TB:บทที่ 239 วิหาร

 

“ท่านเทพ เมืองใต้ดินมีพื้นที่กว่าสามพันหกร้อยกิโลเมตร และมีคนของคุนหลุนอาศัยอยู่หลายล้านคน เมืองทั้งเมืองอยู่ภายใต้การป้องกันของกำแพงเหล็ก” เขาเห็นเฉินหลงมองเมืองใต้ดินแล้ว เฮยจุ่ยจึงแนะนำให้เขาฟังสั้นๆ

เฉินหลงพยักหน้า

จากนั้น เฉินหลงและคนอีกคนจึงเข้าไปในเมืองใต้ดินพร้อมกับเฮยจุ่ย

เนื่องจากเฉินหลงซ่อนในผ้าขนาดใหญ่ จึงไม่มีใครรู้ว่าได้มีเทพเข้าไปในเมืองใต้ดินแล้ว

 

ดูเหมือนว่าเฮยจุ่ยจะมีฐานะยิ่งใหญ่ในเมืองนี้ จึงเป็นเรื่องไม่ยากเลยที่จะพาเฉินหลงและไป๋ไท่ฮางเข้าไปยังบ้านของเจ้าเมือง

เจ้าเมืองใต้ดินเป็นยักษ์สีดำเหมือนกัน ทว่าเขาแก่กว่าเฮยจุ่ยนิดหน่อย เขาสวมเกราะเป็นประกาย ดูแล้วช่างสง่างาม

เมื่อได้เห็นเฮยเตีย เฉินหลงจึงทักทายก่อนที่เขาจะกล้าที่จะลังเล ไป๋ไท่ฮางต้องการจะกล่าวอะไรออกมา ทว่าเฉินหลงได้ห้ามเอาไว้ กล่าวได้ว่าเจ้าเมืองของเมืองใหญ่ทั้งหนึ่งร้อยแปดเมืองนั้น คนที่มีตำแหน่งสูงมาตลอดหลายปีนี้ ในตอนนี้คงเป็นเรื่องไม่แปลกหากจะรู้สึกไม่แน่ใจเมื่อจู่ๆเทพก็โผล่มาหา

แต่อย่างไรเสีย คงจะต่างออกไปหากมีใครรู้สึกไม่แน่ใจกับการที่เขาทักทายหลังจากที่ได้เคารพกับท่านเทพแล้ว

“ลุกขึ้น” เฉินหลงมีท่าทีสบายๆ

“ท่านเทพ ข้าได้ฟังน้องชายของข้าที่บอกว่าท่านพบแร่เหล็กในภูเขาทั้งแสนลูกแล้ว ในตอนนี้ท่านมีแผนการใดหรือไม่” เมื่อเฮยเตียได้กล่าวมาหมดแล้ว เฉินหลงจึงกล่าวไป

แท้จริงแล้วเฮยจุ่ยเป็นน้องชายของเจ้าเมือง นี่เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดจริงๆ

“ข้า (อยู่ในโลกนี้ขอเปลี่ยนคำเฉินหลงเป็นข้า เพื่อความกลมกลืน)​มาที่นี่เพื่อจะพูดคุยกับท่านเจ้าเมืองเฮยเตียว่าจะขุดเหมืองพวกแร่นี้อย่างไร เพราะท้ายที่สุดแล้วเรายังเหลืออีกเพียงสองปีก่อนที่ฝูงสัตว์เล็กจะมา และอีกเพียงยี่สิบปีก่อนสัตว์ใหญ่จะมา หากเราไม่ทำการเตรียมการล่วงหน้า “คนคุนหลุน” จะต้องสูญเสียไปเป็นจำนวนมากแน่ๆ” เฉินหลงว่าไปง่ายๆ

 

“ท่านเทพ มีสัตว์ป่าอยู่ในเขาทุกลูกในภูเขาหนึ่งแสนลูก คงเป็นเรื่องยากหากจะขุดเหมือง มีเพียงแต่ต้องกำจัดพวกสัตว์ให้สิ้นซากหากเราจะทำเมืองได้เต็มประสิทธิภาพ ข้าว่าเราควรรายงานเรื่องนี้ให้กับเจ้าวิหารได้ทราบก่อน” เฮยเตียกล่าวอย่างจริงจัง

 

วิหารศิกดิ์สิทธิในตอนนี้ช่างมีพลังที่แข็งแกร่งในอาณาจักรคุนหลุน แม้ว่าพวกเมืองใหญ่ๆนี่จะบริหารด้วยตนเอง ทว่าบารมีของวิหารศักดิ์สิทธิทำให้เจ้าเมืองเกรงกลัวความศักดิ์สิทธิของวิหารอย่างแท้จริง เขาเกรงกลัวว่าหากเหตุการณ์ที่ใหญ่มากๆแล้วเขาจะรับมือได้ไม่เหมาะสม และเขาจะโดนถอดถอนออกจากชื่อแห่งเจ้าเมือง ดังนั้นแล้วคงจะดีกว่าหากจะรายงานเรื่องนี้ไปก่อน

 

“เป็นเรื่องที่ถูกที่จะรายงานกับวิหารศักดิ์สิทธิก่อน แต่อย่างไรเสีย ข้าจะบอกว่าสัตว์ป่าในภูเขาที่มีแหล่งแร่อยู่นั้นได้โดนข้ากำจัดไปหมดจนสิ้นซากแล้ว ท่านส่งคนไปขุดเหมืองและรายงานวิหารได้ในเวลาเดียวกันเลยจะได้ไม่ต้องเสียเวลา อีกอย่างหนึ่ง ข้ายังพบด้วยว่ามีแร่ที่เรียกว่า “เหมืองถ่าน” อุณหภูมิสูงสุดที่แร่นี้จะหลอมได้นั้นสูงกว่าไม้เหล็กกล้าแน่นอน หากว่าใช้แร่นี้แทนไม้เหล็กแล้ว จะเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีได้” เฉินหลงพยักหน้าและกล่าวอะไรบางอย่างเกี่ยวกับถ่านหิน

 

“ถ่านหินหรือ คือแร่สีดำใช่ไหม” เมื่อเขาได้ยินเฉินหลงกล่าวถึงถ่านหินแล้ว เฮยจุ่ยอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างและรู้สึกตื่นเต้น

เขาไม่คาดหวังว่าความน่าประหลาดใจของเฉินหลงจะเป็นเช่นนี้ นี่ช่างน่าประหลาดใจมากจริงๆ

เฉินหลงมองเฮยจุ่ยด้วยสายตาแปลกๆ เขาไม่ได้คาดหวังว่าคนคนนี้จะรู้เรื่องเกี่ยวกับเหมืองถ่าน เขาจึงควรจะทำได้ดีกว่านี้ “ใช่แล้ว ชื่อของที่นั้นคือเหมืองถ่าน”

สิ้นคำ เฉินหลงหยิบถ่านออกมาจากวงแหวนมิติ

“พี่ชาย ท่านจำแร่ประหลาดที่ข้าเล่าไปครั้งก่อนได้หรือไม่ นี่คือแร่ชนิดนั้น อุณหภูมิหลอมละลายของแร่นี้สูงกว่าเหล็กกล้ากว่าสามเท่า หากการขุดเหมืองใช้ถ่านเพื่อทำเหล็กแล้ว ผลคงจะดีกว่ามาก” เฮยจุ่ยมองถ่านหินในมือเฉินหลงอย่างตื่นเต้น

 

“อุปกรณ์ช่องมิติ เขามีอุปกรณ์ช่องมิติด้วย” และเขาได้ฆ่าสัตว์ทั้งเขาได้ด้วยตัวคนเดียว เขามีพลังถึงระดับสิบแล้วหรือไม่ เพราะพลังของเขาเองอยู่ในระดับเจ็ด เขาจะไปทำลายสัตว์พวกนั้นบนเขาหมดได้ด้วยตัวเองได้อย่างไร

เฮยเตียครุ่นคิดครู่หนึ่งและตกลง วิหารไม่อาจจะมาต่อว่าเขาได้และไม่อาจจะต่อว่าเฉินหลงได้เช่นกัน เนื่องจากเฉินหลงเป็น ท่านเทพ จู่ๆได้ปรากฏตัว ท่าทีของวิหารจึงไม่แน่นอน ทว่าพวกเขาไม่ได้ส่งคนมาเชิญท่านเทพไปยังวิหาร และไม่ได้กล่าวว่าเฉินหลงเป็นเทพปลอมเช่นกัน ดังนั้นแล้วเฮยเตียไม่กล้าจะต่อรองเฉินหลงได้ง่ายๆ

หลังจากนั้น มีรถลากสีทองหลายสิบคันส่งออกไปจากเมืองใต้ดินไปสู่ภูเขาแสนลูก พร้อมกับเฉินหลงและไป๋ไท่ฮางพร้อมด้วยเฮยจุ่ย ในตอนนั้นเองที่มีข้อความจากวิหารส่งมาทางช่องทางพิเศษ

รถเข็นสีทองเหล่านั้นเป็นรถบรรทุกพิเศษที่มีความสูงกว่าสิบเมตรและกว้างร้อยเมตร ชื่อของรถเข็นนี้ได้มาจากพื้นผิวที่เคลือบด้วยเลือดสีทองจาก “สัตว์สีทอง”

เลือดสีทองแบบนี้มีพลังพิเศษที่จะป้องกันสนิมและการกัดกร่อนได้

สิ่งที่ลากรถลากมาคือสัตว์ประหลาดที่ชื่อว่า “สัตว์เยเบล” ที่รู้ร่างเหมือนยูนิคอร์นทว่าตัวใหญ่กว่าหลายเท่า

สัตว์ประหลาดนี้มีชื่อว่า “สัตว์เยเบล” มันมีระดับพลังเพียงระดับห้าทว่ากลับแข็งแกร่งอย่างมาก มันสามารถลากเครื่องมือที่หนักกว่าน้ำหนักมันเป็นร้อยเท่าได้ อีกทั้งพวกมันยังว่องไวมากอีกด้วย

เนื่องจากธรรมชาติที่อ่อนโยนของพวกมัน คนของคุนหลุนจึงทำให้พวกมันเชื่องได้เพื่อใช้ลากจูงสินค้า

 

ในขณะที่เฉินหลงกำลังเดินทางไปยังเขาแสนลูกอยู่นั้น ข่าวคราวได้ไปถึงวิหารแปลกประหลาดในอาณาจักรคุนหลุน

ในเวลาต่อมาข่าวคราวได้ไปถึงมือของคนสิบสองคนที่มีขนาดตัวเท่ากับเฉินหลง

พวกเขาทั้งหมดมีพลังระดับ “ปรมาจารย์แห่งดวงดาว”

“ท่านเทพเจ้า คำทำนายถูกต้อง ชายคนนั้นกำลังมา” หนึ่งในนักบุญเฮยว่า

“เราจะเชิญเขามาที่วิหารไหม” นักบุญพระเจ้าเฮยอีกคนกล่าว

“ไม่ใช่ในตอนนี้ ท่านเทพเจ้าได้กล่าวว่าพลังของเขามากถึงระดับหลอมรวมธรรมชาติแล้ว และเขาจะยังสามารถนำพาเขามาได้ด้วย” นักบุญไป่ตอบ

“แต่หากว่าเขาอยู่ในอันตรายล่ะ เขาเป็นทายาทที่พระเจ้าได้แต่งตั้ง พวกเราไม่อาจเสี่ยงอันตรายได้”

“หลังจากนี้ส่งนักบุญรุ่นเยาว์มาสองคนเพื่อคุ้มกันเขาเงียบๆ ผู้สืบทอดที่แต่งตั้งโดยพระเจ้าจะต้องไม่ตายไปง่ายๆ” หนึ่งในนักบุญว่า คนที่ผิวของเขาแทบเป็นสีเหลือง “ให้เมืองใต้ดินเฮยเตียตอบรับมา แล้วให้พวกเขารับใช้เทพเฉินหลงอย่างเต็มที่”

เมื่อนักบุญได้กล่าวจบไปแล้ว คนอื่นอีกสิบเอ็ดคนไม่ได้กล่าวอะไร

จากนั้นนักบุญรุ่นเยาว์สองคนได้ออกจากวิหารไป

ในทันทีที่นักบุญรุ่นเยาว์สองคนออกจากวิหารไปแล้ว พวกเขายังอยู่ในท่าทีสูงส่ง แต่อย่างไรเสียพลังของพวกเขามีมากพอจะบินขึ้นไปในอากาศ หลังจากที่พวกเขาหาทิศทางได้ พวกเขารีบพุ่งไปในทางที่เฉินหลงอยู่

สามวันต่อมา ขบวนรถลากได้ไปถึงเขาหนึ่งแสนลูก

ภายใต้คำสั่งของเฉินหลงกองทัพขุดเหมืองได้เริ่มเดินทำไปยัง “เขามด”

เขาแต่ละลูกนั้นไม่มีชื่อ ทว่าเพื่อที่จะให้จดจำได้ เฉินหลงจึงตั้งชื่อเขานี้ว่า “เขามด” ที่ตอนนี้เป็นของเขาแล้ว ในท้ายที่สุด เขาทั้งหมดนั้นก็เคยเป็นของ “มดสีทอง”