเจ้าคุ้มครอง เขาจะไม่สามารถเคลื่อนไหวไปไหนได้พักหนึ่ง เช่นนั้น หากลูเซียน อีวานส์ ได้แผ่นกาลเวลาไป เขากับนาตาชาก็จะหลบหนีออกจากมิติอเวจีอย่างง่ายดายเพราะตอนนี้เดโมกอร์กอนแห่งความมืดยังไม่อาจกำจัดท่านหญิงหิมะและเจ้าแห่งความตายไปได้ ส่วนเจ้าเคลเมนต์ไร้ประโยชน์ก็ยังถูกนาตาชาสะกดข่มและไม่อาจหยุดทั้งสองจากการหลบหนีไปได้แน่นอน!

ดังนั้น เขาจึงเลือกใช้ ‘พลังอาณาจักรแห่งพรศักดิ์สิทธิ์’ เพื่อคงความสามารถในการโจมตีเอาไว้ เพื่อจะถ่วงเวลาและสะกดข่มลูเซียนจนกว่ากอนไฮล์มจะเอาชนะเจ้าแห่งปีศาจทั้งสองตนได้และมาช่วยเหลือเขา ยี่สิบวินาทีผ่านไปแล้ว กอนไฮล์มควรจะพลิกสถานการณ์เป็นฝ่ายได้เปรียบแล้ว

แสงสีขาวงาช้างฉายลงมาล้อมรอบกายเมแคนทรอนประดุจเสาในอารามหลวง เมื่อแสงนั้นขยายออก จักรวาลรอบๆ นั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นมหาสมุทรแห่งแสง เสียงเพลงสรรเสริญอันไพเราะจากภาพมายาสะท้อนลอยมาจากที่ไกลๆ ทำให้เมแคนทรอนดูเหมือนยืนอยู่ในอาณาเขตสวรรค์บนดิน

“เวทปืนใหญ่โพซิตรอน!”

รอบๆ มือซ้ายของลูเซียนปรากฎสนามแม่เหล็กสีดำมืดและบิดเบี้ยวไปมาภายในพื้นที่จำกัด ส่งผลให้เกิดคลื่นแปลกประหลาดในอวกาศ

สิ่งของรูปลักษณ์เหนือคำบรรยายจำนวนนับไม่ถ้วนมารวมตัวกัน พวกมันหาใช่กระแสไฟฟ้าสีเงินอีกต่อไป กลับดูเหมือนเปลวเพลิง พวกมันสอดประสานเข้าด้วยกันจนกลายร่างเป็นอสรพิษไฟฟ้าตัวยาวที่มีเปลวเพลิงห่อหุ้มทั้งกาย แล้วมันก็พุ่งตัวออกไปราวกับแสงเลเซอร์ลำใหญ่

หากราชาทูตสวรรค์ไม่มาเยือนที่นี่อย่างน่าสงสัย และหากว่าการเตรียมการของเขาไม่สามารถขัดขวางเดโมกอร์กอนแห่งความมืดกับเจ้าแห่งเพลิงบรรพกาลจากการถ่วงเวลาเขาไว้นานๆ เขาก็อาจไม่สังหรณ์ใจถึงภัยร้ายท่ามกลางสถานการณ์รีบเร่งเมื่อครู่นี้ที่ชั้นตำนานทั้งสองตนจงใจปิดบัง และเขาก็อาจไม่ใช้หุ่นเชิดตัวตายตัวแทนเพื่อไปนำแผ่นกาลเวลามาก็ได้

ด้วยเหตุนี้ ขณะอยู่ในสุญญากาศ ลูเซียนก็ใช้ ‘เวทปืนใหญ่โพซิตรอน’ ออกไปอย่างไม่ลังเล!

เสาแห่งแสงขนาดใหญ่ยักษ์ปรากฏลูกไฟที่ดูเหมือนภาพมายาหลั่งไหลออกมาระดมยิงใส่เมแคนทรอนจนถูกกลืนหาย ภายใต้การเหนี่ยวรั้งของสนามแม่เหล็ก มันมิได้ส่งผลต่อจักรวาลวายป่วงแม้แต่นิด ราวกับเป็นเพียงการระเบิดของลูกไฟธรรมดาๆ

ในตอนนั้น ‘อาณาจักรแห่งพรศักดิ์สิทธิ์’ ของเมแคนทรอนเพิ่งจะสร้างเสร็จพอดี เขาจึงมี ‘อาราม’ เป็นที่หลบภัยอันสมบูรณ์แบบ!

ปีกทูตสวรรค์บนแผ่นหลังของเขาหุบแน่น จุดแสงทั้งหลายลอยละล่องเข้ามารวมตัวกันเป็นเขาสัตว์หน้าตางดงามประณีตเบื้องหน้าเมแคนทรอน เขากำลังจะใช้พลัง ‘แสงแห่งสวรรค์’ ที่แท้จริงในฐานะตัวแทนผู้ปกครองสวรรค์ ในเมื่อตอนนี้แผนการของเขาใช้ไม่ได้ผล เขาก็จะบรรลุเป้าหมายด้วยกำลังของตนเอง!

เสาแห่งกระแสไฟฟ้าที่หลั่งไหลวนเวียนและเปล่งแสงวูบวาบ พร้อมทั้งแสงจากลูกไฟ พุ่งเข้ากระแทกอาณาจักรแห่งพรศักดิ์สิทธิ์อย่างไร้ปราณี

เป็นตอนนั้นเองที่นัยน์ตาของเมแคนทรอนฉายแววถึงความเหลือเชื่อ ณ จุดที่เกิดการกระแทก แรงระเบิดทำให้เกิดแสงสว่างเจิดจ้าจนดวงตาพร่าเลือนได้มากพอๆ กับดวงอาทิตย์ ไม่เพียงแต่อาณาจักรแห่งพรศักดิ์สิทธิ์จะทำหน้าที่คุ้มกันไม่ได้เลยสักนิด แต่มันยังระเบิดตัวเองทันทีที่แสงสว่างปะทุขึ้นอีกด้วย

ตูม!

แรงระเบิดรุนแรงไม่อาจส่งเสียงไปถึงสุญญากาศ แต่หลังจากนั้นเพียงชั่วพริบตาสั้นๆ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ นั้นก็ตกอยู่ในวงล้อมของพลังลบล้างชนิดโลกาพินาศ เมแคนทรอนไม่มีเวลาจะตอบโต้ก่อนที่พายุพลังงานซึ่งเกิดจากอาณาจักรแห่งพรศักดิ์สิทธิ์จะกลืนกินเขา

‘นี่มันเวทมนตร์อะไรกัน’

‘เหตุใดการแสดงผลของมันจึงแปลกประหลาดและน่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้กันเล่า’

‘มันเหมือนจะหยุดไม่ได้!’

ในตอนนั้นเอง เมแคนทรอนก็พลันสัมผัสได้ว่าโลกทั้งใบจักพังทลายลง และหากว่าเวทมนตร์บทนี้พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น มันก็จะแข็งแกร่งยิ่งกว่า ‘พลังพระเจ้าเสด็จ’ โดยมีเป้าหมายเพื่อการทำลายล้าง!

ทว่า นิมิตที่เพิ่งมองเห็นไม่อาจช่วยให้เขาหลุดพ้นจากมหาสมุทรแห่งพลังงานที่รายล้อมรอบกายเขา และเวลาก็เหลือน้อยเกินกว่าที่เขาจะเรียกใช้พลัง ‘พระเจ้าคุ้มครอง’ ด้วยเช่นกัน!

“ไม่!!!!!!!!”

เสียงกรีดร้องคำรามดังจากก้นบึ้งของหัวใจเขา เมแคนทรอนรู้สึกว่าเขากำลังถูกทำลายทั้งจากภายในสู่ภายนอกและภายนอกสู่ภายในชนิดที่เขาไม่อาจหวนคืนมาได้อีก ดวงตาสีทองของเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อและความหวาดกลัวอันเข้มข้น ก่อนที่การระเบิดรุนแรงจะปะทุขึ้นกับร่างและดวงวิญญาณของเขา ก่อให้เกิดพายุพลังงานที่เหนือจินตนาการ!

ใบหน้าอันงดงามดุจสาวน้อยและปีกสีขาวบริสุทธิ์ทั้งสามสิบหกปักถูกลบล้างไปพร้อมๆ กัน!

เคลเมนต์เพิ่งจะเริ่มรับมือกับการโจมตีอันบ้าคลั่งของนาตาชาได้ แต่ในตอนที่เขาพร้อมจะตอบโต้กลับไปนั้น เขาก็พลันรู้สึกได้ว่าแรงกดดันหายไป นาตาชาวิ่งหนีไปไกลแล้วโดยไม่สนใจเขาเลยสักนิด นางใช้ดาบแห่งสัจธรรมตัดผ่านจักรวาล แล้วไปปรากฏกายยังอีกทิศทางหนึ่งด้วยความรวดเร็วฉับไว!

‘นางวิ่งหนีทำไมกัน’

‘นี่นางกลัวงั้นรึ’

‘นางไม่คิดจะหยุดข้าจากการฉกฉวยแผ่นกาลเวลาต่อไปแล้วหรือ’

ความคิดจากจิตใต้สำนึกเพิ่งจะผุดขึ้นในใจเขา พอดีกับที่เขา ‘ได้ยิน’ คาถาเวทมนตร์อันแปลกแปล่งและมีพลังท่วมท้นที่ลูเซียนกำลังร่าย พร้อมกับที่สัมผัสได้ถึงพลังจิตของลูเซียนที่สั่นสะเทือนเล็ดลอดออกมา

“เวทปืนใหญ่โพซิตรอน!”

จากนั้น เขาก็มองเห็นเสาแห่งกระแสไฟฟ้าที่ลุกเป็นไฟซึ่งดูแตกต่างจากกระแสไฟฟ้าทั่วๆ ไปพุ่งเข้ากระแทกกับอาณาจักรแห่งพรศักดิ์สิทธิ์ เขาสัมผัสได้ถึงแรงระเบิดระดับดวงอาทิตย์ก่อนที่ดวงตาจะมองเห็น ทั้งยังรู้สึกถึงพลังแห่งการทำลายล้างรุนแรง!

‘เหตุใดกัน’

‘มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน’

‘แม้แต่อาณาจักรแห่งพรศักดิ์สิทธิ์ก็ยังมีปฏิกิริยาร่วมกับการระเบิดนี้ด้วยเช่นนั้นหรือ’

‘ปราการคุ้มกันกลับเสริมพลังให้กับเวทบทนั้น’

‘เวทมนตร์บทนี้จะเหลือเชื่อเกินไปแล้ว’

ความคิดคล้ายคลึงกันนี้เพิ่งจะผุดขึ้นในใจเคลเมนต์ พร้อมกับที่ความสิ้นหวังอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจะเข้าเกาะกุมจิตใจเขา!

เพราะเขาอยู่ใกล้ ‘สวรรค์’ ที่สร้างขึ้นจากอาณาจักรแห่งพรศักดิ์สิทธิ์มากเกินไป และไม่มีอะไรขวางกั้นการโจมตีนี้ พายุพลังงานจึงกวาดวูบมาถึงตัวเขา ไม่ให้โอกาสเขาได้ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์หลบหนีเลยสักนิด!

‘มิน่าเล่า นาตาชา ไวโอเล็ต จึงวิ่งหนีไปราวกับกระต่ายถูกศรยิง…’

ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเหตุใดจู่ๆ นาตาชาก็หยุดโจมตีแล้วรีบหนีไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น!

น่าเสียดายนักที่เขาเข้าใจช้าไป!

ลูเซียนได้บอกนาตาชาผ่านทางกระแสจิตตั้งแต่ตอนที่เขาได้แผ่นกาลเวลามาและเตรียมจะใช้ ‘เวทปืนใหญ่โพซิตรอน’ แล้ว ด้วยเคยได้ยินถึงอิทธิฤทธิ์ของเวทมนตร์บทนี้จากปากลูเซียนมาก่อนหน้า นางจึงรีบหนีไปให้เร็วที่สุดและไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้แต่ปราการคุ้มกันประเภทกาล-อวกาศของโล่แห่งสัจธรรมก็ไม่สามารถปกป้องนางจากการลบล้างได้เมื่อสสารและปฏิสสารปะทะกัน โล่แห่งสัจธรรมอาจพังไปกับพายุพลังงานที่ทรงพลังเสียยิ่งกว่า ‘เวทเปลวไฟนิรันดร์’ หลังจากที่พลังลบล้างบังเกิดขึ้น

ขณะเฝ้ามองแสงสว่างร้อนแรงและพายุพลังงานบริสุทธิ์ เคลเมนต์ก็คล้ายกับตกอยู่ในภวังค์ มันไม่มีทางเลยที่เกราะคุ้มกันที่เขาร่ายให้กับตัวเองจะต้านทานพวกมันได้

แต่ในตอนที่เขากำลังสิ้นหวังถึงขีดสุด ช่องว่างด้านหลังของเขาก็พลันเปิดออก แล้วมือที่มีเกล็ดสีเขียวกับเขาสีดำตรงข้อนิ้วทุกนิ้วซึ่งแผ่ไอเย็นยะเยียบก็ยื่นเข้ามา

มือนั้น ‘จับ’ ตัวเคลเมนต์แล้วดึงเขาเข้าไปในช่องว่างอวกาศด้วยกลิ่นอายเหนือธรรมชาติและน่าคร้ามเกรง!

พายุพลังงานที่น่าหวาดหวาดหวั่นกวาดมาถึงจุดนั้นแต่มันกลับไม่อาจข้ามอาณาเขตของอวกาศทั้งสองได้

“เจ้าแห่งนรกงั้นรึ” ลูเซียนรู้สึกว่ามือข้างนั้นช่างคุ้นตา มันย่อมต้องเป็นมือของสหายคนเก่าคนแก่ของเขาอย่างมัลติมุส เจ้าแห่งนรกแน่นอน ลูเซียนไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าแห่งนรกจะจดจ่อให้ความสนใจกับเหตุการณ์ทั้งหมดนี้มาตลอด! ช่างเป็นผู้ที่เหนือความคาดหมายสมกับเป็นเจ้าแห่งนรกอย่างแท้จริง!

หลังจากที่เคลเมนต์ ‘หลบเลี่ยง’ การโจมตีไปได้ ก็ไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่อีกนอกจากสุญญากาศ และปฏิกิริยาลบล้างก็ถึงคราวจบลง

ในตอนนั้นเอง จู่ๆ จักรวาลวายป่วงก็สั่นไหว ความมืดอันไร้ที่สิ้นสุดกลับกลายเป็นมืดมิดเสียยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับที่เสียงคำรามอันเกรี้ยวกราดดังกึกก้องจากทั่วทุกทิศทาง

“เจ้าผีเฮงซวย! กลับนรกไปซะ!”

“เจตจำนงแห่งอเวจี?” ลูเซียนและนาตาชาคุ้นเคยกับเสียงนี้ดีเช่นกัน

ปีศาจกับผีมักเกลียดชังกันเองอยู่เสมอ ปีศาจคิดว่าผีนั้นไร้สมอง และผีก็รู้สึกว่าปีศาจนั้นอ่อนแอเกินไปและไม่สามารถทำอะไรให้สำเร็จลุล่วงได้โดยไม่ต้องใช้เล่ห์กลและแผนการ นอกจากนี้ เพราะว่ามิติอเวจีกับมิตินรกมีชั้นหนึ่งที่เชื่อมต่อกัน สงครามระหว่างทั้งสองฝ่ายจึงมักบังเกิดขึ้น ความอาฆาตบาดหมางนั้นสั่งสมมานานนับแสนๆ ปี

นั่นคือเหตุผลที่เจตจำนงแห่งอเวจีโกรธมากเมื่อเจ้าแห่งนรกมาเยือนถึงอเวจีและทำการโจมตีแม้จะยังบาดเจ็บอยู่ก็ตาม!

ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะปะทะกัน ลูเซียนก็ก้าวพริบตาไปหานาตาชา ภาพมายาสะท้อนของจักรวาลอะตอมที่ดูลึกล้ำน่าอัศจรรย์ใจปรากฏขึ้นเบื้องหลังทั้งสอง ทำให้อวกาศมุมหนึ่งสว่างไสวด้วยแสงดาวหลากสีสัน

จากนั้น เมื่อภาพมายาสะท้อนของจักรวาลอะตอมหายไป ลูเซียนกับนาตาชาก็หายตัวไปจากจักรวาลวายป่วงเช่นกัน

ในเมื่อพวกเขาได้แผ่นกาลเวลามาแล้ว เหตุใดจะต้องอยู่ที่นี่ให้เจตจำนงแห่งอเวจีระบายโทสะกับพวกเขาด้วยเล่า นอกจากนี้ เดโมกอร์กอนแห่งความมืดก็อาจมาตามมาได้ทุกเมื่อ ความสามารถโดยรวมของเขายังห่างไกลจากชั้นตำนานระดับสูงสุดมากนัก เว้นแต่ว่าเวทมนตร์ของเขาจะโจมตีใส่ตอนที่ศัตรูไม่ทันตั้งตัว

อย่างไรเสีย ‘เวทปืนใหญ่โพซิตรอน’ ก็สามารถต้านทานได้ด้วยเวทป้องกันประเภทกาล-อวกาศและใช้พลังแม่เหล็กรุนแรงเบี่ยงเบนทิศทางได้เพราะว่ามันมีกระแสไฟฟ้า ด้วยเหตุนี้ การจะรับมือกับศัตรูที่ล่วงรู้ถึงคุณสมบัติของ ‘เวทปืนใหญ่โพซิตรอน’ แล้วนั้น ลูเซียนจำต้องสร้างโอกาสที่พวกเขาจะไม่สามารถต้านทาน ‘เวทปืนใหญ่โพซิตรอน’ ได้ด้วยเวทมนตร์บทอื่นที่เหมาะสม และเวทมนตร์คาถาประเภทนั้นนั่นแหละที่เป็นช่องว่างระหว่างลูเซียนกับผู้มีพลังชั้นตำนานระดับสูงสุด!

ลูเซียนรู้จักตัวเองเป็นอย่างดี!

ภายในพระราชวังของจักรวรรดิไฮลซ์ศักดิ์สิทธิ์…

รูดอล์ฟที่สอง ผู้นั่งเอนกายอยู่บนเก้าอี้ จู่ๆ ก็ลุกพรวดแล้วกระอักโลหิตสีทองออกมากองโต เขาพึมพำด้วยน้ำเสียงแฝงความหวาดหวั่น “ดีที่ข้าอยู่ข้างหลังเขา มิเช่นนั้น…”

เขาระมัดระวังเกินกว่าจะพูดต่อให้จบประโยค เมื่อหลับตาลง เขาก็มองเห็น ‘หุบเขาวิมาน’ อันสูงส่งทั้งเจ็ดชั้น จากนั้น แสงสว่างอันไร้ที่สิ้นสุดส่วนหนึ่งบนชั้นที่เจ็ดก็ถูกแยกออกและโรยตัวลงมาตรงขอบชั้น ก่อนจะกลายเป็นทูตสวรรค์ที่ถือตำราเล่มหนึ่งอยู่ในมือ ปีกทั้งสามสิบหกปีกบนแผ่นหลังของเขาค่อยๆ หุบลง แต่ทูตสวรรค์ตนนั้นกลับดูเลือนรางเสียจนมิมีผู้ใดสามารถบอกได้ว่าเขาจะอยู่อีกได้นานเพียงใดก่อนที่จะถูกเรียกกลับไปควบรวมเป็นหนึ่งเดียวกับหุบเขาวิมาน