ตอนที่ 127-2 สามีภรรยาพิลึกพิลั่นที่ต่อสู้ห้ำหั่นซึ่งกันและกัน

จำนนรักชายาตัวร้าย

ตลอดทางอวี้เฟยเยียนได้ซักถามเสิ่นถูเลี่ยมากมายในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเมืองอู๋โยว

 

 

สำหรับคำถามของนาง เสิ่นถูเลี่ยก็ตอบทุกอย่างโดยไม่มีปิดบังหมกเม็ด ซึ่งในบางครั้งซย่าโหวฉิงเทียนที่อยู่ข้างๆก็มักจะเสริมในสิ่งที่เขารู้ให้ด้วย

 

 

คราวนี้ทำเอาเสิ่นถูเลี่ยข้องใจยิ่งนัก

 

 

ทั้งๆที่ซย่าโหวฉิงเทียนคุ้นเคยกับเมืองอู๋โยวเป็นอย่างดี คิดว่าเขาน่าจะเป็นชาวอู๋โยวที่เกิดและเติบโตที่อยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ แล้วเหตุใดเสิ่นถูกเลี่ยถึงไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของเขามาก่อนเลย?

 

 

ตรงกันข้ามกับอวี้เฟยเยียนที่เป็นเจ้าหนูน้อยร้อยคำถามเกี่ยวกับอู๋โยวตัวจริง

 

 

สามีภรรยาคู่นี้แปลกประหลาดจริงๆ!

 

 

หรือว่าซย่าโหวฉิงเทียนไปหลอกเมียคนนี้มาจากต่างถิ่น?

 

 

แต่ทว่า ความสงสัยใคร่รู้นี้ เสิ่นถูเลี่ยได้แต่เก็บเอาไว้ในใจโดยที่ไม่ได้เอ่ยถามออกมา เพราะอย่างไรเสียก็ถือว่าเป็นเรื่องภายในของพวกเขา ดังนั้นเขาจึงไม่สะดวกที่จะซักถาม

 

 

แต่หากเทียบกับเรื่องพวกนี้แล้ว เรื่องที่สิ่นถูเลี่ยสนใจมากกว่านั่นก็คือวรยุทธ์ของคนทั้งสอง

 

 

พวกเขารีบเร่งเดินทางในตอนกลางวัน ตกกลางคืนก็พักผ่อน

 

 

พูดถึงพักผ่อน แท้ที่จริงแล้วผัวเมียคู่นี้ก็มิได้นอนหลับพักผ่อนเอาแรงแต่อย่างใด แต่พักผ่อนของพวกเขาเป็นการหาสถานที่สงบสักแห่งเข้าต่อสู้ฝึกปรือฝีมือกับผู้อื่นต่างหาก

 

 

ทุกครั้งเป็นการต่อสู้อย่างแท้จริง!

 

 

และครั้งแรกที่ได้เห็นวิธีการฝึกวรยุทธ์ของซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนก็ทำให้เสิ่นถูกเลี่ยต้องตกใจจนสะดุ้งพรวด

 

 

แม่เจ้า นี่เขายังเรียกว่าสามีภรรยากันอยู่ไหมหนอ?

 

 

ราวกับศัตรูที่ไม่ตายกันไปข้างไม่เลิกราอย่างไรอย่างนั้น!

 

 

หรือว่าพวกเขาชื่นชอบรสชาติทั้งรักทั้งแค้นที่ดุเดือดเร่าร้อนเช่นนี้?

 

 

แตกต่างจากปกติธรรมดาไปหน่อยกระมัง!

 

 

“คุณชายใหญ่ ซย่าโหวฉิงเทียนมิได้ต้องการจะฆ่าแม่นางอวี้ใช่ไหม!”

 

 

อาหูแอบกระซิบกระซาบ เวลากลางวันเป็นสามีภรรยาที่รักกันหนักหนา แล้วเหตุใดตอนนี้กลับกลายเป็นคนละคน ราวกับมีปีศาจประทับร่างก็ไม่ปาน กลายร่างเป็นปีศาจร้ายที่กำลังบ้าคลั่งไปเสียแล้ว

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนจำกัดพลังของตนเองเอาไว้เพียงแค่จอมปราชญ์อาวุโส แล้วต่อสู้กับอวี้เฟยเยียนชนิดไม่มีออมมือแม้แต่น้อย

 

 

แววตาที่อ่อนโยนรักใคร่ภรรยาอย่างลึกซึ้งในตอนกลางวันของเขา กลายเป็นเย็นชาไร้ความรู้สึก

 

 

ซึ่งอวี้เฟยเยียนเองก็ทำราวกับซย่าโหวฉิงเทียนไม่ใช่สามีของตนอย่างไรอย่างนั้น ทุกกระบวนท่าที่ตอบโต้กลับมาหมายจะเอาชีวิตทุกครั้ง

 

 

อาหูไม่เคยได้พบได้เห็นการฝึกวรยุทธ์เช่นนี้มาก่อน น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!

 

 

เพียงชั่ววินาทีที่ไม่ทันระมัดระวัง ก็สามารถเอาชีวิตอีกฝ่ายได้ทันที!

 

 

นี่คงจะเป็นเหตุผลว่าเพราะอะไรพวกเขาถึงได้แข็งแกร่งกระมัง…

 

 

เสิ่นถูเลี่ยรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย

 

 

เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า การฝึกวรยุทธ์ก็สามารถเด็ดขาดดุดันได้มากถึงเพียงนี้

 

 

ครั้งเมื่อเห็นอวี้เฟยเยียนออกหมัดใส่ใบหน้าของซย่าโหวฉิงเทียนเทียนนั้น เขาถึงกับร้องเสียงหลง ‘หา’ ออกมาทีเดียว ยังดีที่ซย่าโหวฉิงเทียนหลบหลีกได้ทันท่วงที มิเช่นนั้นโดนหมัดนั้นจะเจ็บสักเพียงใดกันนะ!

 

 

หากว่ามีใครสักคนฝึกซ้อมเช่นนี้ให้กับเขาบ้างละก็ เขาก็คงจะสำเร็จถึงจอมจักรพรรดิอาวุโสไปตั้งนานแล้ว

 

 

ในตอนที่เสิ่นถูเลี่ยกำลังเจ็บปวดใจแทนตนเองอยู่นั้น ชายหนุ่มในชุดสีม่วงก็จับเท้าเปลือยเปล่าของอวี้เฟยเยียนขึ้นมา แล้วเหวี่ยงนางออกไปอีกทางอย่างแรง

 

 

พลั๊วะ!

 

 

ร่างของอวี้เฟยเยียนกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างจัง จนนางต้องร้องออกมาเบาๆด้วยความเจ็บ

 

 

หา!

 

 

เมื่อกลางวันเขายังเป็นทาสเมียอยู่เลยมิใช่หรือ?

 

 

ตอนนี้กลับกลายเป็นคนละคน ราวกับเป็นชายเลวที่เมื่อได้รักใหม่ จึงต้องการสังหารคนรักเก่าให้สิ้นซาก! นี่กำลังแสดงละครอยู่รึเปล่านะ?

 

 

“เว้ย นี่เจ้ารู้จักทะนุถนอมหญิงสาวกับเข้าบ้างไหมหา!” อวี้เฟยเยียนร้องขึ้นขณะที่นวดเอวของตัวเอง

 

 

เอวน้อยๆของนางถูกกระแทกจนจะขาดอยู่แล้ว!

 

 

ต้องโหดถึงเพียงนี้เชียว?

 

 

“ศัตรูจะไม่ปราณีต่อเจ้าเพียงเพราะเจ้าเป็นหญิงหรอกนะ! สาวสวยหากตกอยู่ในเงื้อมือของศัตรูละก็ จุดจบจะยิ่งน่าอนาถกว่าคนทั่วไปมากนัก! ภายหน้าหากเจ้าไม่อยากถูกหลบหลู่ย่ำยีเช่นนั้นละก็ จงตั้งใจฝึกฝนให้ดี!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนจ้องมองอวี้เฟยเยียน แล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

 

 

“ถ้าเจ้าทนรับการฝึกที่ยากบำลากนี้ไม่ไหว ก็อย่าไปเมืองเฮ่อเลยเสียดีกว่า!”

 

 

“ไม่!”

 

 

อวี้เฟยเยียนเองไหนเลยจะไม่รู้ว่า ในตอนนี้ตัวนางเองก็ต้องการๆฝึกฝนที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้น

 

 

หากว่าก่อนที่ไปถึงเมืองเฮ่อแล้วตัวนางยังไม่สำเร็จขั้นอีกละก็ ซย่าโหวฉิงเทียนก็จะยังต้องพะว้าพะวงมาคอยเป็นห่วงนาง ทำให้ไม่สามารถต่อสู้ได้อย่างเต็มที่ เช่นนั้นคงไม่ดีแน่!

 

 

นางจะไม่ยอมเป็นจุดอ่อนที่จะทำให้ศัตรูใช้มาบีบบังคับบงการซย่าโหวฉิงเทียนอย่างแน่นอน!

 

 

นางเกลียดการพ่ายแพ้ที่สุด!

 

 

นางจะต้องต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับซย่าโหวฉิงเทียน!

 

 

“เอาใหม่!”

 

 

อวี้เฟยเยียนหยิบแผ่นยาขึ้นมาแล้วเลิกชายเสื้อขึ้น ‘แผละ’ แปะแผ่นยานั้นลงที่บริเวณเอวน้อยๆของตนเอง หลังจากนั้นจึงโถมตัวเข้าต่อสู้กับซย่าโหวฉิงเทียนต่อ

 

 

“คุณชายใหญ่ พวกเขาไม่ใช่คน จริงๆนะขอรับ!”

 

 

อาหูรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า คนทั้งสองภายใต้เงาจันทร์นี้เป็นตัวประหลาด!

 

 

เป็นคู่ประหลาดด้วยซ้ำ!

 

 

ทว่า เสิ่นถูเลี่ยกลับมิได้ใส่ใจฟังในสิ่งที่อาหูกล่าวมาเลยแม้แต่น้อย

 

 

สมองของเขาหยุดชะงักอยู่ที่ภาพเมื่อครู่ ที่อวี้เฟยเยียนแปะแผ่นยาลงไปที่เอวน้อยๆที่เต็มไปด้วยรอยเขียวช้ำของนาง

 

 

อวี้เฟยเยียนผิวพรรณขาวผ่อง บาดแผลฟกช้ำดวงเบ่อเร่อขนาดนั้น คิดแล้วก็ให้เจ็บปวดแทน!

 

 

แม่เจ้า!

 

 

เสิ่นถูเลี่ยผุดลุกยืนขึ้น คายหญ้าจิ้งจอกเขียวในปากทิ้งไป

 

 

แม่นางน้อยที่บอบบางกำลังมุ่งมานะพยายามฝึกซ้อมโดยไม่หวั่นไหวต่อความเจ็บปวดใดๆถึงเพียงนี้ แล้วเขาจะยังเอาแต่มายืนมองด้วยความเกียจคร้านอยู่ตรงนี้ไปถึงเมื่อไหร่กัน

 

 

ก้าวไปข้างหน้า เสิ่นถูเลี่ย!

 

 

“ซย่าโหว เสี่ยวอวี้ ข้ามาแล้ว!”

 

 

เสิ่นถูเลี่ยไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาแทรกตัวเข้าไประหว่างคนทั้งสอง ทำให้การต่อสู้ที่เดิมทีเป็นเพียงชายหนึ่งหญิงหนึ่ง กลายเป็นการต่อสู้แบบผสมไป

 

 

อาหูที่ยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้า ฉับพลันก็รู้สับสนขึ้นมา

 

 

คุณชายใหญ่ เป็นบ้าไปแล้ว?

 

 

ผัวเมียคู่นี้เป็นพวกบ้าคลั่ง หรือว่าคุณชายใหญ่ก็ได้รับเชื้อไปด้วย?

 

 

จวบจนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้น เสิ่นถูเลี่ยเหน็ดเหนื่อยเสียจนนอนราบหมดแรงอยู่ที่พื้น ไขข้อทั้งร่างกำลังสั่นเทาอย่างหยุดไม่ได้ ร่างทั้งร่างไร้สิ้นเรี่ยวแรง

 

 

แต่ทว่า ใบหน้าที่ชุ่มเหงื่อของเขากลับประดับเอาไว้ด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ

 

 

ดีจังเลย! ไม่เคยรู้สึกสนุกเท่านี้มาก่อนะเลย!

 

 

เสิ่นถูเลี่ยนอนแผ่หลาเป็นตัวอักษร ‘ใหญ่’ อยู่บนพื้น โดยไม่สนใจว่าที่พื้นจะเต็มไปด้วยฝุ่นดินมากมายเพียงใด และไม่มีเค้าของความเป็นคุณชายใหญ่แห่งตระกูลใหญ่เลยแม้แต่นิดเดียว

 

 

“อาหู รีบนวดคลายความเหนื่อยล้าให้กับคุณชายของเจ้าเร็วเข้า!”

 

 

อวี้เฟยเยียนแม้จะเหน็ดเหนื่อยจนเหงื่อท่วมร่าง แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะโยนขวดยาสีน้ำเงินเข้มให้กับอาหู

 

 

“ใช้ยานี่ทาในตำแหน่งข้อต่อให้ทั่วร่าง แล้วใช้แรงบีบนวดเข้าจนกว่ายาจะถูกดูดซึมและร่างกายร้อนระอุขึ้นถึงจะพอได้”

 

 

อวี้เฟยเยียนหายใจออกอย่างหมดเรี่ยวแรง แล้วซุกตัวเข้าหาอ้อมอกของซย่าโหวฉิงเทียนราวกับแมวน้อยเข้าอู่อย่างไรอย่างนั้น

 

 

“คุณชายใหญ่…”

 

 

อาหูถือขวดยาเอาไว้ในมือ แล้วมองไปที่เสิ่นถูเลี่ยด้วยอาการลังเล ด้วยไม่รู้ว่ายานี่มีส่วนประกอบอะไรบ้าง ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าจะผลีผลามใช้มันในทันที!

 

 

หากว่าคุณชายใหญ่เป็นอะไรขึ้นมา แล้วเขาจะทำอย่างไร?

 

 

“ทามันให้ข้าเร็วเข้า! มันไม่มีทางเป็นยาพิษอย่างแน่นอน!”

 

 

เสิ่นถูเลี่ยไหนเลยจะไม่ล่วงรู้ถึงความกังวลใจของอาหู แต่เขาเชื่อใจอวี้เฟยเยียนและซย่าโหวฉิงเทียน ซึ่งก็ไม่มีเหตุผลอื่นใด นอกเสียจากว่าพวกเขาคือเพื่อนของเขา

 

 

“หากว่า…”

 

 

อาหูยังคงกังวลใจ

 

 

วันที่ตระกูลทั้งแปดจะล้างไพ่จัดลำดับใหม่อีกครั้งใกล้เข้ามา และเสิ่นถูเลี่ยในฐานะที่เป็นความหวังของตระกูลเสิ่นถู จะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด

 

 

“ไม่มีถ้าหากใดๆ ทั้งนั้น! ทำตามที่เสี่ยวอวี้บอก!”