ส่วนที่ 4 ตอนที่ 234 เหตุสุดวิสัย

ความลับแห่งจินเหลียน

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น” เหล่าหลี่เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้าก็รีบจ้ำอ้าวเดินเข้ามาสลายวง และพูดกับเด็กหนุ่มคนนั้นว่า “เสี่ยวซื่อ แกหาเรื่องอีกแล้ว!”

 

 

“ผม…แค่อยากคำนับคุณซีเหมินเป็นอาจารย์!” เสี่ยวซื่อที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นรีบพูดขึ้น ขณะนั้นก็มองซีเหมินจินเหลียน “คุณซีเหมิน ผมตั้งใจอยากจะเรียนรู้การเดิมพันหินจริงๆ นะครับ คุณได้โปรดรับผม…เป็นศิษย์เถอะ…”

 

 

“ไม่ได้ค่ะ ฉันไม่รับศิษย์จริงๆ คุณลุกขึ้นมาพูดกันเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด “และที่นี่ก็มีอาจารย์เดิมพันหินตั้งเยอะแยะ คุณ…ลองไปคำนับอาจารย์คนอื่นจะดีกว่า!”

 

 

ที่เธอพูดเป็นความจริง หากเดินตามรอยอาจารย์คนอื่นคงได้เรียนรู้อะไรได้บ้าง แต่ถ้าเจริญตามรอยเธอเท่ากับว่าไม่มีอนาคตให้เลือก นอกจากความสามารถในการมองทะลุผ่าน ให้เธอเดิมพันหินมันก็เท่ากับว่าตายไปเก้ามีชีวิตรอดแค่หนึ่ง

 

 

“คุณซีเหมิน คุณดูสิครับ…” เหล่าหลี่สีหน้าลำบากใจ “เด็กคนนี้มีแววตามุ่งมั่น ทำไมคุณถึงไม่รับเขามาอบรมสักหน่อยล่ะครับ?”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเหล่าหลี่พูดแบบนั้น ก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ สถานที่อย่างเจียหยาง มีคนที่เดิมพันหินแพ้ตั้งมากมาย เพราะอาชีพเดิมพันหินพูดแต่เรื่องเดิมพันชนะ ไม่เคยพูดถึงแพ้เดิมพัน คนที่เดิมพันแพ้ใครจะไปรู้ว่าทรัพย์สินในครอบครัวเป็นอย่างไรบ้าง อีกทั้งเธอก็ไม่สามารถเอาคนที่ไม่รู้จักที่มาที่ไปมาไว้ข้างกายได้

 

 

 “ขอโทษค่ะ แต่ฉันต้องไปแล้ว” ซีเหมินจินเหลียนพูดและไม่สนใจเด็กหนุ่มชื่อเสี่ยวซื่อคนนั้นอีก ได้แค่ทักทายกับเหล่าหลี่และจากไป

 

 

เด็กหนุ่มเสี่ยวซื่อร้อนใจ เพราะว่าเขานั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกและจับแข้งจับขาซีเหมินจินเหลียนไม่ยอมปล่อย ทำให้จ่านป๋ายที่ยืนอยู่ทางนี้ใบหน้าเปลี่ยนสี เจียหยวนฮวาเดินเข้ามาพอดีเห็นแล้วจึงโกรธจัด “นี่จะเกินไปแล้ว!”

 

 

เด็กหนุ่มเสี่ยวซื่อถูกเจียหยวนฮวาตะคอกเสียงใส่ เหมือนรู้ว่าการกระทำของตัวเองนั้นไม่เหมาะสม เรื่องที่เขาอยากคำนับอาจารย์ก็อีกเรื่อง อายุของเขาบางทีอาจจะมากกว่าซีเหมินจินเหลียนด้วยซ้ำ ชายหนุ่มที่เที่ยวลากแข้งลากขาเด็กผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงาน นี่มันก็เกินไปแล้ว

 

 

“คุณซีเหมิน…ขอร้องล่ะครับ ไม่ว่าจะลำบากแสนเข็ญหรือเหนื่อยยากขนาดไหน ผมยินดีที่จะเรียนรู้!” บนศีรษะของเด็กหนุ่มเสี่ยวซื่อมีเหงื่อไหลย้อยออกมา

 

 

หลายวันมานี้เขาได้ยินคนอื่นพูดถึงเจ้าหญิงหยกมาตลอด ความสามารถในการเดิมพันหินของเธอเรียกได้ว่าเหมือนหนังสือเล่มหนึ่ง อีกทั้งยังได้ยินมาว่าเพียงแค่ครึ่งปีสั้นๆ แต่เธอก็สะสมเงินทองได้มหาศาล อีกทั้งซื้อบริษัทจิวเวอรี่หนึ่งแห่ง จนถึงตอนนี้ยังไม่เคยพ่ายแพ้แก่ใคร

 

 

เขาเลยยิ่งสนใจในตัวเธอ หากอนาคตมีโอกาสได้เจอเจ้าหญิงหยกท่านนี้ จะต้องขอร้องให้เธอรับตนเป็นศิษย์ให้ได้และเรียนรู้เรื่องการเดิมพันหิน ขอแค่ตนได้เรียนจากเธอแค่สิบเปอร์เซ็น มันก็เพียงพอกับชีวิตนี้แล้ว

 

 

“คุณลุกขึ้นมาก่อนเถอะ ศิษย์สำนักใต้ของพวกเรา ไม่ใช่แค่คำนับแล้วจะได้เป็น!” เจียหยวนฮวาพูด “ตั้งแต่อายุสิบเจ็ดฉันก็เดินตามอยู่ข้างกายอาจารย์ หลายปีมานี้แม้จะเรียนรู้ได้เพียงแค่ผิวหิน แต่อาจารย์ก็ยังคิดว่าฉันโง่เง่า ยืนกรานไม่ยอมรับฉันเป็นศิษย์อยู่ดี…” พูดเพียงเท่านี้ คนที่มีฉายาว่าราชานักเดิมพันหยกอย่างเจียหยวนฮวาก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา

 

 

“ผู้อาวุโสเจีย เรื่องที่ท่านพูดเป็นเรื่องจริงเหรอครับ?” เด็กหนุ่มเสี่ยวซื่อได้ยินแล้วไม่เพียงแต่ส่งสายตาโง่เขลา เรียนมาทั้งชีวิตได้แค่ผิวหินอย่างนั้นหรือ?

 

 

อวิ๋นเจียที่เงียบอยู่ตลอดนั้น จู่ๆ ก็ยิ้มเหยาะชอบพอ ซีเหมินจินเหลียนยิ่งทำตัวไม่ถูก

 

 

จ่านป๋ายเห็นอวิ๋นเจีย จู่ๆ ใจก็เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้รีบไปกระซิบข้างหูของซีเหมินจินเหลียน ซีเหมินจินเหลียนได้ฟังแล้วกลอกตาขาวใส่เขา ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด!” พูดจบและรีบเดินออกจากกลุ่มคนเพื่อเดินไปข้างนอก

 

 

จ่านป๋ายยิ้มและปัดมือไปมา พูดขึ้นว่า “ผมก็ช่วยคุณไม่ได้หรอก” พูดจบเขารีบสอยเท้าเดินตามไป

 

 

เด็กหนุ่มเสี่ยวซื่อหุนหันพันแล่น เขารีบวิ่งตามไปสองสามก้าวใหญ่ เห็นซีเหมินจินเหลียนยืนอยู่หน้ารถที่เช่ามา ก่อนจะรีบเดินไปขวางหน้าและช่วยซีเหมินจินเหลียนเปิดประตู “คุณซีเหมิน ผมไปหาคุณที่โรงแรมได้ไหมครับ”

 

 

“ไม่ต้องหรอกค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูด “ฉันไม่รับศิษย์!”

 

 

เจียหยวนฮวากลัวว่าซีเหมินจินเหลียนจะลำบากใจ และหากเด็กหนุ่มเสี่ยวซื่อคนนี้ทำอะไรผิดแปลกขึ้นมา จนจ่านป๋ายโกรธเข้า ผลคงไม่อาจคาดเดาได้ เพราะผู้ชายที่อยู่รอบกายของซีเหมินจินเหลียน ไม่มีใครที่จะยอมให้เข้ามายุ่งด้วยง่ายๆ

 

 

“เสี่ยวซื่อใช่ไหม?” เจียหยวนฮวารีบลากเสี่ยวสื่อมาและขมวดคิ้ว “อยากจะหาอาจารย์หรือ”

 

 

เสี่ยวซื่อพยักหน้าหงึกหงัก “พ่อของผมก็ตายในอาชีพนี้ ความหวังเดียวในชีวิตนี้ของผมก็คือเรียนรู้การเดิมพันหิน ไม่ต้องพูดถึงร่ำรวยในคืนหนึ่ง แต่อย่างน้อย…” พูดถึงเท่านี้ เขาก็ถอนหายใจบางเบามองไปยังซีเหมินจินเหลียนที่อยู่ในรถ จิตใจของเธอแน่วแน่ อยากจะเกลี้ยกล่อมให้เธอรับตนเป็นศิษย์คงไม่ใช่เรื่องง่าย

 

 

หากวันนี้เสียโอกาส วันหน้าอยากจะเจอหน้าก็ยิ่งยากกว่าเก่า

 

 

“สำนักใต้ของพวกเราเวลารับศิษย์มีกฎตั้งมากมาย ท่าทางคิดอะไรไม่รอบคอบอย่างคุณก็ไม่มีทางหรอก!” เจียหยวนฮวายิ้มฝืน “ผมว่าคุณอย่าไปตามตื้อคุณซีเหมินเลย หากอยากได้อาจารย์จริงก็ควรหาโอกาสไปอธิบายกับเธอเป็นการส่วนตัวให้ชัดเจน อย่ามาทำตัวเกาะแข้งเกาะขาแบบนี้ มันก็เป็นการสร้างความอึดอัดใจให้กับเธอไม่ใช่เหรอ?”

 

 

“ครับๆ ต้องขอให้ผู้อาวุโสเจียช่วยชี้แนะแนวทางสว่างด้วยครับ!” เสี่ยวซื่อร้อนรนพูดขึ้น เขาได้ยินจากปากคนอื่นว่าเจียหยวนฮวามีฉายาเป็นถึงราชานักเดิมพันหยก แต่วันนี้ฟังจากปากที่เขาพูดเองแล้ว ถึงเขาจะเป็นอย่างนี้แต่ก็ได้เรียนแค่ผิวหิน ไม่ถึงขั้นให้อาจารย์รับเขาเข้าสำนักได้ เห็นได้ชัดว่าเจียหยวนฮวากับซีเหมินจินเหลียนมาจากสำนักเดียวกัน

 

 

ที่แตกต่างก็คือซีเหมินจินเหลียนเป็นศิษย์ที่ได้รับการถ่ายทอด ส่วนเจียหยวนฮวาไม่ใช่!

 

 

ในเมื่อเป็นอย่างนี้ก็ยิ่งทำให้เสี่ยวซื่อแน่วแน่ในการคำนับอาจารย์

 

 

จ่านป๋ายสตาร์ทรถแล้วและรีบบึ่งออกไปจากโกดังของเหล่าหลี่ทันที เมื่อเห็นซีเหมินจินเหลียนกำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่จึงรีบถามว่า “คุณโกรธจริงๆ หรือครับ”

 

 

“ทำไมคุณถึงคิดเรื่องแบบนี้ออกมาได้?” ซีเหมินจินเหลียนเหอะเสียงใส่อย่างดุดัน

 

 

 “ผมคิดดูแล้ว ถ้าคุณยินยอม เขาก็น่าจะยินดี!” จ่านป๋ายพูด

 

 

“คุณกล้าพูดอีกรอบสิ รอกลับไปที่บ้านฉันจะใช้กฎบ้านจัดการคุณ!” ซีเหมินจินเหลียนแค่นเสียงใส่ด้วยสีหน้าไม่พอใจ

 

 

“ผมก็แค่สงสัย สงสัยเท่านั้นเอง…” สายตาเห็นว่าซีเหมินจินเหลียนโกรธ แต่จ่านป๋ายก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก ขับรถทำตัวสงบเสงี่ยม

 

 

เมื่อกลับมาถึงโรงแรมแล้ว ซีเหมินจินเหลียนก็หยิบกุญแจห้องเปิดประตู แต่ห้องข้างๆ กลับเปิดประตูออกมาก่อน สวี่อี้หรานโผล่หัวออกมาจากในห้องและยิ้มพร้อมพูดว่า “จินเหลียน คุณกลับมาแล้วเหรอ”

 

 

“ฉันเหนื่อยเหลือเกิน ถ้าไม่มีเรื่องอะไรพวกคุณไม่ต้องมารบกวนฉันนะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด

 

 

และคำว่าพวกคุณ แน่นอนว่าต้องรวมถึงจ่านป๋ายด้วย สวี่อี้หรานมองไปทางจ่านป๋าย เห็นซีเหมินจินเหลียนเข้าไปในห้องและปิดประตูสะบัดอย่างแรง ตอนนั้นเองเขาจึงถามว่า “พวกคุณทะเลาะกันเหรอ? ทำไมสีหน้าเธอแย่แบบนั้นล่ะ”

 

 

“ไม่ได้ทะเลาะกันสักหน่อย เพียงแต่…” จ่านป๋ายยิ้มฝืน “ผมแค่พูดประโยคที่ไม่สมควรจะพูดออกไปก็แค่นั้น”

 

 

“คุณพูดว่าอะไร” สวี่อี้หรานสีหน้าเหมือนเด็กน้อยขี้สงสัย

 

 

“ทำไมผมต้องบอกคุณด้วยล่ะ?” จ่านป๋ายตั้งใจถาม

 

 

“ช่างเถอะ ไม่พูดก็อย่าลีลา” สวี่อี้หรานแค่นเสียงใส่ “คุณคิดว่าผมอยากจะรู้ขนาดนั้นเลยเหรอ? ผมแค่อยากให้พวกคุณทะเลาะกันต่างหาก!”

 

 

“คุณนี่มันชอบมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นจริงๆ เลยนะ” จ่านป๋ายแค่นเสียงใส่

 

 

“ผมเห็นหน้าคุณผมก็โกรธแล้ว!” สวี่อี้หรานชี้ไปที่จมูกของจ่านป๋ายพร้อมเหอะเสียงใส่ดุเดือด

 

 

 จ่านป๋ายกำมัดแน่นพยายามกลั้นไว้ “ช่างเถอะ ผมไม่หาเรื่องหมอมองโกลอย่างคุณหรอก!” พูดจบเขาก็ทำท่าจะเดินตามซีเหมินจินเหลียนเข้าไปในห้อง แต่ถูกสวี่อี้หรานขวางทางเอาไว้ก่อน

 

 

“คุณจะทำอะไร? ผมเตือนเอาไว้เลยนะ อย่าให้มันมากเกินไปนัก” นิสัยดีงามของจ่านป๋ายถูกเขาทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี

 

 

“คุณซีเหมินบอกว่าอยากจะนอน คุณไม่ได้ยินหรือไง? ห้องของคุณอยู่ทางนู้น!” สวี่อี้หรานชี้ไปที่ห้องข้างๆ

 

 

“ไม่เกี่ยวกับคุณ!” จ่านป๋ายพูดจบก็พยายามเอื้อมมือไปเปิดประตู

 

 

สวี่อี้หรานกำลังจะพูดอะไรออกมา แต่ได้ยินซีเหมินจินเหลียนร้องตะโกนโหวกเหวกอยู่ข้างในว่า “จ่านป๋าย…เสี่ยวป๋าย…”

 

 

“จินเหลียน…” จ่านป๋ายตกใจจนรีบผลักสวี่อี้หรานออกไป เอื้อมมือไปเปิดประตูวิ่งเข้าไปข้างในอย่างร้อนรน สวี่อี้หรานเองก็รีบวิ่งตามเข้าไปด้านในเช่นกัน

 

 

“จินเหลียน เกิดอะไรขึ้นครับ” จ่านป๋ายมองใบหน้าซีดขาวของซีเหมินจินเหลียน ยืนอยู่ในห้องรับแขกและคอยจ้องมองไปทางห้องนอนข้างใน ด้วยสีหน้าและกลิ่นอายแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก

 

 

“เสี่ยวป๋าย…” ซีเหมินจินเหลียนเห็นจ่านป๋าย ในที่สุดความหวาดกลัวก็สงบลง ใบหน้าหลงเหลือแต่ความขุ่นแค้น

 

 

“จินเหลียน…คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?” สวี่อี้หรานขมวดคิ้วพูด “สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย!”

 

 

“พวกคุณเข้าไปดูเถอะ!” ซีเหมินจินเหลียนเห็นพวกเขาทั้งสองคนถึงได้ผ่อนลมหายใจออกมาและชี้ไปในห้อง

 

 

สวี่อี้หรานและจ่านป๋ายก็งุนงงเช่นกัน ทางด้านสวี่อี้หรานรู้สึกสงสัยมาก เขาจึงรีบเดินเข้าไปดูในห้องนอน จากนั้นมองคนที่อยู่ในห้องนอนอย่างสับสน บวกกับห้องนอนที่กระจัดกระจาย…

 

 

“คุณตำรวจเลี่ยวผู้ยิ่งใหญ่ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” สวี่อี้หรานจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเอง เห็นกระเป๋าของซีเหมินจินเหลียนถูกรื้อค้นกระจัดกระจายไปหมด ความโกรธก็พลุ่งพล่านระเบิดออกมาจากใจ         “คุณเป็นถึงตำรวจอาชญากรรม แต่คุณกลับบุกเข้ามาในห้องส่วนตัวของผู้หญิง และมารื้อข้าวของของเธอเนี่ยนะ?”

 

 

“เลี่ยวก่วง?” จ่านป๋ายเห็นเลี่ยวก่วงเดินออกมาจากในห้อง เพียงแต่สีหน้าของเลี่ยวก่วงดูไม่สู้ดีนัก เห็นได้ชัดว่าเขาคำนวณเวลามาอย่างดิบดีว่าซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายไม่น่าจะกลับมาเร็ว อย่างน้อยต้องใช้เวลาสักสองสามชั่วโมง แต่ทำไมเธอถึงกลับมาเวลานี้ล่ะ? การประมูลหินของเถ้าแก่หลี่ยังไม่จบไม่ใช่เหรอ?

 

 

“ผมมาเพื่อทำคดี ต้องอธิบายให้พวกคุณฟังด้วยเหรอ?” ขณะที่เลี่ยวก่วงพูดประโยคนี้ แม้ว่าเขาจะขาดความมั่นใจ แต่ตำรวจอาชญากรรมอย่างเขาก็มีหน้าที่พิเศษติดตัวมากับตำแหน่งนี้

 

 

“คุณไม่ต้องอธิบายเรื่องอะไรให้ใครฟังทั้งนั้น!” นี่เป็นครั้งแรกที่ในดวงตาของซีเหมินจินเหลียนทำให้คนรู้สึกถึงความเย็นชาและหนาวเหน็บ

 

 

“คุณเลี่ยว ถ้าวันนี้คุณไม่มีคำอธิบายให้พวกเรา เกรงว่าคุณต้องลำบากแล้ว!” จ่านป๋ายพูดเยือกเย็น

 

 

“ทำไม? จะกล่าวหาผมว่าค้นห้องคุณซีเหมินอย่างผิดกฎหมายเหรอ?” เลี่ยวก่วงพูดจาหน้าตาย “ได้สิ พวกคุณไปฟ้องเลย!” ตอนแรกคิดว่าจะค่อยๆ สืบหาคดีนี้ แต่ตอนนี้เขารอไม่ไหวแล้ว ถ้าหาจุดอ่อนของซีเหมินจินเหลียนไม่ได้ คดีนี้ก็ไม่มีทางสืบได้ต่อ!

 

 

เพราะอย่างนี้เขาถึงได้ไม่มีทางเลือก ได้แต่ตัดสินใจแบบนี้ คำนวณเวลาให้ดีและแอบย่องเข้ามาในห้องของซีเหมินจินเหลียนเพื่อหาข้อมูล ผลสุดท้ายซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายกลับมาก่อนและจับเขาได้คาหนังคาเขา