ตอนที่ 708 จดจำฝังใจ (5) โดย Ink Stone_Romance

ที่จับเก้าอี้เข็นในมือเย่เซียวราวกับจะถูกเขาบีบให้แหลกสลาย เส้นเลือดหลังมือปูดโปนเผยให้รู้ถึงอารมณ์ที่กดทับของเขาในตอนนี้

นี่ก็คือไฟเรนเซ่

จับจุดอ่อนสำคัญของคนได้ดีเสมอ

แค่ยกมือก็บีบคอคนอื่นให้หมดหนทางเลือก!

 “งั้นผมจะตั้งตาคอยของขวัญที่พ่อจะให้ผมในวันหมั้นแล้วกัน” สุดท้ายเย่เซียวพูดแค่ประโยคออกมา

ไฟเรนเซ่แหงนหน้าระเบิดเสียงหัวเราะ “คฤหาสน์เราจะมีงานมงคลแล้ว!”

…………………………

รอไป๋ซู่เย่ฟื้นมาช้าๆ ทุกคนในครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า ทั้งคุณท่าน คุณหญิงไป๋หรือแม้แต่บุคคลที่งานยุ่งเสมอต้นเสมอปลายอย่างท่านประธานาธิบดี

พอเห็นเธอฟื้นมาคุณหญิงไป๋กลั้นน้ำตา คุณท่านตำหนิด้วยใบหน้าบึ้งตึง “เป็นผู้หญิงแต่ดื่มเหล้าจนเมาแอ๋ เหมาะสมไหม? แล้วยังดื่มจนหมดสติไป ถ้าไม่มีไป๋หลางคอยดูแกอยู่ แกคิดว่าแกจะตกอยู่ในอันตรายขนาดไหน!”

 “พอแล้วคุณ ลูกสาวเพิ่งตื่น คุณน้อยๆ หน่อยได้ไหม?”

 “ทำไมถึงมากันหมดล่ะ?” ไป๋ซู่เย่กุมหน้าผากที่เจ็บหน่อยๆ ลุกนั่งบนเตียงคนไข้ ไป๋เย่ฉิงเอาหมอนพิงสอดหลังให้เธอ “ยี่เฉินบอกว่าเมื่อวานเธอถูกส่งเข้าโรงพยาบาล เราเลยมาดูสักหน่อย”

 “ไม่เป็นไร เมื่อวานวันเกิดดื่มเยอะไปหน่อย”

 “ไม่มีเรื่องอะไรแล้วจะดื่มจนหมดสติได้ยังไง? คุณหมอฟู่บอกแล้วว่าช่วงนี้ลูกต้องพึ่งยานอนหลับถึงจะนอนได้ จริงไหม? ซู่ซู่ ลูกเป็นอะไรกันแน่ เกิดอะไรขึ้นกับลูกหรือเปล่า?” คุณหญิงไป๋ยิ่งถามยิ่งเป็นห่วง เรื่องเมื่อสิบปีก่อนยังคงติดตามาถึงทุกวันนี้ เธอไม่อยากให้ลูกสาวตัวเองต้องเสี่ยงตายอีกรอบแล้ว

 “แม่คะ แม่อย่าตื่นตูมไปเอง หนูไม่เป็นไร แค่กินยานอนหลับเพราะช่วงนี้กดดันเรื่องงานเกินไป พอผ่านช่วงนี้ไปก็ไม่มีอะไรแล้ว”

คุณหญิงไป๋ยังไม่ไว้ใจเท่าไรเลยถามย้ำอีกหลายครั้งแต่ไป๋ซู่เย่ไม่ยอมพูดอะไร แค่ให้ไป๋หลางส่งบุพการีกลับไปเสีย

ไป๋เย่ฉิงนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ข้างเตียง สายตาเรียบขรึมจ้องมองเธอไม่ปริปากเอ่ยพักใหญ่

ไป๋ซู่เย่ถูกสายตาเขาจ้องมองจนรู้สึกผิดในใจ มุ่นคิ้ว “แกคิดจะจ้องฉันไปถึงเมื่อไหร่?”

ไป๋เย่ฉิงทำหน้าจริงจังกว่าเดิม อยู่ๆ ก็กล่าว “…ไปหาจิตแพทย์เถอะ”

เธอชะงักงัน

จากนั้นยิ้มขมขื่นที “กลัวฉันเป็นโรคซึมเศร้าอีกเหรอ?”

 “…” ไป๋เย่ฉิงไม่ได้ตอบกลับทันควัน แค่ใช้สายตาฉายแววปวดใจมองเธออยู่ครู่ใหญ่ถึงพูดเสียงเรียบ “ความเจ็บปวดที่รักไม่สมหวัง ฉันเคยผ่านมันมาเหมือนเธอ แต่ฉันกับซิงเฉินอย่างน้อยก็ได้จับมือกันเผชิญหน้ามันด้วยกัน แต่เธอกับเขา…ฉันรู้ หัวใจของเธอต้องเจ็บปวดและทรมานมากกว่าฉันกับซิงเฉินร้อยเท่าพันเท่า…”

คำพูดของเขาได้ทิ่มแทงใจของเธอทำให้ขอบตาเธอเริ่มแดงระเรื่อโดยไม่รู้ตัว“เย่ฉิง แกว่ามีจิตแพทย์ที่สะกดจิตได้จริงๆ ช่วยปิดผนึกความทรงจำของคนบ้างไหม?”

 “ก็ต้องดูความตั้งใจของแต่ละคน เธอ…” ไป๋เย่ฉิงส่ายศีรษะ “จากความตั้งใจของเธอ อยากปิดผนึกความทรงจำของเธอนั้นแทบเป็นไปไม่ได้”

 “นั่นสิ…” ไป๋ซู่เย่มองต้นไม้ใหญ่โล้นนอกหน้าต่าง “ถ้าผนึกความทรงจำได้จริงๆ สิบปีก่อนก็น่าจะผนึกได้แล้ว จะรอมาถึงทุกวันนี้ได้ยังไง?”

ยิ่งไปกว่านั้น…

เธอจะยอมให้ปิดผนึกความทรงจำเหล่านั้นได้ที่ไหนกัน?

หากไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเขาเหล่านี้จริงๆ ก็เท่ากับเธอสูญเสียโลกไปทั้งใบ…

 “ฉันจะนัดจิตแพทย์ให้เธอไว้ ไม่ว่ายังไงก็ลองไปปรึกษาจิตแพทย์ดูเป็นไง?” ไป๋เย่ฉิงมองเธอแล้วถามความคิดเห็น ความจริงหากจะว่าถามความคิดเห็นแต่ต่อให้เธอไม่ยอมตกลงเขาก็จะพาเธอไปหาหมอให้ได้อยู่ดี

 “ได้ ฉันไปแน่ๆ”

ไป๋เย่ฉิงงานยุ่งมาก รับโทรศัพท์ก็ต้องรีบกลับไปก่อน ไป๋ซู่เย่นวดหัวคิ้วไปมาจู่ๆ นึกบางอย่างได้ก็แทบหยิบโทรศัพท์ตรงหัวเตียงมา

แต่ไม่ว่าเธอจะกดอย่างไรโทรศัพท์ก็ไม่สามารถเปิดเครื่องได้อีก

น่าจะเป็นเพราะตนเผลอโยนโทรศัพท์ตกเสียตอนเมาเมื่อวาน

เพียงแต่จำได้ลางๆ ว่าเมื่อคืนเธอได้กดโทรออกไปยังเบอร์หมายเลขที่จดจำได้ดี ห้วงความคิดหนึ่งคล้ายได้ยินเสียงเขาด้วย…

นั่นเป็นภาพลวงตาหลังเธอเมาหรือเป็นความจริง? เบอร์นั่นยังโทรติดจริงๆ ยังตามหาเขาได้อีกหรือ?

เบอร์นั่นเป็นเบอร์เฉพาะสำหรับเธอมาตั้งแต่สิบปีก่อน…

เขาเคยบอกเธอว่าไม่ว่าเมื่อไรหากคิดถึงเขาก็โทรหาเขาเบอร์นี้ได้เสมอ

ดังนั้น เขาจะยังเก็บโทรศัพท์เครื่องนั้นไว้จนถึงทุกวันนี้หรือเปล่า?

คิดถึงเรื่องนี้หัวใจไป๋ซู่เย่ก็สั่นไหว เธออยากลองโทรดูจริงๆ ว่าจะโทรติดจริงๆ หรือไม่ แต่โทรศัพท์ตัวเองดันใช้งานไม่ได้

 “คุณไป๋ตื่นแล้วเหรอ” ขณะนั้นเองพยาบาลก็เปิดประตูเข้ามา

ไป๋ซู่เย่แทบกล่าวทันที “ขอยืมโทรศัพท์คุณหน่อยได้ไหม?”

 “โทรศัพท์ของฉัน?”

 “อืม ฉันอยากขอยืมโทรหน่อย”

 “อ้อ ได้อยู่แล้ว” อีกฝ่ายรีบล้วงโทรศัพท์ให้เธอ ไป๋ซู่เย่แทบจะกดหมายเลขข้างหน้าด้วยความไวแสง แต่พอถึงท้ายๆ กลับช้าลงเรื่อยๆ

ถ้าโทรติดจริงๆ เธอควรทำอย่างไร? ถามเขาว่าทำไมยังไม่หยุดใช้เบอร์นี้หรือ?

ถ้าโทรไม่ติดล่ะ? โทรไม่ติดก็แปลว่าสิ่งที่เธอคิดทั้งหมดในตอนนี้เป็นเพียงความคิดเข้าข้างตัวเอง…

 “คุณไป๋?” พยาบาลเห็นเธอกำโทรศัพท์ไม่มีท่าทีจะขยับตัวต่อจึงอดเรียกไม่ได้ “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”

เธอหลุดจากภวังค์พลางส่ายศีรษะน้อยๆ สุดท้าย…

คล้ายตัดสินใจเด็ดขาดไม่สนอะไรอีก กดโทรเบอร์นั้นโดยเธอกำโทรศัพท์ด้วยความตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกตื่นเต้นจนหัวใจแทบหลุดจากอก…

แต่ทางนั้นกลับมีเสียงเย็นยะเยือกตอบกลับเธอ “ขออภัยค่ะ หมายเลขที่คุณเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ…”

เธอฟังเสียงจากระบบนิ่ง เจ้าตัวเงียบ เดิมทีคิดว่าตัวเองไม่ได้ตั้งความหวังใดๆ แต่หัวใจที่ดำดิ่งลงกลับชัดเจนเสียขนาดนั้น…

จู่ๆ ก็รู้สึกว่าความคิดจินตนาการของตัวเองนั้นน่าขำเหลือเกิน…

นั่นสิ สิบปีแล้วนี่นา ทั้งที่วันนั้นที่ภูเขามู่เจี้ยเย่เซียวจบความสัมพันธ์กับเธอชัดเจนแล้ว อีกทั้งตอนนี้เขาใกล้จะแต่งงานแล้ว เขาจะเก็บเบอร์โทรที่เป็นสำหรับเธอโดยเฉพาะไว้ได้อย่างไรอีก?

นั่นมันไม่มีความหมายเลยไม่ใช่หรือ?

 “คุณไป๋ สีหน้าคุณดูแย่มาก ให้คุณหมอฟู่เข้ามาดูอาการให้คุณไหมคะ?” พยาบาลเห็นใบหน้าเล็กของเธอซีดเซียว ถามอย่างไม่ไว้วางใจ

 “ไม่ต้องหรอก ขอบคุณที่ให้ยืมโทรศัพท์” ไป๋ซู่เย่ส่งโทรศัพท์คืนอีกฝ่าย ขณะนั้นเองประตูห้องพักก็ถูกไป๋หลางผลักเข้ามาอย่างเร่งรีบ “รัฐมนตรี เย่เซียวนี่ชักจะรังแกกันเกินไปแล้ว!”

ได้ยินชื่อนั่น หัวใจของไป๋ซู่เย่ยังไม่อาจสงบลงได้ แต่บนใบหน้ากลับถามเรียบๆ“ทำไมอีก?”

 “บัตรเชิญ!” ไป๋หลางยื่นซองบัตรเชิญสีแดงหนึ่งให้เธอด้วยอารมณ์ที่เดือดพล่านดังเดิม “เขานี่มันเก่งจริงๆ ที่มาเชิญคนระดับสูงในกระทรวงความมั่นคงเราไปร่วมงานหมั้นของเขา หนึ่งในนั้นรวมถึงคุณด้วย!”

……………………………