ตอนที่ 1097 เพื่อนเก่าและศัตรู โดย Ink Stone_Fantasy
กระทั่งปรมาจารย์ด้านการแสดงออกไปแล้ว บารอฟจึงรีบเข้ามาพูดกับโรแลนด์ด้วยสีหน้าเสียดายว่า “ฝ่าบาท ทำไมพระองค์ถึงไม่รับปากคำขอของเขาไปล่ะพ่ะย่ะค่ะ? เขาเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของละครเวทีของเกรย์คาสเซิลเลยนะพ่ะย่ะค่ะ คณะละครอื่นๆ ต่างต้องการตัวเขากันแทบแย่! กระหม่อมไม่ได้หมายความว่าคณะละครสตาร์ฟลาวเวอร์ไม่ดี แต่ถ้าพูดกันถึงเรื่องชื่อเสียงแล้ว เลดี้เมย์ยังไม่อาจจะเทียบเขาได้จริงๆ ถ้าให้เคแกน เฟสเข้ามาอยู๋ในคณะละครสตาร์ฟลาวเวอร์ คณะละครสตาร์ฟลาวเวอร์ก็จะกลายเป็นคณะละครเวทีหมายเลขหนึ่งของอาณาจักรอย่างไม่ต้องสงสัยเลยพ่ะย่ะค่ะ! ต่อให้เขาไม่รู้เรื่องหนังเวทมนตร์ แต่ด้วยชื่อเสียงของเคเแกนก็สามารถดึงเอานักแสดงมาได้เป็นจำนวนมาก คณะละครก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องที่ว่าจะมีคนไม่พอเลยพ่ะย่ะค่ะ”
โรแลนด์กรอกตาใส่เขา “หรือเจ้าไม่เคยได้ยินคำพูดที่ว่าของที่ยิ่งได้มาง่ายมันก็ยิ่งไม่มีค่าเหรอ?”
“เอ่อ…” หัวหน้าสำนักบริหารงุนงง “ขอประทานอภัยที่กระหม่อมไม่รู้พ่ะย่ะค่ะ ไม่ทราบว่านี่เป็นคำพูดของใครหรือจากหนังสือเล่มไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“คำพูดของข้าเอง” โรแลนด์ทำเป็นพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “นี่คือธรรมชาติของมนุษย์ เข้าใจหรือเปล่า? เขาถูกหนังเวทมนตร์ดึงดูดเอาไว้แล้ว ไม่ว่าเราจะพูดอะไร เขาก็จะอยู่ที่เมืองเนเวอร์วินเทอร์ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ บททดสอบที่ยากหน่อยก็ย่อมต้องทำให้เขาจดจำได้ดีกว่าการรับปากเขาไปง่ายๆ แล้วก็อาจจะทำให้เขารู้สึกซึ้งใจกับโอกาสที่ข้ามอบให้กับเขาครั้งนี้ด้วย”
เขาชะงักไปเล็กน้อย “ยิ่งไปกว่านั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าเคแกน เมย์ก็ถือว่าเป็นเพียงแค่ลูกศิษย์ เมื่อมีอาจารย์ใหญ่ด้านการแสดงอยู่แบบนี้ คณะละครสตาร์ฟลาวเวอร์ยังจะเรียกสตาร์ฟลาเวอร์อยู่อีกเหรอ เรื่องที่จะให้ถ่ายหนังเวทมนตร์นั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เรื่องที่จะให้ไปอยู่ในคณะละครสตาร์ฟลาวเวอร์นั่นอย่าดีกว่า ถ้าเขาเข้าไปอยู่ในคณะ มันจะทำให้คนอื่นๆ พากันรู้สึกกดดันได้”
“พระองค์…ตรัสถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ” บารอฟลังเลเล็กน้อย “แต่ว่าเรื่องที่จะให้ไปวูล์ฟฮาร์ท…”
“ก็ไม่มีอะไรไม่ดีนี่” โรแลนด์พูดตัดบท “เขาเป็นคนตัดสินใจเอง ข้าเองก็อยากดูเหมือนกันว่าสุดท้ายแล้วเขาจะทำละครออกมาเป็นแบบไหน แต่จะว่าไปแล้ว เจ้ามีเวลามาห่วงคนอื่นแบบนี้ เรื่องที่ข้าให้เจ้าไปจัดการ เจ้าทำเสร็จเรียบร้อยแล้วเหรอ ยังไม่รีบไปทำอีก!”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท…กระหม่อมขอตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะ!” บารอฟรีบก้มหน้าทำความเคารพ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากโถงรับแขกไป
“พระองค์นับวันจะเหมือนราชาจริงๆ เข้าไปทุกทีแล้วนะเพคะ ฝ่าบาทวิมเบิลดัน” ไนติงเกลปรากฎตัวขึ้นที่ด้านหลัง ก่อนจะหรี่ตามองเขา
“ฮ่าๆๆๆ…ไม่หรอก” จู่ๆ โรแลนด์พลันรู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นมา เขาไม่ได้ยินอีกฝ่ายเรียกตัวเองด้วยคำพูดแบบนี้มานานมากแล้ว “ด้วยความสัมพันธ์ของพวกเรา เจ้าไม่จำเป็นต้องเรียกข้าซะเป็นทางการขนาดนั้นก็ได้….”
“แต่ทำไมหม่อมฉันรู้สึกว่าถ้าสนิทกันเกินไปมันจะไม่ค่อยดีล่ะเพคะ?” ไนติงเกลพูดพร้อมกอดอก “ ‘ของที่ยิ่งได้มาง่ายมันก็ยิ่งไม่มีค่า’ ที่แท้นี่คือความคิดของพระองค์เหรอเพคะ ดูเหมือนหม่อมฉันคงต้องระวังตัวไม่ให้ดีกับพระองค์เกินไปซะแล้ว นอกจากนี้หม่อมฉันยังต้องไปเตือนอันนาหน่อยแล้วว่าอย่าปล่อยให้ใครบางคนได้ใจนัก”
โรแลนด์รู้สึกหน้าผากมีเหงื่อซึมออกมา “เอ่อ คือ…อันนั้นมัน….เอาเป็นว่าคนก็ส่วนคน หนังเวทมนตร์มันก็ส่วนหนังเวทมนตร์ มันไม่เหมือนกันซักหน่อย! อีกอย่างคำพูดนี้ข้าก็ไม่ได้พูดเป็นคนแรก…”
“แต่พระองค์กลับเห็นด้วยอย่างมาก” ไนติงเกลส่งเสียงเหอะเบาๆ “พลังเวทมนตร์ที่อยู่ตรงหน้าอกบอกหม่อมฉันว่าอย่างน้อยก็ความน่าเชื่อถืออยู่ 55%”
ตอนนี้ความสามารถในการแยกแยะคำพูดโกหกสามารถแยกแยะได้ละเอียดขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย โรแลนด์เช็ดเหงื่อตรงหน้าผาก เดี๋ยวนะ…หน้าอก? อกาธาเหมือนจะเคยบอกว่าเขาว่าถึงแม้พลังเวทมนตร์จะมีรูปร่างเป็นเหมือนน้ำวนในตอนที่ทำการตรวจสอบ แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่รูปร่างของมันจริงๆ แล้วมันก็ไม่เคยรวมตัวกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนจริงๆ ด้วย หากแต่จะไหลเวียนไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย
“เมื่อกี้เจ้าใช้พลังจริงๆ เหรอ?” โรแลนด์ถามอย่างสงสัย
“พรืด” ไนติงเกลหัวเราะออกมา “ดูเหมือนพระองค์จะหลงกลหม่อมฉันแล้วนะเพคะ แต่คำพูดเมื่อกี้พระองค์ก็เป็นคนตรัสมันออกมาเองนะเพคะ ถ้าพี่น้องแม่มดคนอื่นมาได้ยินเข้า พวกนางจะมองว่าพระองค์มองพวกนางไม่มีค่าหรือเปล่านะ?”
“เครื่องดื่มยุ่งเหยิง 5 ขวด” โรแลนด์พยายามจะติดสินบน
“10 ขวด รสชาติไม่เหมือนกัน” ไนติงเกลเลียริมฝีปาก
“เยอะไปจะทำให้คนอื่นสงสัยได้…”
“สงสัยอะไรหรือเพคะ?”
“เอ่อ ข้าหมายถึงว่ามันจะทำให้คนอื่นรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมน่ะ”
“วางใจได้เพคะ ขอเพียงเป็นของที่หม่อมฉันต้องการซ่อน ก็ไม่มีใครที่จะหามันพบเพคะ”
“8 ขวดแล้วกัน ถ้าได้มันง่ายไป มันจะ…”
“หืม?”
“ไม่ ไม่มีอะไร เดี๋ยวข้าคิดดูอีกที…”
…..
สุดท้ายโรแลนด์ก็ใช้เครื่องดื่มยุ่งเหยิง 10 ขวดเพื่อเซ็นข้อตกลงที่ไม่ยุติธรรมอันนี้
เมื่อเห็นไนติงเกลที่นั่งกินปลาแห้งด้วยสีหน้าผู้ชนะ โรแลนด์ถึงกับส่ายหน้าพร้อมยิ้มออกมา
พอตึกเย็น บารอฟก็โทรมารายงานเรื่องรายชื่อผู้ที่จะไปเยี่ยมคนงานสร้างทางรถไฟ “กระหม่อมกับเลดี้บุ๊คได้ทำการเปรียบเทียบบันทึกรายชื่อญาติพี่น้องกับหนังสือมอบผลประโยชน์ดูแล้ว จากหลักเกณฑ์ที่ว่าคนเป็นญาติควรจะได้ไปเยี่ยมก่อน พวกกระหม่อมก็เลยคัดเลือกคนกลุ่มแรกที่จะเดินทางไปยังที่ราบลุ่มบริบูรณ์มาทั้งหมด 1,600 กว่าคนพ่ะย่ะค่ะ” เขาพูดรายงานในโทรศัพท์ “ตอนนี้พวกกระหม่อมกำลังร่างแผนในการเยี่ยมอยู่ ถ้าทุกอย่างราบรื่นดี หลังจากนี้สองวันพวกเขาก็ออกเดินทางได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ดีมาก” โรแลนด์รู้สึกพึงพอใจการทำงานของทางสำนักบริหารมาก ไม่เสียทีที่เป็นคนที่เขาปลุกปั้นขึ้นมาเองกับมือ “รีบไปจัดการได้”
“พ่ะย่ะค่ะ! แต่ว่าฝ่าบาท มีคนงานคนนึงที่เซ็นมอบผลประโยชน์ให้กับแม่มดพ่ะย่ะค่ะ”
“แม่มด?” เขาเลิกคิ้วขึ้นมา
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ คนงานคนนั้นชื่อเขี้ยวงู มาจากเขตลองซอง เดิมทีเคยเป็นโจรใต้ดิน ส่วนแม่มดคนนั้นคือคุณหนูเปเปอร์พ่ะย่ะค่ะ”
เปเปอร์เหรอ? โรแลนด์นึกขึ้นมาได้ทันทีว่าตอนที่เปโรมาส่งให้เขา อีกฝ่ายเคยพูดถึงสถานะของเธอ แล้วก็เรื่องราวที่เจอมาระหว่างทางด้วย หรือว่าคนๆ นี้คือเพื่อนของเธอในอดีต?
“จะให้ตัดเขาออกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” น่าจะเป็นเพราะเขาไม่ยอมพูดอะไรออกมา บารอฟเลยเป็นฝ่ายถามขึ้นมาเอง “เพราะว่าคุณหนูเปเปอร์ไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตในอดีตแล้ว”
โรแลนด์ได้สติคืนมา “ไม่ สิ่งที่นางบอกลาคือการเป็นโจรใต้ดินต่างหาก ไม่ใช่เพื่อนในอดีตของนาง อย่าลืมซะล่ะ สิ่งที่สำคัญที่สุดในการขุดรากถอนโคนพวกโจรใต้ดินออกไปก็คือการเปลี่ยนแปลงพวกเขา ไม่ว่าเมื่อก่อนนี้พวกเขาจะเป็นอะไร เราก็ควรปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเท่าเทียมกัน”
อดีตโจรใต้ดิน ตอนนี้กลายเป็นคนงานที่ออกไปทำงานในที่ห่างไกล…เขายิ้มมุมปากขึ้นมา เมื่อดูจากเวลาแล้ว ทั้งสองคนน่าจะแยกจากกันมาเกือบสองปีแล้ว เป็นไปได้สูงว่าต่างฝ่ายอาจจะจำหน้าตาของอีกฝ่ายไม่ค่อยได้แล้วด้วยซ้ำ แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เพื่อนคนนั้นก็ยังเขียนชื่ออีกฝ่ายลงไปในหนังสือมอบผลประโยชน์ ความรู้สึกแบบนี้ถือว่าไม่เลวทีเดียว
“เดี๋ยวข้าจะไปบอกเปเปอร์เอง” โรแลนด์สั่งกำชับ “เรื่องอื่นก็จัดการไปตามแผนแล้วกัน”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
…..
บนพื้นที่โล่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของสถานีหมายเลขหนึ่ง กองทัพที่หนึ่งกำลังจัดงานศพแบบง่ายๆ ให้กับเหล่าผู้เสียชีวิต
แผ่นป้ายสีขาวเกือบสามร้อยแผ่นตั้งเรียงรายอยู่บนพื้นหญ้าอย่างเป็นระเบียบ ถึงแม้ด้านล่างแผ่นใต้จะไม่มีการฝังอะไรไว้ก็ตาม แต่ทุกคนก็ยังยืนไว้อาลัยด้วยความเคารพ ราวกับว่าสหายที่เสียชีวิตไปกำลังยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาอยู่
“ที่นี่มีเหล่าผู้กล้าที่เสียสละชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องสถานีหมายเลขหนึ่งนอนหลับใหลอยู่”
“ถึงแม้จะเผชิญหน้ากับศัตรูที่โหดเหี้ยม แต่พวกเขาก็ไปถอยหนีแม้แต่ก้าวเดียว”
“เพราะพวกเขารู้สึกว่าเกรย์คาสเซิลอยู่ด้านหลังพวกเขา”
“พวกเขาเป็นทั้งดาบขอบฝ่าบาท แล้วก็เป็นที่คอยปกป้องประชาชนในอาณาจักร”
“ชื่อของพวกเขาจะถูกจดจำเอาไว้ตลอดกาล”
“จิตใจอันกล้าหาญของพวกเขาจะถูกสืบทอดต่อโดยพวกเรา”
“เพื่อฝ่าบาท เพื่ออาณาจักรเกรย์คาสเซิล”
“ทำความเคารพ!”
ทุกคนพากันยกมือขวาขึ้นมาทำวันทยหัตถ์ภายใต้การนำของขวานเหล็ก”
ไลต์นิ่งค่อยๆ บินลงมานั่งอยู่บนหลังคาบ้านพักทหารหลังหนึ่ง
ในกลุ่มคนที่กำลังยืนเรียงแถวกันอยู่ เธอมองเห็นคนที่คุ้นเคยคนหนึ่ง
นั่นคือคนขับแบล็คริเวอร์
…………………………………………………………….