ตอนที่ 2675 การเปลี่ยนแปลงของเวลาในทวีปด้านตะวันออก

หลังจากไวท์เฟเธอร์พูดจบ บรรยากาศที่หนักหน่วงภายในห้องประชุมก็ยิ่งหนักขึ้น ครู่หนึ่ง มันรู้สึกราวกับว่าเวลาในห้องนั้นได้หยุดลง ขณะที่ทั้งห้องเงียบลงอย่างสุดจะพรรณนา

“พวกเขาแพ้ ? ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาทั้งหมดถูกฆ่า ? เป็นไปได้ยังไง ?!”

หลังจากที่โคลท์ชาโด้วหายตกตะลึง เธอก็รู้สึกว่าไวท์เฟเธอร์กำลังล้อเล่นกับเธอ ไม่งั้นมันก็จะต้องมีข้อผิดพลาดอย่างใดอย่างหนึ่งในข้อมูลที่รายงานมาแน่นอน

กองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint และมือแห่งนักบุญล้มเหลวในการเข้าทำลายเมืองปีกสีเงิน มันก็จัดว่าเป็นข่าวที่ไม่น่าเชื่อมากแล้ว

อย่างไรก็ตามตอนนี้เธอกับได้รับแจ้งมาว่าไม่เพียงแต่กองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint และมือแห่งนักบุญจะประสบกับความพ่ายแพ้ แต่สภาสิบแปดปีกยังสามารถทำลายล้างพวกเขาได้ทั้งหมดด้วย เธอนั้นจะเชื่อมากกว่านี้ด้วยซ้ำ หากเป็นข่าวที่สภาสิบแปดปีกทำลายมหาอำนาจกลุ่มหนึ่งในทันที แต่กับเรื่องนี้มันดูไร้สาระมาก ….

เพราะท้ายที่สุดแล้ว มันมีกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint มากกว่าสี่ล้านตัวที่เดินทางไปโจมตีเมืองปีกสีเงิน ยิ่งไปกว่านั้นมอนสเตอร์ที่อ่อนแอที่สุดในกองทัพก็ยังเป็นลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่อย่าง Faux Saint Saboteurs ซึ่งแม้แต่ทีมหกคนของผู้เชี่ยวชาญขั้นสามก็ยังต้องใช้เวลาประมาณสิบนาทีเพื่อฆ่าพวกมันสักตัว

แม้ว่ามอนสเตอร์ Faux Saint ทั้งหมดจะหยุดนิ่ง และปล่อยให้ผู้เล่นของเมืองปีกสีเงินระดมโจมตีพวกมันได้อย่างอิสระ แต่มันก็ยังคงจะต้องใช้เวลานานมากกว่าที่ผู้เล่นจะทำลายล้างกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ลงได้ทั้งหมด

ในขณะเดียวกัน เวลามันก็ผ่านมาอย่างมากที่สุดสองชั่วโมงเท่านั้น นับตั้งแต่ที่กองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint เข้าประชิดเมืองปีกสีเงิน แล้วสภาสิบแปดปีกจะทำลายล้างกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ลงในระยะเวลาอันสั้นแค่นี้ได้ยังไง ?

นอกเหนือจากมอนสเตอร์ Faux Saint ที่เป็นลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่แล้ว ในกองทัพยังประกอบไปด้วย Faux Saint Destroyers ซึ่งเป็นมอนสเตอร์ระดับแกรนลอร์ดมากกว่าหนึ่งแสนตัวที่จะหนีจากการต่อสู้ทันที เมื่อ HP ของพวกมันลดลงจนถึงระดับหนึ่ง และด้วยจำนวนของ Faux Saint Destroyers ที่กระจายตัวกันหลบหนี ผู้เล่นในเมืองปีกสีเงินก็ไม่ควรจะสามารถตามล่าและฆ่าได้ครบทุกตัว แม้ว่าพวกเขาจะมีจำนวนมากกว่านี้อีกสิบเท่าก็ตาม

อย่างไรก็ตามไวท์เฟเธอร์ และตัวแทนต่างๆในปัจจุบันต่างก็เผยรอยยิ้มอันขมขื่นที่เต็มไปด้วยการเยาะเย้ยตัวเองออกมา เมื่อได้ยินคำถามของโคลท์ชาโด้ว

พวกเขาทุกคนล้วนปราถนาอย่างยิ่งว่าข้อมูลที่ลูกน้องของพวกเขาจะส่งมาจะผิด หรือเป็นเท็จ อย่างไรก็ตามรายงานที่พวกเขาได้รับนั้นไม่ได้มีเพียงแต่คำพูดเท่านั้น แต่มันยังมีรูปภาพและวีดีโอประกอบมาอีกมากมายด้วย ในความเป็นจริงรายงานนี้มันละเอียดมากจนพวกเขาอดสงสัยไม่ได้เลยว่าพวกเขากำลังฝันอยู่

โดยปกติในข้อความที่ถูกส่งต่อมาอย่างเร่งด่วน ลูกน้องของพวกเขาจะส่งข้อความพร้อมกับข้อมูลมาเพียงไม่กี่ย่อหน้าเท่านั้น อย่างไรก็ตามตอนนี้ลูกน้องของพวกเขากับทำตัวเหมือนกับเด็กหนุ่มที่ขยันขันแข็งที่พึ่งเริ่มงานใหม่ๆ และแค่วีดีโอที่ส่งมามันก็มีจำนวนมากกว่าหนึ่งโหลแล้ว และมันมีแม้แต่ข้อความบรรยายประกอบใต้วีดีโอแต่ละวีดีโอด้วย ซึ่งมันราวกับว่าลูกน้องของพวกเขากลัวว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถึงทำมาละเอียดแบบนี้

ในการจะตอบคำถามของโคลท์ชาโด้ว ไวท์เฟเธอร์ไม่ได้เลือกที่จะเสียเวลาอธิบายโดยเปล่าประโยชน์ เธอได้เลือกจะส่งข้อมูลทั้งหมดที่ลูกน้องของเธอส่งมาให้โคลท์ชาโด้วดูทันที

เมื่อโคลท์ชาโด้วดูทั้งหมดเรียบร้อย เธอก็เงียบลงและเต็มไปด้วยความตกตะลึง ปฎิกิริยาของเธอนั้นไม่ได้แตกต่างจากไวท์เฟเธอร์และคนอื่นๆมากนักเลย

วงเวทย์ป้องกันของเมืองที่มีพลังป้องกันน่ากลัวมากๆ !!!

องครักษ์ส่วนตัวมากกว่าสามร้อยคนที่สามารถเอาชนะมอนสเตอร์ Faux Saint ได้ !!!

ผู้พิทักษ์เมืองที่เป็น NPC ขั้นสี่สามารถทำให้ Faux Saint Devourers ทั้งแปดตัวบาดเจ็บสาหัสได้ในการโจมตีเดียว !!!

องครักษ์ส่วนตัว ขั้นสี่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญมากกว่าพันคนเคลื่อนไหวไม่ได้ และฆ่าพวกเขาในทันที !!!
ข้อมูลแต่ละชิ้นนั้นมันดูเกินจริง และแทบไม่น่าเชื่อเลย

ถ้าไม่ใช่เพราะโคลท์ชาโด้วมั่นใจว่ามือแห่งนักบุญมีเป้าหมายที่จะทำลายล้างสภาสิบแปดปีก และรู้ว่ากองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint นั้นเดินทัพไปเพื่อโจมตีเมืองปีกสีเงินจริงๆ เธอคงจะคิดว่ามือแห่งนักบุญนั้นร่วมมือกับสภาสิบแปดปีกเพื่อเล่นตลกกับเธอ

….

ในขณะเดียวกันนอกเหนือจากมหาอำนาจต่างๆที่เข้าร่วมในการพูดคุย และหารือเป็นพันธมิตรกับไมโทโลจี้แล้ว มหาอำนาจต่างๆทั่วทั้งทวีปด้านตะวันออกก็ตกอยู่ในความโกลาหลเช่นกัน

“นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของสภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ?!”

“มหัศจรรย์มาก !!! ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมแบล๊คเฟรมถึงไม่สนใจภัยคุกคามจากเธ้าซั่นอาย และเลือกจะฆ่าเขาทันทีไม่ว่าเขาจะขู่อะไร ด้วยความแข็งแกร่งเช่นนี้ ใครจะสามารถทำลายเมืองปีกสีเงินได้กัน ?”

“องครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่ ? ดูเหมือนว่าเวลาจะเปลี่ยนไปอีกแล้วในทวีปด้านตะวันออก”

….

มหาอำนาจต่างๆของ God domain ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ากองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint จะล้มเหลวในการทำลายเมืองปีกสีเงิน และประสบความพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถแบบนี้ อย่างไรก็ตามแทนที่จะตกตะลึงที่สุดกับความพ่ายแพ้ของกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint สิ่งที่สร้างความตกตะลึงมากที่สุดให้กับมหาอำนาจต่างๆก็คือ ความแข็งแกร่งของ NPC ขั้นสี่ ที่ผ่านมาพวกเขาตัดสินความแข็งแกร่งของ NPC ขั้นสี่ผิดไปมาก

ก่อนหน้านี้แม้ว่าพวกเขาจะหวาดกลัว NPC ขั้นสี่ แต่มันก็อยู่แค่ในระดับเดียวกันกับความหวาดกลัวต่อมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายที่แข็งแกร่งเท่านั้น

อย่างไรก็ตามปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญขั้นสามใน God domain กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจำนวนของสกิลกับเวทย์มนต์ที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามได้เรียนรู้ก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน แถมจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นผู้เล่นระดับผู้เชี่ยวชาญที่มีพลังเข้าใกล้กับมาตราฐานขั้นสี่จึงไม่ได้หายากเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป ในความเป็นจริง การฆ่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยเริ่มจะกลายเป็นเรื่องปกติใน God domain แล้ว

ดังนั้นมันจึงไม่มีใครรู้สึกหวาดกลัวต่อ NPC ขั้นสี่มากเท่าเดิมอีกต่อไป และพวกเขาก็คิดว่า NPC ขั้นสี่ไม่ได้มีอะไรพิเศษอีกต่อไป และโดยส่วนใหญ่แล้ว NPC ขั้นสี่ก็น่าจะแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งพวกเขาก็น่าจะมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้ขนาดเล็กได้ แต่ไม่น่าส่งผลกระทบมากมายในสงครามขนาดใหญ่

อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ดูการแสดงของเคร็ก มิดแลนด์ และแวร์ซายแล้ว มหาอำนาจต่างๆก็ตระหนักได้อย่างชัดเจนเลยว่าพวกเขาเข้าใจผิดไปอย่างมาก

นับประสาอะไรกับความสามารถในการเปลี่ยนแปลงภาพรวมของสงครามขนาดใหญ่ มันต้องพูดว่าทุกอย่างที่อยู่ต่ำกว่าขั้นสี่นั้นจะไม่ต่างจากมดปลวกเลยต่อหน้า NPC ขั้นสี่ เพราะพวกเขาแทบจะสามารถทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าได้ด้วยตัวเอง

ก่อนหน้านี้มหาอำนาจต่างๆในทวีปด้านตะวันออกต่างรู้สึกดีใจมากที่พวกเขาเริ่มมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าสภาสิบแปดปีก ในความเป็นจริงจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่พวกเขามีนั้นเพิ่มมากขึ้นจนองครักษ์ส่วนตัวขั้นสามส่วนใหญ่ก็ยังหยุดพวกเขาไม่ได้ นี่เป็นสาเหตุที่มหาอำนาจต่างๆเริ่มวางแผนโจมตีเมืองป่าหินอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามหลังจากได้เห็นการแสดงของเคร็ก มิดแลนด์ และแวร์ซายแล้ว มหาอำนาจต่างๆก็ตระหนักว่าความคิดของพวกเขานั้นมันน่าหัวเราะ

เหล่าผู้บัญชาการ และพวกผู้บริหารระดับสูงของสภาสิบแปดปีกหายตัวไป ? สภาสิบแปดปีกไม่แข็งแกร่งเหมือนเดิมอีกต่อไป ? สภาสิบแปดปีกเพียงแค่อาศัยบารมีเก่าเพื่อความอยู่รอด ? มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่มหาอำนาจต่างๆจะกลืนกินสภาสิบแปดปีกจนหมดสิ้น ? มันช่างเป็นเรื่องไร้สาระ ทุกข้อสันนิษฐานล้วนผิดไปไกล

….

ในขณะเดียวกันภายในโลกแห่งความมืด ความปั่นป่วนก็แผ่ขยายไปทั่วเช่นกัน เนื่องจากความพ่ายแพ้ของกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint

“มหัศจรรย์มากๆ !!! หลังจากเจอกับเหตุการณ์ระเบิดครั้งใหญ่แบบนี้ มหาอำนาจในโลกแห่งความมืดที่แอบดำเนินการอย่างลับๆจะต้องคิดใหม่หลายครั้ง หากจะทำอะไร !!!” บลูเรนโบว์กำหมัดของเธอด้วยความตื่นเต้น เมื่อเธอได้อ่านรายงานของลูกน้องของเธอ

ก่อนหน้านี้แม้ว่าดาร์ครัปโซดี้จะสามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากความร่วมมือกับสภาสิบแปดปีก แต่แรงกดดันที่มหาอำนาจต่างๆกระทำต่อดาร์ครัปโซดี้ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน เป็นผลให้การป้องกันประตูเทเลพอร์ตฝั่งโลกแห่งความมืดนั้นยากขึ้นเรื่อยๆ

เพื่อให้เรื่องแย่ลง เวิร์ลโดมิเนชั่นได้เพิ่มขอบเขตการปฎิบัติการอย่างกว้างขวางขึ้นมาอีกครั้ง แถมพวกเขายังใช้วิธีที่ไม่มีใครรู้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสมาชิกของตัวเองอย่างรวดเร็ว แถมเวิร์ลโดมิเนชั่นยังแอบเป็นพันธมิตรลับๆกับมหาอำนาจหลายกลุ่มในโลกแห่งความมืดเพื่อทำการซุ่มโจมตีดาร์ครัปโซดี้อย่างไม่หยุดหย่อน ซึ่งมันสร้างความเสียหายให้กับดาร์ครัปโซดี้อย่างมาก ด้วยเหตุนี้ไม่เพียงแต่อิทธิพลของดาร์ครัปโซดี้ในโลกแห่งความมืดจะไม่เพิ่มขึ้น แต่มันยังลดลงมากในแต่ละวัน

เมื่อเร็วๆนี้ข่าวลือต่างๆเกี่ยวกับการล่มสลายของสภาสิบแปดปีกในที่สุดก็ส่งผลกระทบต่อความคิดเห็นส่วนหนึ่งของพวกระดับสูงของดาร์ครัปโซดี้ และมันก็ทำให้กิลเริ่มแตกแยกกัน เพราะคนบางกลุ่มเริ่มคิดว่าการที่ดาร์ครัปโซดี้เป็นพันธมิตรกับสภาสิบแปดปีกมันไม่คุ้มค่าอีกต่อไป และให้กิลหันกลับมายืนข้างเวิร์ลโดมิเนชั่นแทน

อย่างไรก็ตามด้วยการปรากฎตัวของ NPC ขั้นสี่สองคนของสภาสิบแปดปีก ตอนนี้ใครกันจะกล้าต่อต้านการเป็นพันธมิตรกันของสภาสิบแปดปีกกับดาร์ครัปโซดี้ …

….

ในช่วงเวลาที่พันธมิตรต่างๆของสภาสิบแปดปีกกำลังชื่นชมยินดี สงครามที่เมืองปีกสีเงินก็ได้มาถึงช่วงสุดท้ายเช่นกัน หลังจากทำลายล้างกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint เรียบร้อย สมาชิกสภาสิบแปดปีกหลายพันคนก็กำลังช่วยเช็คและนับผลงานของผู้เล่นอิสระหลายคนที่มีส่วนร่วมในสงคราม

แม้ว่ามอนสเตอร์ Faux Saint จะไม่ได้ดรอปไอเทมใดๆ แต่พวกมันก็มอบ EXP ให้กับผู้เล่นจำนวนมากซึ่งมากกว่ามอนสเตอร์ในเลเวลและขั้นเดียวกันสามหรือสี่เท่า นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผู้เล่นหลายคนยังคงเลือกจะปฎิบัติการในดินแดนของมอนสเตอร์ Faux Saint แทนที่จะมุ่งหน้าไปที่สถานที่ที่ปลอดภัยกว่า

การปฎิบัติการภายในอาณาเขตของมอนสเตอร์ Faux Saint อาจจะเป็นอันตรายมาก แต่ด้วยค่า EXP ที่มอนสเตอร์พวกนี้มอบให้ ความเร็วในการเก็บเลเวลของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นจากการล่าในแผนที่ปกติสองถึงสามเท่า

หลังจากที่เมืองปีกสีเงินทำลายล้างกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ได้สำเร็จ โดยที่ไม่มีใครตาย EXP ที่ทุกคนได้รับก็พุ่งทะลุเพดานมากๆ สมาชิกสภาสิบแปดปีกที่เข้าร่วมในสงครามครั้งนี้มีเลเวลเพิ่มขึ้นกันคนละอย่างน้อยหนึ่งเลเวล ขณะที่สมาชิกที่มีเลเวลต่ำบางส่วนได้รับสองถึงสามเลเวลด้วยจากสงครามครั้งนี้ ความเร็วในการเก็บเลเวลของทุกคนนั้นมันเร็วจนน่ากลัวมากๆ

ในขณะเดียวกันชัยชนะของเมืองปีกสีเงินก็ได้ชักนำให้ผู้เล่นและทีมนักผจญภัยที่ปฎิบัติงานในเมืองกิลอื่นๆที่ถูกก่อตั้งขึ้นในจักรวรรดิออร์คล้วนเดินทางมายังเมืองปีกสีเงิน โดยที่ทุกคนล้วนต้องการจะมาพัฒนาที่เมืองนี้ ในความเป็นจริง มันมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหลายคนที่ต้องการจะเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกด้วยเช่นกัน สถานการณ์นี้ทำให้เมลานโครอิคสไมล์และยู่หลานมีความสุขมากๆ

ปัจจุบันสิ่งที่สภาสิบแปดปีกขาดมากที่สุดก็คือ ผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม เนื่องจากสภาสิบแปดปีกยังคงไม่มีสมาชิกกองกำลังหลัก และความจริงที่ว่าดันเจี้ยนเลเวลหนึ่งร้อยหรือมากกว่าส่วนใหญ่มีข้อกำหนดขั้นต่ำอยู่ที่ขั้นสาม สภาสิบแปดปีกจึงมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากๆในการจะรวบรวมวัสดุ อาวุธ และอุปกรณ์ ที่จำเป็นต่อกิลของพวกเขา

ในขณะที่ผู้เล่นของเมืองปีกสีเงินกำลังเฉลิมฉลองกับชัยชนะของพวกเขา ซือเฟิงก็เดินทางกลับไปที่สถานที่พักกิลสภาสิบแปดปีก เขาวางแผนที่จะล๊อคเอ้าท์ออกจากเกม และไปพักผ่อนบ้าง

ก่อนหน้านี้เนื่องจากเขาได้ฆ่า Faux Saint Devourers ไปอีกแปดตัว เขาจึงได้รับตราประทับวิญญาณมาอีกแปดดวง แม้ว่าตราประทับวิญญาณเหล่านี้จะไม่มีวงเวทย์วิญญาณเหมือนกับตราดวงก่อน แต่มันก็ทำให้สมองของเขาสดชื่น และกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมพิเศษ นี่ไม่ใช่เรื่องปกติของเขาอย่างแน่นอน เพราะได้ออนไลน์อยู่ในเกมติดกันมามากกว่าสิบวันแล้ว เขาจำเป็นจะต้องออกจากเกมไปเพื่อพักผ่อนและตรวจสอบร่างกาย

ในขณะที่รอให้กระบวนการล๊อคเอ้าท์สามสิบวินาทีเสร็จสมบูรณ์ ยู่หลานก็ได้โทรเข้ามาหาซือเฟิง

“หัวหน้ากิล ฟางฉีหานจากไมโทโลจี้ได้มาที่สำนักงานใหญ่หลักของเราอย่างกระทันหัน และคนของเราไม่สามารถห้ามเธอกับผู้ติดตามของเธอไม่ให้เข้ามาในอาคารได้เลย ขณะนี้พวกเขาอยู่ที่ล๊อบบี้หลัก และเธอบอกว่าเธอต้องการคุยกับคุณ เธอบอกว่ามันเกี่ยวข้องกับอนาคตของสภาสิบแปดปีก คุณต้องการพบกับเธอไหม ?” ยู่หลานถามอย่างกังวล

“หื้ม ?” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับคำพูดของยู่หลาน เขายิ้มและกล่าวต่อว่า “นี่น่าสนใจ ให้ใครสักคนพาพวกเขาไปที่ห้องรับรองชั้นบนสุด ฉันจะรีบตรงไปที่นั่นทันที”