เมื่อซุยฉีและฉิวฉี เข้ามาพวกนางก็เห็นหลิน ชูจิ่วจ้องไปที่ผ้าปูที่นอนในความงุนงง สาวใช้ทั้งสองคนรู้ว่าหลิน ชูจิ่ว กำลังคิดอะไรอยู่ แต่……
สิ่งนี้ไม่ควรพูดถึง ไม่เช่นนั้นพวกนางจะถูกฆ่า ไม่ต้องพูดถึงพวกนางยังมีส่วนร่วมในเรื่องนี้อีกด้วย
สาวใช้ทั้งสองรับใช้หลิน ชูจิ่วไปอย่างเงียบ ๆ ทั้งล้างเนื้อตัวและกินอาหารเช้า เมื่อเห็นหลิน ชูจิ่ว กำลังกินมื้อเช้าด้วยความงุนงง สองสาวใช้ก็กังวลว่าหลิน ชูจิ่วอาจจะเป็นบ้า ดังนั้นพวกนางจึงแนะนำให้นางออกไปเดินเล่นในสวน
ที่เรือนของหลิน ชูจิ่ว มีเพียงสนามหญ้าขนาดใหญ่เท่านั้น แม้ว่าจะไม่มีทิวทัศน์ให้ดู แต่สถานที่ก็ใหญ่มาก นอกจากนี้มันสามารถหันเหความสนใจของบุคคลเมื่อเดินได้ หลิน ชูจิ่ว รู้สึกเห็นถึงข้อเสนอนี้ดี เธอจึงลุกขึ้นและเดินออกไปข้างนอก แต่เธอก็เห็นพ่อบ้านเอ้ารีบเดินเข้ามาก่อน
พ่อบ้านเฮ้าเห็นหลิน ชูจิ่วจากที่ไกลๆ แต่เขาก็อ้าปากและตะโกนขึ้นแล้ว“หวางเฟย ฮ่องเต้มีรับสั่งให้ท่านเข้าวังขอรับ”
เข้าวังหรือ?
หลิน ชูจิ่ว หยุดเดินและยืนรอให้พ่อบ้านเฮ้า เดินเข้ามา
พ่อบ้านเฮ้า เดินด้วยความรีบร้อนมาจนหยุดอยู่ตรงหน้าของหลิน ชูจิ่ว เมื่อเขามาถึงหน้าผากของเขาก็เต็มไปด้วยเหงื่อ “ หวางเฟย ท่านต้องการให้บ่าวชราผู้นี้ไปเตรียมตัวหรือไม่ขอรับ?” ลานของหวางเฟยของพวกเขาใหญ่มาก เขารู้สึกเหนื่อยมากจริงๆ
“ฮ่องเต้มีรับสั่งให้ข้าเข้าไปในวังมันเกิดอะไรขึ้น?” หมอหลวงฉินได้รักษาพิษของเสี่ยว จื่ออันแล้ว และมันก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธออีก
“ ดูเหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับหมอเทวดาโม่ บ่าวชราผู้นี้ก็ไม่ทราบเหตุผลที่เฉพาะเจาะจงขอรับ” ในขณะที่พูดชื่อของหมอเทวดาโม่ พ่อบ้านเฮ้าก็ถอนหายใจเข้าลึกๆ
หลิน ชูจิ่ว พยักหน้าและถามขึ้น “หวางเย่ พูดว่าอย่าไรบ้าง?”
“ หวางเย่ออกไปข้างนอกขอรับ” ถ้าไม่เพราะแบบนั้น เขาจะไม่รีบมาหา หลิน ชูจิ่วเช่นนี้
เมื่อเสี่ยวเทียนเหยา หายไปเช่นนี้ หลิน ชูจิ่วก็ไม่สามารถปฏิเสธคำสั่งของฮ่องเต้ได้ ดังนั้นหลิน ชูจิ่วจึงพยักหน้าขึ้น “เช่นนั้น ข้าก็จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
คราวนี้ฮ่องเต้เชื้อเชิญให้หลิน ชูจิ่วเข้าไปในวังด้วยวิธีการที่สุภาพ เขาไม่ได้ส่งทหารองครักษ์หลวงมารับเธอ เขาส่งเพียงองครักษ์หลวงเพียงไม่กี่คนมาเพื่อคุ้มกันความปลอดภัยของเธอเท่านั้น สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าฮ่องเต้ยังคงให้ความสำคัญกับอิทธิพลของเสี่ยวเทียนเหยาอยู่
ไม่ว่าสงครามระหว่างฮ่องเต้และเสี่ยวเทียนเหยาจะดุเดือดแค่ไหน ฮ่องเต้ก็ยังคงไว้หน้าเขาในฐานะเทพเจ้าแห่งสงครามของแคว้นตะวันออกอยู่
แต่สำหรับเสี่ยวเทียนเหยานะหรือ?
หลิน ชูจิ่ว ไม่เคยเห็นว่าเขาทำตัวเหมือนเป็นประชาชนและทหารภายใต้สวรรค์แห่งนี้ เธอไม่เคยเห็นว่าเขาจะปฏิบัติต่อฮ่องเต้อย่างเคารพ และเสี่ยวเทียนเหยาก็ไม่เคยไว้หน้าฮ่องเต้
ถนนนั้นยาวไกล หลิน ชูจิ่วนั่งคนเดียวภายใน แต่ก็น่าเสียดายที่หลิน ชูจิ่ว กำลังนั่งอยู่ในรถม้าของวังหลวง รถม้าไม่สะดวกสบายเหมือนรถม้าของตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ ไม่มีหนังสือหรือกระดานหมากรุกให้ฆ่าเวลา
แม้ว่าเธอจะรู้สึกเบื่อ แต่หลิน ชูจิ่วก็ไม่ได้คิดมากว่าจะมีอะไรรอเธออยู่ในวัง เธอรู้ดีว่าเมื่อเธอรักษาขาของเสี่ยวเทียนเหยา เธอจะถูกผูกไว้กับชีวิตของเสี่ยวเทียนเหยา ตราบใดที่เสี่ยวเทียนเหยา ไม่ล้มลง ตราบใดที่เธอไม่ได้ทำบาปอย่างจงใจ ฮ่องเต้ก็จะไม่สามารถจบชีวิตของเธอลงได้ ถ้าเสี่ยวเทียนเหยา ล้ม แม้ว่าเธอจะประพฤติตัวดีแค่ไหน ฮ่องเต้ก็จะไม่ปล่อยเธอไว้
กลุ่มคนจากไปพร้อมกับรถม้า หลิน ชูจิ่วง่วงดังนั้นเธอจึงมองหาตำแหน่งที่สะดวกสบายและนอนหลับไป
ถนนจากตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ไปยังพระราชวังไม่สั้น หลิน ชูจิ่วนอนหลับอย่างสบายจนกระทั่งรถม้าหยุด เมื่อมันหยุดเธอก็ตื่นขึ้น
“ข้ารู้สึกชัดเจนว่าการเฝ้าระวังของข้ายังดีอยู่ เหตุใดข้าจึงไม่รู้สึกถึงเสี่ยวเทียนเหยา?” หลิน ชูจิ่วตบแก้มของเธอ เพื่อทำให้ตัวเองดูมีจิตวิญญาณมากขึ้น
“เสี่ยวหวางเฟย เชิญ…” ภายนอกรถม้าเสียงของขันทีดังขึ้น
หลังจากประโยคนี้ประตูรถม้าก็ถูกเปิดออก หลิน ชูจิ่ว ลุกขึ้นและด้วยความช่วยเหลือจากขันที เธอก็ก้าวลงไปบนม้านั่งและลงจากรถม้าได้ ในแคว้นตะวันออกจะมีม้านั่งขนาดเล็ก ๆ มันไม่เหมือนกันกับในทีวี ที่ขุนนางจะเหยียบลงไปบนหลังของคนรับใช้