ตอนที่ 559 ตกตะลึงจนตาค้าง

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ทุกคนในสมาคมช่างหลอมทราบอายุของเฉินซินดีอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบอายุที่แท้จริงก็ยังต้องเกิดขึ้นเพื่อความเท่าเทียมและความยุติธรรมของทุกฝ่าย เมื่อผลปรากฏออกมา ตัวเลขระบุอายุ ’31 ปี’ บนหินทดสอบก็ประจักษ์ต่อสายตาทุกคน

“เป็นอย่างที่คิดไว้ เขามีอายุเพียงสามสิบเอ็ดปีเท่านั้น พรสวรรค์ของนายน้อยฝ่ายมารช่างน่าทึ่งโดยแท้ !”

บุรุษคนหนึ่งกล่าวด้วยเสียงทุ้มและน้ำเสียงบ่งบอกถึงความประทับใจ แม้เฉินซินเป็นศัตรูของพวกเขาและเป็นสมาชิกของฝ่ายมาร ความสามารถของเฉินซินก็ยังคู่ควรแก่ความชื่นชมสรรเสริญ

“เหอะ นายน้อยของพวกข้ามีพรสวรรค์ที่น่าทึ่ง แน่นอนว่าเขาไม่มีทางปิดบังเรื่องอายุที่แท้จริง”

บุรุษชุดดำที่เป็นหนึ่งในสมาชิกฝ่ายมารยิ้มอย่างวางท่า น้ำเสียงของเขายังคงยโสโอหังไม่เปลี่ยนแปลง

เมื่อทุกคนในดินแดนเทพมายาได้ยินวาจาของคนผู้นั้น พวกเขาเพียงชำเลืองมองไปที่ต้นเสียงโดยไม่เอ่ยสิ่งใด

สิบคนที่เข้าร่วมการประชันฝีมือครานี้ก้าวออกไปทดสอบอายุทีละคนโดยผู้ที่อายุมากที่สุดอยู่ในช่วงวัยแปดสิบปีและผู้ที่อายุน้อยที่สุดอยู่ที่ช่วงวัยสามสิบปี เมื่อพิจารณาจากอายุและความแข็งแกร่งในปัจจุบันของพวกเขา คนเหล่านี้ก็ถือว่ามีฝีมือทีเดียว

ท้ายที่สุดก็เหลือเพียงฉินอวี้โม่ที่ยังไม่ทำการทดสอบอายุและทุกคนล้วนไม่แน่ใจในอายุที่แท้จริงของนาง

“ท่านจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่ เชิญได้เลย…”

เฉินซินหันไปมองฉินอวี้โม่และขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ว่านางจะสวมหน้ากากบดบังใบหน้า ทว่าดวงตางดงามและแววตาเฉยเมยที่เผยให้เห็นก็ทำให้เขาหวั่นใจเล็กน้อย เขาอดถอนหายใจกับตัวเองไม่ได้ว่าคนผู้นี้ล้ำลึกเกินหยั่งถึงอย่างแท้จริงและเขาควรให้ความสนใจกับนางมากขึ้น

ฉินอวี้โม่เพียงยิ้มบาง ๆ ก่อนเดินตรงไปใกล้หินทดสอบและวางมือประทับลงไป

เพียงวางมือประทับลงเบา ๆ หินทดสอบตรงหน้าก็ส่องแสงสว่างวาบและอายุที่แท้จริงของนางก็ปรากฏออกมา

“แม่เจ้า ! อายุยังน้อยนัก !”

คนผู้นั้นมองไปที่ตัวเลขระบุอายุของฉินอวี้โม่และอุทานอย่างตกใจ น้ำเสียงของเขาบ่งบอกถึงความคาดไม่ถึงอย่างชัดเจน

“ช่างหลอมระดับปรมาจารย์ที่มีอายุเพียงยี่สิบสี่ปี ช่างผิดประหลาดเหนือมนุษย์อย่างแท้จริง !”

บุรุษอีกคนกล่าวและเปิดเผยอายุของฉินอวี้โม่ต่อทุกคนในที่สุด

อายุปัจจุบันของฉินอวี้โม่เข้าใกล้ยี่สิบห้าปีเต็มทีและจะครบอายุดังกล่าวในอีกไม่นาน เพราะฉะนั้นในตอนนี้นางจึงมีอายุเพียงยี่สิบสี่ปี จากดินแดนหวนหลิง ดินแดนอ้างว้าง โลกมายามาจนถึงดินแดนเทพมายาในปัจจุบันนี้ นางก็ใช้ชีวิตอยู่ในแต่ละดินแดนเพียงไม่นานนักและแน่นอนว่าไม่สามารถปลอมแปลงอายุที่แท้จริงของตนได้

“กล่าวกันว่าเฉินซินมีพรสวรรค์ที่น่าอัศจรรย์นัก หากจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่เอาชนะเขาได้ในการดวลครานี้ มันจะเป็นเรื่องที่สั่นคลอนไปทั่วทั้งดินแดนเทพมายาอย่างแน่นอน !”

ใครคนหนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงชื่นชมและเขาก็มีแผนการบางอย่างอยู่ในใจแล้ว

ด้วยพรสวรรค์ที่โดดเด่นและลักษณะนิสัยที่เรียบเฉยยากเกินหยั่งถึงนี้ หากตัวเขาได้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนทางเหนือ อนาคตข้างหน้าจะต้องสดใสอย่างแน่นอน เขาตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่าวันนี้ฉินอวี้โม่จะคว้าชัยชนะหรือไม่ เขาก็จะหาทางเข้าร่วมกับดินแดนทางเหนือให้จงได้

“ต่อให้จอมยุทธ์ฉินอวี้โม่พ่ายแพ้ไป ข้าก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย นางยังเยาว์วัยและพรสวรรค์ก็น่าทึ่งยิ่งนัก หากมีเวลาเติบโตพัฒนา นางจะกลายเป็นยอดฝีมืออันดับต้น ๆ ของดินแดนเทพมายาได้อย่างแน่นอนและอาจเหนือชั้นยิ่งกว่าอวิ๋นซื่อเทียนยอดฝีมือระดับแถวหน้าของดินแดนเสียอีก ยิ่งไปกว่านั้น ทุกท่านก็คงจะเคยได้ยินมาบ้างแล้วว่ามีจอมยุทธ์ลึกลับที่ทรงพลังอยู่ข้างกายนางอีกคน ด้วยการที่เพียบพร้อมไปด้วยทุกอย่างเช่นนี้ เราก็ย่อมคาดการณ์ได้ว่าอนาคตของดินแดนทางเหนือจะเจริญรุ่งเรืองแค่ไหน”

ใครคนหนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงชื่นชมต่อฉินอวี้โม่และดินแดนทางเหนืออย่างแท้จริง ในอนาคตข้างหน้า ฉินอวี้โม่จะกลายเป็นยอดฝีมือผู้ทรงพลังของดินแดนอย่างแน่นอนและเหนือชั้นยิ่งกว่ายอดฝีมือระดับแถวหน้าทั้งหลายคนของดินแดนอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ยิ่งไปกว่านั้น ดินแดนทางเหนือภายใต้การปกครองของนาง สักวันมันจะกลายเป็นพญามังกรผงาดภายในดินแดนเทพมายา

สมาชิกฝ่ายมารตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อทราบอายุของฉินอวี้โม่ จากนั้นสีหน้าของพวกเขาก็แสดงถึงความหวาดหวั่นเล็กน้อย หากยอดฝีมือเยาว์วัยที่มากพรสวรรค์เช่นนี้มิได้อยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเขา พวกเขาก็ต้องหาทางกำจัดคนผู้นี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด มิเช่นนั้น เมื่อนางพัฒนาก้าวหน้าต่อไป นางจะกลายเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ต่อพวกเขาฝ่ายมารอย่างแน่นอน

เมื่อคิดได้เช่นนี้ พวกเขาก็มองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารแรงกล้า

แน่นอนว่าฉินอวี้โม่ไม่แยแสแววตาหรือจิตสังหารที่แผ่มาจากพวกเขา ทว่าสิ่งเหล่านั้นไม่รอดพ้นไปจากสายตาของหานโม่ฉือ มุมปากของเขายกยิ้มอย่างเย็นชาและไม่มีท่าทีหวาดหวั่นแม้แต่น้อย ไม่ว่าใครก็ตามที่คิดร้ายกับโม่เอ๋อร์ของเขา คนผู้นั้นจะต้องชดใช้อย่างสาสม

“ฮ่า ๆ ๆ เป็นคนรุ่นใหม่ที่น่าสะพรึงกลัวจริง ๆ การที่มียอดฝีมือเช่นนี้ในดินแดนเทพมายาถือเป็นเรื่องดีสำหรับดินแดนของเราอย่างแท้จริง”

เหล่าสมาชิกสมาคมช่างหลอมล้วนตกตะลึงเช่นกัน เฉินโหยวเป็นคนแรกที่แสดงปฏิกิริยาตอบสนองและแววตาของเขาฉายแววความชื่นชมต่อฉินอวี้โม่อย่างชัดเจน

“เป็นจริงอย่างที่ว่า คนอย่างจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ของดินแดนเทพมายาอย่างแท้จริง หากวันนี้จอมยุทธ์ฉินอวี้โม่เอาชนะกบฏใจหยาบนั่นได้ เกียรติยศชื่อเสียงของนางจะรุ่งเรืองอย่างมิอาจหยุดยั้งและนางจะกลายเป็นแขกคนพิเศษของพวกเราสมาคมช่างหลอม !”

โม่ไป๋กล่าวออกมาทันทีเช่นกัน น้ำเสียงของเขาบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าชื่นชมและถูกชะตากับฉินอวี้โม่

เฉินโหยวพยักศีรษะโดยไม่คัดค้านสิ่งใด ปกติแล้วสมาคมช่างหลอมของพวกเขาจะวางตัวเป็นกลางและแทบจะไม่ผูกมิตรกับผู้ใดเป็นพิเศษ ทว่าบัดนี้เมื่อทราบว่าฉินอวี้โม่เป็นผู้นำดินแดนทางเหนือและมีพรสวรรค์ที่แกร่งกล้า พวกเขาก็แสดงเจตนาที่ต้องการสร้างมิตรไมตรีที่ดีกับนางอย่างชัดเจน ด้วยการที่ฉินอวี้โม่ตั้งใจจะช่วยสมาคมช่างหลอมไว้ในครานี้ การที่พวกเขาจะตอบแทนนางก็ย่อมมิใช่เรื่องแปลก

“จิ๊จิ๊จิ๊ อย่าเพิ่งมั่นใจกันไปนักเลย แม้คนผู้นี้จะยังอายุน้อยและมีฝีมือ มันก็ไม่ง่ายที่จะเอาชนะนายน้อยของพวกเรา บรรดาชายแก่ของสมาคมช่างหลอมก็น่าจะตระหนักถึงความแข็งแกร่งของนายน้อยเป็นอย่างดีและน่าจะทราบดีที่สุดว่าการเอาชนะนายน้อยของเรามิใช่เรื่องง่าย”

แน่นอนว่าสมาชิกฝ่ายมารไม่ปล่อยให้สมาคมช่างหลอมวางใจและจงใจกล่าวยั่วยุให้พวกเขากังวลขึ้นมา

“ฮ่า ๆ ๆ แม้ฝีมือของข้าจะด้อยกว่าท่านประธานเฉินโหยว มันก็เพียงพอที่จะเอาชนะนายน้อยของพวกเจ้าได้ บัดนี้ก็ถึงเวลาประชันฝีมือแล้วและมันไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเจ้า เพราะฉะนั้นจงหุบปากไปเสียและรอชมผลลัพธ์อย่างเงียบ ๆ”

ฉินอวี้โม่ยิ้มและเอนตัวอย่างสบาย ๆ นางไม่มั่นใจในชัยชนะเท่าใดนักทว่านางก็จะไม่แสดงให้ผู้ใดเห็นถึงความอ่อนแอเช่นกัน การที่จะเอาชนะนางมิใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน

เมื่อเฉินซินได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ เขาก็ชำเลืองมองนางอีกคราและความกังวลในใจเริ่มเพิ่มมากขึ้น เขาเชื่อว่าตนเองอ่านคนได้แม่นยำพอสมควร ทว่าวันนี้เขากลับไม่สามารถมองทะลุถึงพลังที่แท้จริงของฉินอวี้โม่ได้เลย

“จอมยุทธ์ฉินอวี้โม่พูดถูกแล้ว มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเจ้า จงเงียบปากและรอดูต่อไป มิฉะนั้นหากพวกเจ้ายังก่อกวนไม่เลิกเช่นนี้ พวกข้าก็มีสิทธิ์ที่จะขับไล่พวกเจ้าทุกคนออกไป”

โม่ไป๋ยิ้มด้วยความชื่นชมในตัวฉินอวี้โม่มากขึ้นเรื่อย ๆ และเขาก็กล่าวกับฝ่ายมารด้วยน้ำเสียงเชิงข่มขู่

“เจ้า…”

บุรุษฝ่ายมารกำลังจะกล่าวอะไรบางอย่างทว่าเมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาไม่เป็นมิตรจากรอบตัว เขาก็เลือกที่จะปิดปากนิ่งเงียบอย่างชาญฉลาด

ไม่ว่าอย่างไร ผู้ที่มีผลต่อการแข่งขันครั้งนี้มากที่สุดก็คือนายน้อยของพวกเขาและไม่มีความจำเป็นต้องกล่าวสิ่งใดให้มากความ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาก็เตรียมการบางอย่างไว้แล้วและย่อมไม่กังวลว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร

“ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน บัดนี้ในเมื่อเสร็จสิ้นการทดสอบอายุแล้วก็ได้เวลาเริ่มการแข่งขัน”

เฉินโหยวยิ้มและปรบมือเบา ๆ

พรึ่บ !

หลังจากสิ้นเสียงนั้น แท่นยกสูงที่มีความสูงหลากหลายระดับก็ปรากฏตรงหน้าทุกคนในลานจัตุรัสทันที

ฉินอวี้โม่และเฉินซินเพียงยิ้มบาง ๆ ก่อนพุ่งตรงไปยังแท่นที่สูงที่สุดซึ่งอยู่ตรงกลางในเวลาเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม วิชาอสนีบาตของฉินอวี้โม่ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่แทบจะสมบูรณ์แบบแล้วและแน่นอนว่านางย่อมมีความเร็วที่มากกว่าอีกฝ่าย ปลายเท้าของนางจรดลงบนแท่นสูงอย่างมั่นคงโดยที่ใบหน้ายังคงเรียบเฉย

เฉินซินก็มาถึงขอบแท่นสูงนั้นและรู้สึกได้ว่าฉินอวี้โม่ยืนอยู่บนนั้นก่อนแล้ว เมื่อเห็นเช่นนั้นสีหน้าของเขาก็แสดงถึงความตกใจเล็กน้อย

“ขออภัยด้วย ดูเหมือนว่าข้าจะมาถึงแท่นสูงนี่ก่อน เชิญนายน้อยฝ่ายมารไปหาแท่นอื่นเถอะ”

นางยิ้มอ่อนและกล่าวอย่างไม่ไว้หน้าเฉินซิน

“โอ้ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แน่นอนว่าข้าก็จะไม่แย่งท่านจอมยุทธ์”

เฉินซินยิ้มอย่างสุภาพและกล่าวโดยไม่แสดงความรู้สึกโกรธเคืองใด ๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาหันหลังกลับและกวาดสายตามองไป เขาก็พบว่าแท่นสูงอื่น ๆ ล้วนมีผู้จับจองแล้ว ยกเว้นเพียงแต่แท่นที่ต่ำเตี้ยที่สุด และความไม่พอใจก็ฉายชัดขึ้นมาในแววตาของเขาเล็กน้อย

จากนั้นร่างของเขาพุ่งออกไปยังแท่นที่ต่ำที่สุดอย่างช้า ๆ ก่อนหยิบเตาหลอมอุปกรณ์ของตนออกมาอย่างไม่รีบร้อน

ในเมื่อฉินอวี้โม่และช่างหลอมคนอื่น ๆ จับจองแท่นสูงไล่ระดับลงมาเรื่อย ๆ เกือบทั้งหมด เฉินซินจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องไปประจำอยู่ในแท่นสูงที่เหลือเพียงแท่นเดียวซึ่งอยู่ในระดับต่ำที่สุด ทว่าเมื่อผู้อื่นเห็นเช่นนั้น พวกเขาก็อดรู้สึกชื่นใจไม่ได้

สมาชิกฝ่ายมารก็แสดงสีหน้าโกรธเคืองขึ้นมาทันที การที่นายน้อยของพวกเขาต้องอยู่ต่ำกว่าผู้อื่นเช่นนี้เป็นสิ่งที่พวกเขายอมรับไม่ได้อย่างแท้จริง

“ผู้อาวุโสลั่ว ไม่ต้องกังวลไป ระดับความสูงของแท่นไม่ได้เป็นตัวชี้วัดผลลัพธ์ของการแข่งขันนี้”

ว่านเจียง—ผู้นำคณะยอดฝีมือจากนครหมื่นอสูรในครานี้กระซิบกับหัวหน้ากลุ่มของฝ่ายมารที่อยู่ไม่ไกลและน้ำเสียงของเขาแอบแฝงไปด้วยการประจบประแจง

“อืม ก็จริงอย่างที่ท่านว่า ใช่ว่าผู้ที่อยู่สูงที่สุดจะเป็นผู้ชนะ”

ผู้อาวุโสลั่วจากฝ่ายมารระงับโทสะในใจและกระซิบเบา ๆ “เป็นอย่างไร ทุกอย่างพร้อมรึไม่ ?”

“ฮ่า ๆ ๆ แน่นอนว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ผู้อาวุโสลั่ว…ไม่ต้องห่วง หากนายน้อยพ่ายแพ้ไป พวกเราจะลงมือกันทันที ครานี้พวกคนสารเลวเหล่านี้จะต้องเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่อย่างแน่นอน !”

ว่านเจียงกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ พวกเขาเตรียมการทุกอย่างไว้แล้วและรอเพียงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น

“เยี่ยมมาก !”

ผู้อาวุโสลั่วจากฝ่ายมารแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายและผู้ที่มองเห็นรอยยิ้มดังกล่าวต่างก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบไปตาม ๆ กัน

“เอ๊ะ นั่นมัน…”

ทันใดนั้น เสียงอุทานด้วยความตกใจก็ดังขึ้นดึงดูดความสนใจของทุกคน และเมื่อมองตามไปก็พบว่าเฉินซินบนแท่นที่ต่ำที่สุดได้หยิบเตาหลอมที่เหมือนทำมาจากหยกใสออกมา

“นั่นมันเตาหลอมหยกตะวัน ! เตาหลอมหยกตะวันจัดว่าเป็นเตาหลอมอันดับหนึ่งซึ่งสามารถเพิ่มอัตราความสำเร็จในการหลอมอุปกรณ์และช่วยให้ผสมผสานเข้ากับเปลวเพลิงได้ดียิ่งขึ้น ดูเหมือนว่าครั้งนี้เฉินซินจะเตรียมตัวมาพร้อมทีเดียว !”

ใครคนหนึ่งกล่าวชื่อ ‘เตาหลอมหยกตะวัน’ ออกไปพร้อมขมวดคิ้วเบา ๆ และความมั่นใจที่เคยมีก่อนหน้านี้ก็ลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว จากมุมมองในตอนนี้ ด้วยฝีมือที่ยอดเยี่ยมของเฉินซิน กอปรกับเตาหลอมชั้นดีเช่นนี้ ความหวังของฉินอวี้โม่ในการเอาชนะก็ถือว่าลดน้อยลงในทันที

“เหอะ อยากเห็นนักว่าพวกเจ้าจะทำอะไรได้ !”

เมื่อเห็นเตาหลอมหยกตะวันที่นายน้อยของตนหยิบออกมา ผู้อาวุโสลั่วก็แค่นเสียงเย็นชาขณะใบหน้าแสดงถึงความพึงพอใจอย่างชัดเจน นี่คือเตาหลอมที่ดีที่สุดที่ฝ่ายมารจัดหามาเพื่อช่วยให้นายน้อยของพวกเขาได้แสดงฝีมือการหลอมอย่างเต็มที่

“จอมยุทธ์ฉินอวี้โม่ ในเมื่อวางท่าโอหังนักก็หยิบเตาหลอมออกมาสิ !”

ผู้อาวุโสลั่วมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตายั่วยุอย่างไม่ปิดบัง ในเมื่อฝ่ายของตนมีเตาหลอมอันดับหนึ่งอยู่เช่นนี้ เขาจึงอยากรู้นักว่าฉินอวี้โม่จะนำเตาหลอมอะไรออกมา

“เหอะ พวกเจ้าไม่รู้สึกเลยรึว่าการใช้เตาหลอมเช่นนี้มันล้าหลังเกินไปแล้ว ?”

ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะเบา ๆ และแววตาแสดงความเยาะเย้ยอย่างชัดเจน จากนั้นกลิ่นอายเยือกเย็นดุจน้ำแข็งก็แผ่ออกมาก่อนก่อตัวกลายเป็นเตาหลอมกลางอากาศที่ดูเหมือนทำมาจากน้ำแข็งเยือกเย็น

เมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏขึ้นมา ทุกคนก็ตกตะลึงจนตาค้างอีกครั้ง…

.